“เอ็ม นันทวัฒน์” รับเห็นน้ำตา “ม้า อรนภา” โคตรสงสาร แต่ยันแจ้งความแน่ อยากสั่งสอนให้บทเรียน อย่าไปทำแบบนี้กับใคร ฉุนถูกคนด่าไม่ไปกินปู แต่ไปกินงู ยันไม่มีเรื่องแบบนั้น วอนโฟกัสที่ตนโดนตบ เป็นผู้เสียหาย ไม่ใช่มาคอมเมนต์เรื่องหน้า บูลลี่ม้า อย่าหลงประเด็น สาบานไม่เคยต้องการแสง แต่แสงมาหาผมเอง ไม่รู้ “ทนายตั้ม” จะไม่ยุ่งเรื่องนี้แล้ว
ออกมาเคลียร์ชัดๆ หลังออกรายการคุยแซ่บโชว์ สำหรับดาราน้องใหม่ “เอ็ม นันทวัฒน์ ผ่องบุรุษ”ที่ถูก “ม้า อรนภา กฤษฎี” ตบหน้าหันกลางห้าง ที่ประเทศเกาหลี ก่อนที่ “ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด”จะออกมาแฉ จนกลายเป็นประเด็นฉาวข้ามประเทศ
โดยเอ็มได้เปิดใจหมดเปลือก ยันเรื่องนี้แจ้งความแน่นอน ส่วนทนายตั้มจะไม่ยุ่งแล้ว ยังไม่รู้เรื่องนี้ เผยสิ่งที่ม้าแถลงเมื่อวานนี้ (30 พ.ย.) เป็นความจริง แม้ก่อนหน้านี้สงสารแต่ก็ต้องสั่งสอนให้เป็นบทเรียน
“อย่างภาพที่เห็นว่าถูกตบหรือถูกแตะครับ ผมเป็นคนเดียวที่รู้ว่าตอนนั้นคืออะไร ก็ไม่ใช่มุมกล้องครับ ก็หน้าหันเลย วันนั้นผมจะไปโซลทาวเวอร์ แล้วผมอิ่มแล้ว ก็เลยบอกว่าผมไม่กินปูแล้วครับ ถามว่าตบหรือแตะ คนทำอาจจะรู้สึกว่าแตะ แต่คนโดนคือผม ผมรู้สึกว่าตบ ตอนนั้นก็เจ็บครับ ก็โมโหแล้วบอกว่าพี่ทำแบบนี้กับผมไม่ได้นะ พ่อกับแม่ผมยังไม่เคยทำผมเลย ถ้าผมฟ้องแม่ มันเรื่องใหญ่นะ
ส่วนที่ไปกินปูกับเขา อันนัั้นเราเคลียร์กันประมาณ 1 ชั่วโมงเลยครับที่เมียงดง ว่าทำแบบนี้ไม่ถูกนะ แล้วเขาก็อธิบายของเขา ว่า 1 2 3 เป็นยังไง พอเขาอธิบายมา ผมก็รู้ว่าผมก็ผิด แต่เขาก็ขอโทษผมก่อน ในกรณีการตบ พอเขาขอโทษผมเสร็จ ผมก็ขอโทษเขา ว่าผมก็ผิดเหมือนกัน เพราะเราไม่เคยเจอกันมาก่อน เราเพิ่งเคยเรียนรู้กันครับ ผมก็เลยโพล่งไปว่า ต่อไปนี้เรามีอะไรเราพูดกันตรงๆ อยากกิน อยากไปไหน อยากทำอะไร”
ไม่ได้ย้ายโรงแรม แต่ย้ายไปอยู่ชั้น 13 แทน
“เรื่องย้ายโรงแรม สารภาพตรงนี้ว่าผมไม่ได้ย้ายโรงแรม ผมขอย้ายไปอยู่ชั้น 13 แม่ม้าอยู่ห้องเดิมคือชั้น 4 แล้วเช้าวันที่ผมต้องไปทำจมูก ระหว่างนั้นผมก็ถามคำตอบคำ ผมว่าเขาน่าจะรู้ว่ามีอะไรตุ่ยๆ แล้ว ถามว่าคุยกันแล้วว่าจะจบตรงนี้ แล้วทำไมถึงไปบอกคนอื่น ผมไม่ได้บอกเลยนะ ผมคุยกับแม่ตามปกติ”
เคลียร์กันแล้วแต่ในใจยังรู้สึก
“แน่นอนครับ ผมโดนตบหน้า กลับมาจากร้านปู ผมก็อาบน้ำแล้วมานั่งคิดว่าผมทำอะไรไม่ดีขนาดต้องโดนตบหน้าเลยเหรอ กับคำว่าเราไม่กินปู จากเราเงียบๆ ไปแล้ว พอเล่าให้แม่ฟังเราก็ยังเงียบๆ อยู่ แต่เราก็คิดว่าแล้ว 7-8 วันที่เหลือจะเป็นยังไงต่อไป ก็เลยเอาตัวเองออกมาห่างๆ ก่อนดีกว่า เขาก็ไปส่งผมทำจมูก ก็แค่นั้นเลยเมื่อก่อนผมจะไปรับเขาที่หน้าห้อง ตอนหลังผมไม่ไปแล้วครับ โทร.มาผมก็รับบ้าง ไม่รับบ้าง
ถามว่าในเมื่อเคลียร์แล้ว ทำไมไม่บอกเขาไปตรงๆ ว่าเรายังรู้สึกแย่ เพราะว่าผมไม่เปิดโอกาสให้แม่ม้าเข้ามาใกล้ๆ เลย ต่างคนต่างอยู่เลยครับ เพราะจมูกตอนนั้นผมก็ทำแล้ว ในเมื่อทำจมูกแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องไปเจอกันเลย อีกวันที่ไปเจอกันคือวันล้างแผล แม่เขาก็บอกว่าเอ็มถ่ายคลิปให้หน่อย ผมก็ถ่ายให้ครับ”
แจ้งความเพราะอยากได้หลักฐานจากกล้องวงจรปิด
“ผมอยากได้หลักฐานมากกว่า ว่าผมโดนตบจริง ตอนนั้นคือยังไม่รู้ว่าคิดไม่คิด แต่คิดว่าต้องไปแจ้งความเพื่อจะเอากล้อง CCTV ผมเก็บข้อมูลเอง ผมไม่ได้ส่งให้ทนาย ภาพที่ทนายได้ไป คือจากผมตอนที่ผมส่งเอกสารไป ตำรวจไม่ได้ส่งให้ทนายอยู่แล้วครับ ถามว่าทำไมถึงเก็บหลักฐาน ก็ง่ายๆ เลยครับ คนเราจะปรักปรำอะไร ทุกอย่างมันต้องมีหลักฐาน แล้วโชคดีที่ CCTV มันอยู่บนหัวพอดี ตอนแรกเขาไม่เปิดให้ เขาบอกให้ไปแจ้งความก่อน”
รับปรึกษาหลายคน แต่มีทนายตอบกลับมาคนเดียว
“พอเราตัดสินใจว่าเราจะฟ้อง เราก็ติดต่อไว้หลายคนครับ เราก็ตั้งคำถามโดยไม่ได้บอกว่า ม้า อรนภา ตบหน้าผม ผมถามทุกคนว่าถ้าโดนทำร้ายร่างกายที่เกาหลี ด้วยการถูกตบ จะทำยังไงได้บ้าง ก็ไม่มีใครตอบเลยครับ แต่มีทนายคนหนึ่งตอบมาเป็นคนพารากราฟเลยครับ ผมเลยบอกผู้จัดการผม ว่าผมจะได้ทนายแล้วนะ ผมไม่ได้บอกแม่ม้าว่าจะเอาเรื่องครับ พอรู้ตัว พอได้ทนาย ผมเก็บของเลยครับ หนีไปนอนอีกโรงแรมวันหนึ่ง แล้วอีกวันหนึ่งค่อยกลับมาโรงแรมตัวเอง แล้วขึ้นไปนอนชั้น 13”
ยันจะฟ้อง เพราะผิดกฎหมาย
“คืออันนี้มันเป็นอะไรที่กดดันผมมากเลย ว่าผมจะฟ้องหรือไม่ฟ้อง ผมจะฟ้องครับ การถูกตบมันผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะอยู่ไทยหรือเกาหลี วันนี้ผมโคตรรู้สึกโล่งเลยครับ ปลดล็อกที่สุดเลยครับ บางทีคุยกับเพื่อน คิดว่าเป็นเพื่อนสนิท เพื่อนก็แคปออกไป ที่ผมบอกว่าแม่ม้าเป็นคนดีนะ ทัวร์ก็มาลงผม หาว่าแล้วมึงจะเอายังไง อยากดังหรือเปล่า
ผมอยู่ตรงนี้มาไม่เคยมีใครรู้จักผมเลย แต่พอมีข่าวนี้ คนรู้จักผมจนผมควบคุมตัวเองไม่ได้เลย ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมคนสนใจเราขนาดนี้ ถามอยากดังไหม ผมไปทำจมูกมาผมไม่ได้อยากให้ใครรู้เลยนะ ผมบอกผู้จัดการว่า ผมไปทำจมูกครั้งนี้ครั้งสุดท้ายแล้วนะ ถ้าไฟดวงนี้มันไม่เปิด ผมก็จะไปหาอย่างอื่นทำแล้วนะ สุดท้ายทุกคนก็รู้หมดเลย ว่าผมไปทำศัลยกรรมที่เกาหลีมา”
สาบานไม่เคยต้องการแสง แต่แสงมาหาผมเอง
“สาบานเลยนะ ว่าตอนนั้นไม่ได้คิดว่ามันต้องเป็นแบบนี้ เพราะตอนที่ตั้งใจฟ้อง ผมคิดว่าในวงการบันเทิงผมคงจบแล้ว จนวันหนึ่งแสงมันมาหาผมเอง ผมไม่คิดเลยว่าผมจะได้มานั่งตรงนี้ ในเมื่อผมได้มาแล้ว ผมก็ต้องมาพูดในสิ่งที่ผมเจอมา ให้ผู้ใหญ่รับฟังว่าผมไม่ใช่เด็กก้าวร้าว แม่ม้ารู้ดี เพราะเราอยู่กันขนาดนั้น”
เจอม้าครั้งสุดท้าย 29 พ.ย.
“เจอวันตัดไหมวันที่ 29 พ.ย. ครับ ผมเจอเขาผมก็ยกมือไหว้ แล้วถามว่ามาด้วยเหรอครับ เขาก็บอกว่าต้องมาสิ หน้าที่ของเขา ถามว่าผมไม่ติดใจเขาแล้วใช่ไหม ตอนที่ผมอ่านเจอในสื่อว่า ม้า อรนภา เตรียมฟ้อง ผมก็ขึ้นสุดเลย แล้วสุดท้ายผมมารู้ว่าเขาไม่ได้พูด ผมก็ลงมา อารมณ์มันขึ้นๆ ลงๆ ตั้งใจว่าจะไม่ดูข่าว แต่สุดท้ายข่าวมันก็มาถึงผมอยู่ดี”
ไม่ขอเจอหน้าม้า เพราะอยากได้พื้นที่สื่อคนเดียว
“เพราะพี่ม้าได้พื้นที่สื่อเมื่อวานไปแล้วคนเดียว วันนั้นผมก็อยากได้เหมือนกัน ถ้าพูดไม่ตรงกันผมก็จะแย้ง แล้วสิ่งที่กลัวที่สุด คือผมคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ขนาดนั้นเมื่อวานผมดูพี่ม้าแถลง ผมดูไม่จบนะ แต่รู้สึกว่าทำไมเขานิ่งขนาดนี้ ทำไมเขาทำเป็นหัวเราะได้ ทำไมเล่าใส่แต่ฟีลลิ่งวะ”
ลั่นม้าแถลงจริงทุกอย่าง แต่อยากฟ้องให้เป็นตัวอย่าง
“ที่เขาแถลงเมื่อวานมันเป็นความจริงหมดเลย หลังจากนี้ก็ต้องปรึกษาทนาย เพราะผมไม่รู้เรื่องกฎหมายเลย แต่เอกสารมีหมด แต่วันที่แม่ม้าเดินทางกลับ วันที่ 29 ผมไปสถานีตำรวจที่เกาหลี เขาให้ผมเซ็นยินยอมว่าเอกสารฉบับนี้ จะเอามาใช้ที่ไทยเท่านั้น มาใช้ที่เกาหลีไม่ได้แล้ว เพราะมันไม่มีผลที่เกาหลีแล้ว ผมก็ยินดีที่มันเป็นอย่างนี้
ถามว่าทำไมถึงยังไม่อยากเจอเขา ผมกลัวใจอ่อนครับ เพราะวันนั้นแม่ม้าก็ร้องไห้นะ วันก่อนไปกินปูเขาร้องไห้ พอเห็นเขาร้องไห้ ผมก็บอกโอเคครับ ผมให้อภัยแล้วครับวันตัดไหมเจอกันผมก็รู้สึกสงสารเลย เขาขอโทษเราแล้วเราจะไปเอาอะไรต่อ จะบอกว่าขอตบอีกทีหนึ่งก็ไม่ใช่ แต่ในเรื่องของกฎหมาย ผมอยากให้มันเป็นตัวอย่างครับ ไม่ใช่ว่าใครจะถูกตบก็ได้ ก็จะฟ้องอยู่ครับ”
ไม่ได้คุยกับทนายตั้ม
“ทนายที่นำเสนอข่าวไป ตั้งแต่กลับมาไทยผมยังไม่ได้ติดต่อเลยครับ เพิ่งกลับมาเมื่อคืน แต่หลักฐานมีหมดแล้วครับ ตำรวจเกาหลีบอกว่าให้เอาคลิปกับเอกสารนี้มาใช้ที่เมืองไทยได้ แต่ยังไม่ได้มีการดำเนินการที่ไทยเลยครับ ผมเพิ่งกลับมาถึงเมื่อคืน”
ไม่ทราบทนายตั้ม จะไม่ยุ่งแล้ว
“เหรอครับ ไม่ทราบเลยครับ อยากให้ทุกอย่างมันจบให้ไวที่สุดเหมือนกัน ถ้าไฟตรงนี้มันดับลง เพราะผมเอาเรื่องที่ผมโดนมาพูด ผมก็พร้อมให้มันดับครับ ผมก็พร้อมจะไปหาไฟดวงต่อไป”
ลั่นจะให้บทเรียนม้า ถ้าเป็นผู้ชายคงต่อยแล้ว
“ผมยังบอกกับแม่เลย ว่าเดี๋ยวเราไปเจอกันที่ศาลนะ ตอนนั้นเราอาจจะกอดคอกัน จูงมือกันไปที่ศาลก็ได้ แต่ผมก็ต้องให้บทเรียนเขาครับ ตอนนั้นผมไม่ได้กลัวว่าเขาเป็นม้า อรนภา ถ้าเป็นผู้ชายเราก็อาจจะต่อยกัน แต่ผมมองว่าเขาเป็นรุ่นแม่ จะให้ผมไปตบคืนผมก็ไม่ถึงขนาดนั้นครับ ก็อยากให้คดีมันสิ้นสุดตรงที่ศาลตัดสินครับ เราไม่เคยมีการคุยกันหลังกล้องเลยนะครับ ตั้งแต่วันที่ผมแจ้งความ”
ขอบคุณม้าที่พูดความจริง ร้องไห้ในรายการเหนือการควบคุม
“ขอบคุณนะแม่ม้า ที่เราพูดว่าเรามาพูดความจริงกันนะ เมื่อวานแม่ก็พูดความจริง ตอนแรกผมกลัวมาก ผมกลัวไปเอง ว่าแม่ม้าจะออกมาพูดว่ามันเป็นเด็กฉันโน่นนี่ ในรายการเมื่อกี้ผมก็ไม่อยากร้องไห้นะ แต่มันเหนือการควบคุม มันอึดอัด ถามว่าอยากมีวันนี้ไหม อยากมี แต่อันนี้มันเป็นข่าวฉาว ผมก็ไม่รู้ผมจะทำยังไงต่อไป แต่ผมก็เลือกแล้วว่าผมจะฟ้อง อันนี้คือบทเรียนในชีวิตเลย ถามว่าแสงมันส่องลงมาถึงตัวผมแล้วแต่จะให้ผมไปรายการอะไรอีก ผมไม่อยากไปแล้ว แล้วก็ไม่อยากให้แม่เห็นคลิปที่ผมโดนตบหลายๆ รอบแล้ว พร้อมพร้อมมูฟออนจากตรงนี้แล้วครับ ส่วนจะไปแจ้งความวันไหนเดี๋ยวต้องถามผู้จัดการอีกทีครับ”
ไม่มีชู้สาว ถูกด่าว่าไปกินงู อ่านแล้วขึ้น
“ไป 2 คนครับ ไปเจอกันที่เกาหลี เรื่องที่คนพูดไปเชิงชู้สาว ตอนแรกอ่านแล้วก็ขึ้น มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เขาเป็นรุ่นแม่แล้วด้วย เรื่องชู้สาวไม่มีแน่นอน แต่ตอนแรกผมก็กลัวแม่ม้าจะออกมาพูดว่ามันเป็นแฟนฉันเอง (ทำไมเราถึงคิดว่าเขาจะพูดอย่างนั้น?) มันเป็นสิ่งที่ผมคิดไปเอง เขาไม่ได้มีท่าทางที่ทำให้เรารู้สึกแบบนั้นครับ เราระวังตัวมาก แต่ผมกลัวไปเอง เรื่องที่บอกว่าไม่ได้ไปกินปูแต่ไปกินงู อันนี้แรงมากเลยครับ วันนี้สุดท้ายที่ไปกินปูก็เพราะใจอ่อนครับ เห็นน้ำตาแล้วโคตรสงสารเลยครับ”
แจ้งความที่เกาหลีไม่เอ่ยชื่อม้า เพราะไม่ได้เอาสะใจ
“มันเรื่องใหญ่นะครับที่ต่างประเทศถ้าเขาโดน ผมมองว่าเราไม่ได้เอาสะใจ เราเอาความถูกต้อง เขาตบผมเขาผิด เพราะฉะนั้นผมจะมาแจ้งความที่ไทยครับ เราแค่จะเอาใบแจ้งความมาเอาหลักฐานเฉยๆ ตอนนั้นผมกลัวด้วยว่าถ้ามันเป็นเรื่องขึ้นศาล ผมต้องบินไป-กลับเกาหลีเหรอ ตอนนี้ผมอยากให้ทุกคนโฟกัสว่าผมโดนตบผมเป็นผู้เสียหาย ไม่ใช่มาคอมเมนต์เรื่องหน้าผม หรือไปบูลลี่แม่ม้า อย่าหลงประเด็น คอมเมนต์อะไรก็คิดหน่อยครับ คนได้อ่านมันจี๊ดจริงๆ แต่หลังจากนี้ผมจะไม่ร้องไห้อีกแล้วครับ เคยมีความฝันว่าอยากมาอยู่ตรงนี้ พร้อมถือรางวัลอะไรสักอย่าง แล้วก็มาพูด แล้ววันนี้อยู่ดีๆ ก็ได้มาแบบนี้ ก็ขอบคุณแล้วกันครับ ผลจะเป็นยังไงก็รอติดตามต่อไป”
โต้พูดในคลับเฮ้าส์เข้าข้างม้า แค่อยากให้รอฟังตนคนเดียว
“ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ ผมแค่อยากให้ทุกคนหยุดก่อน แล้วรอฟังผมทีเดียว ซึ่งตอนนั้นพิมพ์คุยกับทนายตั้มครับ เขาก็ถามว่าผมขึ้นคลับเฮ้าส์หรือเปล่า ผมก็บอกว่าครับ ทนายตั้มก็บอกว่าโอเค ไม่เป็นไร เราเป็นคนถูก ไม่ได้มีการตำหนิครับไม่ได้มีข้อความที่ทำให้รู้สึกว่าเขาไม่พอใจเราครับ”