xs
xsm
sm
md
lg

หวิดเดือดอีกรอบ “หนึ่ง จักรวาล” ยอมจบ จ่าย 2 แสนเคลียร์คดีคอนเสิร์ต “ครูชาลี” ด้านเมียปะทะคารมฝั่งผู้จัด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“หนึ่ง จักรวาล” ขอจบคดีคอนเสิร์ต “ครูชาลี” ยอมจ่าย 2 แสนให้ “พรพิมล” ผู้จัด ด้านผู้จัดเผยยอมจบเพราะ “พระอาจารย์วราห์” โทร.มาขอบิณฑบาต อยากให้จบเรื่องนี้กันด้วยดี จากที่ฟ้อง 10 ล้านยอมจบที่ 2 แสน และนำเงินทั้งหมดมอบให้ 3 ฝ่าย แต่ไม่วายเกิดปะทะคารม พรพิมลฉะ “ตุ๊กติ๊ก” ภรรยาหนึ่ง อย่าพูดเยอะ ยิ่งพูดยิ่งเข้าตัว สัญญาเอกสารมีทุกอย่าง

เคลียร์จบลงตัว แต่อาจจะไม่ค่อยประทับใจกันเท่าไหร่ เพราะขณะที่ฝั่งผู้จัดงานคอนเสิร์ต “99 ปี ครูชาลี อินทรวิจิตร” อย่าง “คุณพรพิมล มั่นฤทัย” ประธานบริหาร บริษัท โคลีเซี่ยม พร-คมน์ เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด รวมถึง “หนึ่ง จักรวาล เสาธงยุติธรรม” นักดนตรี-โปรดิวเซอร์ดนตรีชื่อดัง ร่วมกันแถลงข่าวเพื่อยุติกรณีข้อพิพาทคอนเสิร์ตที่เกิดขึ้น ณ สมาคมดนตรีแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์

โดยการแถลงครั้งนี้มี นายประยงค์ ชื่นเย็น นายกสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์, นายชุมศักดิ์ สุกาญจนะ ที่ปรึกษาฝ่ายกฏหมาย บริษัท โคลีเซี่ยม พร-คมน์ เอ็นเตอร์ไพร์ส จํากัด, คุณธิดา อินทรวิจิตร ภรรยาครูชาลี อินทรวิจิตร, คุณจิราวุฒิ กาญจนะผลิน ทายาทของ ครูสมาน กาญจนผลิน ผู้ประพันธ์ทำนอง รวมถึง “ตุ๊กติ๊ก เบญจวรรณ นเรศิลป์” ภรรยาของ หนึ่ง จักรวาล ร่วมในการแถลงข่าวครั้งนี้ด้วย ซึ่งในบางช่วงได้เกิดการโต้แย้งกันเกิดขึ้นทั้งทางฝั่งทนายความกับหนึ่ง จักรวาล และทางตุ๊กติ๊กกับฝั่งผู้จัด

ซึ่งมีการเปิดเผยว่าเหตุที่ทำให้ข้อพิพาทครั้งนี้ยุติลงได้ ก็เพราะ “พระอาจารย์วราห์ ปุญญวโร” แห่ง วัดโพธิทอง เกจิอาจารย์ชื่อดัง โทร.มาขอบิณฑบาตกับทาง “พรพิมล” ผู้จัดคอนเสิร์ต ว่าอยากให้เรื่องนี้ยุติลงด้วยดี ตนจึงยอมทำตาม

พรพิมล : “ก็เมื่อเราได้เคลียร์กันที่ศาล เมื่อวันที่ 19 ต.ค. จาก 10 ล้าน เหลือ 2 แสน อันนั้นก็คือพรพิมลไม่ได้เอาไว้ แต่จะมอบให้กับ 1. ทางครูอ่อน (จิราวุฒิ กาญจนะผลิน) 5 หมื่น 2. กับทางสมาคมดนตรี 5 หมื่น 3. อีก 1 แสนก็ถวายให้พระอาจารย์วราห์ ทุกอย่างเกี่ยวข้องกัน ให้รู้ว่าไม่ได้ติดใจอะไรกันแล้ว เพราะพระอาจารย์วราห์ขอบิณฑบาตมา พรพิมลก็ให้ท่าน เพราะถือว่าอย่างน้อยอยู่ในวงการเดียวกัน”

หนึ่ง : “จริงๆ ผมไม่อยากให้เอ่ยชื่อหลวงพ่อครับ”

ตุ๊กติ๊ก : “ใช่ค่ะ ไม่น่าเอามาเกี่ยว”

พรพิมล : “ก็เป็นสิ่งที่พระอาจารย์มีความรู้สึกที่ดีทั้งสองฝ่าย ท่านก็ไม่ได้เสียหาย เพราะเราก็สนิทกับท่าน เมื่อท่านบิณฑบาตมา เราก็รู้สึกว่าถ้าท่านขอมาแล้ว ทำไมเราจะไม่ให้ เราก็ต้องให้ วันนี้ที่คุณหนึ่งมามอบให้ 2 แสน เพื่อเราจะได้เอามามอบต่อตามที่คุยกัน”

ทนายความ : “จากที่ผมได้บอกในที่ประชุมว่าที่คุณหนึ่ง คุณตุ๊กติ๊กและคณะได้กล่าวคำกราบขอโทษขออภัย ยอมรับผิดทุกอย่างจากคุณพรพิมล”

หนึ่ง : “ต่างฝ่ายต่างขอโทษด้วยกัน เพราะทางนี้ก็ต้องขอโทษเราด้วย

ทนายความ : “ผมขอพูดก่อนนะครับ ก็หลังจากที่ท่านกล่าวเสร็จ ผมก็ถามคุณจักรวาลว่า ที่ท่านกล่าวขอโทษ ขออภัย ขอยอมรับผิดทุกเรื่อง มันคือเรื่องอะไรบ้าง คุณจักรวาลก็ไม่ได้ตอบ ไม่ได้โต้แย้ง แล้ววันนั้นเราก็พูดในเรื่องที่เกี่ยวพันทั้งหมด ในเรื่องที่คุณเคยไปแถลงข่าวก่อนจัดงานว่า จะไม่ขอรับเงินค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ทำเพื่อเชิดชูบูชาครู แต่ทางเราก็ได้บอกว่ามันเกี่ยวพันกันทั้งหมดหลายเรื่อง เราก็ไปแถลงข่าวเมื่อวันที่ 2 เม.ย. ข้อเท็จจริงต่างๆ มันก็ปรากฎในข้อบันทึกนั้นทั้งหมดแล้ว”

หนึ่ง : “วันนี้เขาเข้าใจกันทั้งหมดแล้ว คุณลุงอย่าสาว จริงๆ น่าจะจบแล้ว”

พรพิมล : “ก็ที่คุณตุ๊กติ๊กบอกว่าไม่เกี่ยวข้อง คุณทนายก็เลยรู้สึกว่ามันเกี่ยวทั้งหมด”

ทนายความ : “ผมขอพูดต่ออีกนิดนะครับ จากที่บอกว่าไม่ขอรับเงิน แต่วันที่ 9 ก.พ. 65 มีสำนักงานกฎหมายที่คุณมอบอำนาจ ยื่นโนติสมาเรียกเงิน 3.7 ล้าน ผมพูดจบแล้ว นี่คือความเกี่ยวข้องทั้งหมด เชิญครับ”

ตุ๊กติ๊ก : “ก็ที่บอกว่าพี่หนึ่งขอโทษทุกสิ่งทุกอย่าง เดี๋ยวภาพจะออกมาว่าที่ผ่านมาผิดแล้วไม่ยอมรับผิดเหรอ ต้องบอกว่าพี่หนึ่งขอโทษในฐานะที่ป้าพรรู้สึกน้อยใจประเด็นอะไรต่างๆ พี่หนึ่งในฐานะเป็นเด็กก็รู้สึกว่าอยากให้จบ ถ้าทำร้ายจิตใจอะไรก็ขอโทษ เราบอกว่าเราขอโทษในฐานะที่เราเป็นเด็ก และตอนนี้ทุกคนก็เข้าใจแล้ว และพูดคุยกันว่าประเด็น 4 ล้านก็เข้าใจผิดเหมือนกัน เพราะเราไม่เคยเรียกเงิน 4 ล้าน จริงๆ สัญญานี้ไม่ได้มีแค่ทางเราเลย ทางป้าพรและมีกรรมการท่านอื่นๆ ด้วย และทุกคนก็เข้าใจกันแล้ว ที่ผ่านมาเป็นการเข้าใจผิดกัน วันนี้เราก็ได้เอาเงินตรงนี้มอบให้ผู้ใหญ่ในหลายๆ ส่วน ก็คิดว่ามันควรจะจบลงด้วยดี เอาเป็นว่าประเด็นเรื่อง 4 ล้านมันไม่เคยเกิดขึ้นนะคะ”

พรพิมล : “ถ้าบอกว่าประเด็น 4 ล้านไม่เคยเกิดขึ้น ขออนุญาตพูดจะได้เข้าใจ (ดูในเอกสาร) ที่ส่งมาวันที่ 23 มี.ค. ที่ส่งมา 3,180,000 บาท ในเวลา 14.30 น. วันเดียวกันเวลา 17.17 น. 4,360,000 บาท ถึงได้เกิดกรณีมีปัญหากันขึ้น”

หนึ่ง : “จริงๆ มันไม่ถึง”

พรพิมล : “ก็มาคิดตอนหลังว่าอยู่ที่ 1.4 ล้าน”

หนึ่ง : “จริงๆ ผมบอกว่าขอแค่ 1.4 ล้าน แต่ป้าพรบอกว่าขอรายจ่ายจริงได้ไหม อยากรู้ เราก็บอกว่าจริงๆ ไม่ต้องรู้เลย เพราะรายจ่ายจริงมันจะแพงมาก เพราะผมไม่ได้คิด ผมแค่ทำส่งไปให้เท่านั้นเอง”

พรพิมล : “เอาเป็นว่าเราเข้าใจกันแล้ว แต่คนอื่นเขายังไม่เข้าใจ จากที่เราแถลงข่าววันนั้น เขาก็สามารถกลับไปดูในสื่อได้ แต่วันนี้เราก็พูดกันเพื่อให้เกิดความเคลียร์ ความชัดเจน”

ตุ๊กติ๊ก : “ขอนะคะ ใครอย่าเอาประเด็น 4 ล้าน 3 ล้านอะไร เรามีแค่ 1.4 ล้าน และศิลปินทุกคนรับทราบราคาตรงนั้นแล้ว”

พรพิมล : “ฟังก่อนนะ จะ 3 หรือ 4 ล้านที่ปรากฎ แต่สรุปแล้วเราจ่ายให้เธอไป 1.4 ล้าน ถูกต้องไหม เราจ่ายเรียบร้อยแล้วนะ”

ตุ๊กติ๊ก : “ใช่ค่ะ เพิ่งจ่ายไปเมื่อประมาณปลายเดือนที่แล้ว เราได้เงินแล้วนะคะ

พรพิมล : “ที่จ่ายเรียบร้อย เพราะว่าจริงๆ แล้วเราไม่ต้องจ่าย จ่ายแค่ 4 แสนกว่า แต่ล้านนึงมันอยู่ในบัญชีอยู่แล้ว แต่เธอไม่ได้เอามาใช้”

ตุ๊กติ๊ก : “อันนั้นเราก็คงจะเข้าใจผิดว่าป้าพรให้เอาไปใช้ แต่เราก็ไม่ได้ใช้ เพราะเราเข้าใจผิด”

หนึ่ง : “เราใช้ไม่ได้ เงินผู้ใหญ่ เราเอามาใช้ไม่ได้”

พรพิมล : “(ตีที่ขาหนึ่ง) ไม่ใช้ได้ยังไง ทำอะไรก็ต้องมีค่าใช้จ่าย ไม่มีค่าใช้จ่าย จะทำงานได้ยังไง”

ตุ๊กติ๊ก : “ก็เป็นเรื่องเข้าใจผิดว่าเราใช้ได้ แต่เราไม่กล้าเอาไปใช้ ยิ่งเป็นเงินบริจาคของประชาชนด้วย ก็อาจจะทางทีมงานหนูเข้าใจผิด”

พรพิมล : “ไม่ใช่ๆ เงิน 1 ล้านบาทเปิดเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของการจัดทำการคอนเสิร์ต

ตุ๊กติ๊ก : “ก็ใช่ค่ะ แต่ป้าพรก็เอาเงินส่วนตัวของป้าพรมาใส่ไปให้”

พรพิมล : “ก็ไปเปิดบัญชีให้ก่อน โดยเธอเซ็น คุณชัยยงค์เซ็น และนายจำลองเซ็น 3 ท่าน เข้าใจนะ”

ทนายความ : “แล้วสมุดบัญชีอยู่ที่ใครตั้งแต่วันนั้น”

พรพิมล : “อยู่ที่คุณตุ๊กติ๊ก”

หนึ่ง : “เราใช้ไม่ได้ครับ เงินผู้ใหญ่เราใช้ไม่ได้ อีกอย่างต้องมีคนเซ็น 3 คน เอาน่า จบน่า มันจบแล้ว ปีใหม่แล้ว”

ทนายความ : “ผมต้องพูดให้ทางสื่อมวลชนได้รับทราบด้วย ว่าทนายความผู้รับมอบอำนาจในคดีที่เรียกมา 3.7 ล้าน คุณได้สั่งยุติหรือยัง”

หนึ่ง : “เขาเข้าใจแล้ว อย่าสาวเรื่อง”

ตุ๊กติ๊ก : “คุณอาคะ เราไม่มีราคาตรงนี้นะคะ เพียงแต่เรื่องมันผ่านไป 1 ปีแล้ว เรายังไม่ได้ค่าใช้จ่าย ก็เพิ่งได้ปลายเดือนที่แล้ว”

ทนายความ : “ผมได้ถามคุณทั้งสองว่า ทางท่านได้สั่งให้ทนายความยุติเรื่องนี้ไปหรือยังที่ยื่นโนติสมา”

ตุ๊กติ๊ก : “ก็ไม่มีแล้วค่ะ คือเราไม่ได้เงินใน 3 ล้านตรงนี้”

หนึ่ง : “เขาจบหมดแล้วคุณลุง (หัวเราะ)”

ตุ๊กติ๊ก : “ตอนนี้เราได้รับเงินแล้ว งานก็จบไปด้วยดีนะคะ”

ฝั่งผู้จัดยืนยัน “หนึ่ง จักรวาล” ต้องส่งต้นฉบับคลิปคอนเสิร์ตที่ลงในยูทิวบ์ให้ตนด้วย แต่ทาง “หนึ่ง” ยืนยันว่าไม่มี
พรพิมล : “ก็ต้องถามต่อเรื่องทำเอกสารกันต่อนะ เรื่องลิขสิทธิ์ เพราะเรายังไม่ได้ทำเอกสารให้เกิดความสมบูรณ์ คือเราจะถอนฟ้องต่อเมื่อทุกอย่างมันจบจริงๆ”

หนึ่ง : “ก็วันนี้เราก็เอาเงินมามอบให้ครูครับ”

พรพิมล : “เรื่องคลิปยูทิวบ์ที่ขึ้นตอนนั้น ส่วนนึงต้องเป็นสิทธิของเรา ของครู ถึงได้บอกว่าต้องมาทำเอกสารสัญญา ระยะเวลาเท่าไหร่เราต้องคุยให้ชัดเจน ถึงได้บอกว่าเราต้องเคลียร์ให้เรียบร้อยก่อน ก่อนที่เราจะถอนฟ้องทั้งหมด ไม่งั้นมันจะไม่เรียบร้อย”

ตุ๊กติ๊ก : “ตอนนี้ในยูทิวบ์เราไม่มีแล้วนะคะ เพราะวันที่ถ่ายทอดสดเราโดนดูดไปลงยูทิวบ์กันเยอะมาก พอผ่านไป 1 เดือนเราถึงเพิ่งจะกลับไปลงนะคะ”

พรพิมล : “คือตอนนี้จะมีหรือไม่ แต่ก็ได้ปรากฏไปแล้ว เราก็ต้องทำให้เกิดความชัดเจน ไม่ใช่ยังลอยๆ อยู่”

หนึ่ง : “ก็พอเห็นคนอื่นลง เราก็คิดว่าไม่ลงดีกว่า เพราะคนอื่นเอาไปดูดลงกันหมดแล้ว

พรพิมล : “แต่ถ้าคุณไม่ลง คุณก็น่าจะเอาต้นฉบับมาให้ฉัน ฉันจะได้เอาไปลงของฉันเอง”

หนึ่ง : “อ๋อ ไม่มีแล้วครับ”

พรพิมล : “ก็ต้นฉบับที่คุณลงอยู่ นั่นแหละคือต้นฉบับ ต้องเอามาให้พรพิมลเหมือนกัน”

หนึ่ง : “ไม่มีครับ เพราะเราเล่นสด แล้วบางทีนักร้องเสียงไม่คงที่ เราไม่อยากทำลายนักร้องที่เป็นบุคลากรของคนไทย พอผมเห็นของคนอื่นลง เรายังคิดว่าไม่น่าลงเลย เพราะนักร้องบางท่านเสียงไม่ดี แล้วเราเอาท่านไปลง จริงๆ ผมอยากแต่งเสียงท่านก่อนแล้วค่อยลง แต่ไม่ทันแล้ว”

พรพิมล : “พูดกันตามความจริงก่อน การจัดคอนเสิร์ตมันต้องมีต้นฉบับ 1 ชุดให้กับผู้จัด ไม่ใช่ไม่มี แล้วคุณจะบอกว่าเสียงไม่ดีแล้วไม่ลง ยังไงก็ต้องมี ดีไม่ดีก็ต้องมี เราจะได้รู้ว่าเป็นยังไง”

ผู้จัดเผยไม่ติดใจอะไรแล้ว แต่ยังต้องเคลียร์เรื่องลิขสิทธิ์สัญญาให้เรียบร้อย ถึงจะไปถอนฟ้องให้
พรพิมล : “ถามว่ายังติดใจอะไรไหม ตอนนี้ไม่ได้ติดใจอะไรแล้วค่ะ หลังจากที่เคลียร์เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่รอว่าทุกอย่างต้องจบเสร็จจริงๆ ก็ถึงจะไปถอนฟ้อง ซึ่งที่ฟ้องค้างอยู่ตอนนี้ก็คือเรื่องตัวลิขสิทธิ์ จะยังไงก็ต้องทำขึ้นมา ไม่ทำไม่ได้ เพราะเกิดการเผยแพร่แล้ว อันนี้ในส่วนของครูจิราวุฒิที่เป็นลูกชายครูสมานที่เป็นคนทำทำนอง ซึ่งครูไม่คิดค่าทำนองเลยแม้แต่บาทเดียว”

หนึ่ง : “ผมก็เคลียร์ทุกอย่างที่เข้าใจผิดกัน เคลียร์เรียบร้อยหมดแล้วครับ วันนี้ก็นำเงินมา เราตั้งใจเพราะเราคุยกันตั้งแต่แรกแล้วตั้งแต่ที่ศาลว่าจะนำเงิน 2 แสนมามอบให้ครู วันนี้ก็เตรียมมาแล้ว ก็จบแล้วครับ แต่เรื่องยูทิวบ์ทางเราไม่มี เพราะพอเห็นคนอื่นลง เราก็รู้สึกเกรงใจแต่ละท่านที่ร้องไปแล้วเสียงไม่ดี เราก็เลยไม่ลง”

ตุ๊กติ๊ก : “ต้องขยายความเรื่องลิขสิทธิ์ของป้าพรที่ผู้ใหญ่จะให้พี่หนึ่งทำต่อ คือเผอิญว่าตอนแรกป้าพรทำเอกสารชื่อป้าพร ทีนี้ป้าพรก็อยากให้เปลี่ยนเป็นชื่อบริษัท ทีนี้ก็ยังไม่ได้เปลี่ยน เพราะว่าจะต้องไปเปลี่ยนกับทางยูทิวบ์ ก็กำลังรอดำเนินการค่ะ จริงๆ วันที่ไปแกรมมี่ ความตั้งใจดีของเรามีสิ่งเดียวเลยค่ะว่า เราอยากไปแสดงความสำเร็จเท่านั้นเอง

แต่เผอิญนักข่าวก็ถามในประเด็นอื่นๆ มา เราก็เลยต้องอธิบายไป จริงๆ วันนั้นเชิญป้าพรไปด้วย แต่ป้าพรติดงาน ก็เลยกลายเป็นว่าไม่ได้เคลียร์กันยาว จนกระทั่งมันมีประเด็นอื่นๆ ต่ออีก แล้วเราไม่ได้คุยกัน แต่พอคุยกันก็เคลียร์กันแล้วว่าเราเข้าใจผิดอะไรกันไป และในฐานะเราเป็นเด็กก็ไม่ได้ถามอะไรเยอะ พี่หนึ่งก็พูดออกมาเลยว่าอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ป้าพรไม่สบายใจก็ต้องขอโทษแล้วกัน

เราไม่ได้ขอโทษในสิ่งที่เรารับผิดนะ แต่เราขอโทษในสิ่งที่เราเป็นเด็ก ก็รู้สึกว่าอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ผู้ใหญ่ไม่สบายใจ เพราะบางทีการเป็นเด็กเราอาจจะไม่รู้ว่าการทำงานผู้ใหญ่อาจจะมองอีกมุมนึง เราเป็นเด็กมองอีกมุมนึง และในฐานะเด็กถ้าทำให้ผู้ใหญ่ไม่สบายใจก็ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ก่อนก็ไม่ได้เสียหายอะไรอยู่แล้ว”

พรพิมล : “น้องพูดไม่ค่อยไพเราะเลยนะ อันนี้พูดตามจริงก่อน ไม่ผิดที่เราไม่ได้ทำผิด ผิดเพราะว่าเราเป็นเด็ก ไม่ใช่ และเรื่องที่ไปแถลงข่าวช่องวัน น้องก็พูดเองว่าไม่จ่ายค่าใช้จ่าย เหตุมันเกิดเพราะคำพูดคำเดียวเท่านั้นเอง ว่าเราไม่จ่ายค่าใช้จ่าย เพราะหนึ่งต้องมาควักเงินเอง น้องพูดแบบนี้ต่างหาก เราฟังจากในทีวีแล้วมีความรู้สึกว่า เราเปิดบัญชีให้ 1 ล้านบาทแล้ว เพื่อไปสำรองจ่ายให้ไปจ่ายค่าใช้จ่าย เมื่อเปิดไปแล้วเธอไม่ใช้ แต่การเปิดตรงนั้นหนึ่งไม่ได้ไปด้วย เราคุยพร้อมกันทุกครั้ง หนึ่งไม่เคยอยู่ที่ประชุม ตุ๊กติ๊กเขาอยู่คนเดียว แล้วพูดทำไมว่าไม่ควักเงิน ไม่จ่ายเงิน ทำให้เราต้องมาควักเงินสำรองเราเอง แบบพูดไม่ได้ มันถึงได้เป็นเรื่อง ถ้าตุ๊กติ๊กยังไม่ยอมหยุดพูด ฉันก็ต้องชี้แจง”

ตุ๊กติ๊ก : “หนูขอขยายความก่อน พอดีนักข่าวถามมาเรื่องเงิน 4 ล้าน เราก็เลยต้องอธิบายไปในประเด็นนั้น เราตอบคำถามเพราะนักข่าวถามมา ถ้านักข่าวไม่ถามเราก็ไม่ตอบไปประเด็นนั้นนะคะ แต่ตอนนี้เรารู้แล้วว่าป้าพรบอกว่าใช้ได้ แต่เราไม่รู้เอง ก็เลยยอมรับตรงนี้ว่าไม่รู้เอง แต่เราก็ไม่กล้าเอาไปใช้ ก็บอกป้าพรว่าหนูไม่กล้าเอาไปใช้จริงๆ เพราะถ้ายอดมันยังไม่เคลียร์ ผู้ใหญ่หรือกรรมการยังไม่ได้รับทราบ เราก็เลยไม่กล้าเอาไปใช้”

พรพิมล : “ตุ๊กติ๊กนี่พูดเยอะนะ เธอยิ่งมากยิ่งจะเข้าตัวเอง เพราะเอกสารฉันมีหมด เอามาจากเธอทั้งหมด อย่าพูดเยอะ

หนึ่ง : “เอาเป็นว่าผมผิดทั้งหมด ง่ายดี จะได้จบ”

พรพิมล : “ฉะนั้นเวลาคุยทุกอย่าง ถ้าคุยมาก เราต้องเอาชัดเจน ถ้าเธอยิ่งคุยมากยิ่งจะเข้าตัว เพราะเอกสารเธอเองส่งให้ฉัน มันเป็นหลักฐานทั้งหมด ไม่ใช่ทำขึ้นมาเอง เพราะฉะนั้นตุ๊กติ๊กจะพูดอะไรต้องคิดซะก่อนนะ

ตุ๊กติ๊ก : “(ยกมือไหว้พรพิมล) ต้องกราบขออภัยป้าพรด้วยนะคะ แต่เข้าใจป้าพร เข้าใจทุกคน ไม่อยากให้ผู้ใหญ่น้อยใจ”

พรพิมล : “ไม่ใช่น้อยใจ จริงๆ พี่เอ็นดูเธอทั้งคู่อยู่แล้ว เพียงแต่เราไม่ได้ประสานกัน ตุ๊กติ๊กตัดสินใจเอง มันเลยทำให้ไม่เข้าใจกัน จนประสานกันไม่ได้เลย มันเลยทำให้มีปัญหา”









กำลังโหลดความคิดเห็น