xs
xsm
sm
md
lg

“ทิดแจ๊ส” โต้ผู้ชายติดพัน จะแต่งหญิง ยันสึกเพื่อสะสางภาระ ก่อนกลับไปบวชรอบ 3 ร่ำไห้ปลดล็อกปมในใจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ทิดแจ๊ส” เผยสึกสะสางภาระบางอย่าง ตั้งเป้าไม่เกิน 1 ปีจะกลับไปบวชอีกรอบ 3 เผยชีวิตหลังสึก ต้องแสวงหารายได้ สร้างอาชีพ แพลนรับทุกงาน โต้สึกเพราะมีผู้ชายมาติดพัน จะแต่งหญิง ลั่นสภาพนี้แต่งหญิงไม่ได้แล้ว ร่ำไห้ปลดล็อกปมในใจกับมิสทิฟฟานี เพราะเรื่องลบๆ ในวันนั้น ทำให้ยืนอย่างสง่างามในวันนี้

กรณีที่ “แจ๊ส สรวีย์ รวีรัฐฐากรณ์” อดีตมิสทิฟฟานี่ 2009 บวชมุ่งมั่นตั้งใจเรียนรู้ศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้านานถึง 9 ปี ก่อนที่จะสึกออกมาเมื่อเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ทั้งที่เคยลั่นวาจาว่าจะบวชไม่สึก ล่าสุดทิดแจ๊สได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงสาเหตุการสึก ณ วลีรัตน์ คลีนิค สยามสแควร์วัน โดยเผยว่าเป็นการสึกออกมาเพื่อสะสางภาระบางอย่างของครอบครัว แต่ตั้งเป้าไม่เกิน 1 ปีจะกลับไปบวชอีกครั้ง พร้อมเคลียร์สารพัดข่าว สึกเพราะผู้ชายติดพัน จะแต่งหญิง และปมในใจบางอย่างที่วันนี้ถูกปลดล็อกแล้ว

“สึกมาได้ 20 วันครับ กลับมาประเทศไทยได้สัก 2 อาทิตย์ครับ ผมบวชทั้งหมด 9 ปี ครั้งแรก 2 ปี สึกออกมา 1 วัน แล้วบวชต่ออีก 7 ปี รวมทั้งสิ้น 2 ครั้ง 9 ปี แล้วไปอยู่อินเดียก็ไปๆ มาๆ ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมาครับ การใช้ชีวิตตอนเป็นพระผมรู้สึกง่าย และมีความสุขมากสมปรารถนาที่อยากไปอยู่ในวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น ชีวิตพระเรียบง่ายจริงๆ ตื่นเช้าสวดมนต์ ทำวัตร ภาวนา ฉัน 2 มื้อ การแต่งกายก็ชุดเดียว 3 ผืน สบง อังสะ จีวร ง่ายไม่ต้องรีด ไม่ต้องอะไร ดีหมดเลยครับ และผมได้มีเวลาทบทวนอยู่กับตัวเอง กับอดีตที่ผ่านมา ข้อผิดพลาดเรื่องราวต่างๆ ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นล้วนแล้วเกิดจากเราทั้งสิ้น ไม่ใช่เพราะคนอื่น พอเห็นมันก็ได้ทบทวน และยอมรับตัวเอง แล้วก็แก้ไขมัน ก็กลายเป็นกลับมาแล้วมีชีวิตที่ดีมากๆ เพราะพุทธศาสนาครับ

ก็ได้ความเกลียดชังที่ลดลงเลย เห็นได้อย่างชัดเจน พอจะรู้สึกโมโหก็ลูบหัว เฮ้ย เป็นพระนะ พอลูบตัวแล้วรู้สึกว่าเป็นพระนะ เราจะโกรธใครไม่ได้ เมตตานะ ความเป็นพระช่วยได้อย่างสุดๆ จริงๆ พอมาทบทวนในความเป็นพระ ก็สุดจริงๆ ครับ ความรู้สึกนั้นผมว่าติดกลับมาตอนเป็นฆราวาสครับ ระยะเวลาแรกที่สึกให้เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนว่า เรายังมีจิตใจความเป็นพระอยู่ ก็ค่อยๆ ปรับ กลับมาใช้ชีวิตปกติ ศีล 5 ศีล 8 ก็ไม่ต่าง แต่ระหว่างพระกับโยมก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง”

รับเคยลั่นวาจาจะบวชไม่สึก แต่ครั้งนี้สึกออกมาเพื่อภาระบางอย่าง ก่อนจะกลับไปบวชอีกครั้ง
“ใช่ครับ ตอนบวชครั้งแรกก็ลั่นวาจาไว้ว่าจะบวชไม่สึก แต่ในที่สุดก็อยู่ไป 2 ปี แล้วก็สึก แล้วสึกวันเดียว วันรุ่งขึ้นก็บวชต่อเลยใหม่เลย ก็อยู่ต่อมาได้ 7 ปี ซึ่งรวมเป็น 9 ปี ถามว่าทำไมวันนี้สึก ก็ยังมีจิตใจเดิมที่จะบวชอยู่ แต่สึกออกมาเพราะมีภาระบางอย่างติดค้างอยู่ ก็ออกมาเคลื่อนภาระนั้นให้เสร็จ แล้วเดี๋ยวจะกลับไปบวชใหม่ ยังรักพุทธศาสนา รักวัดของผมที่อยู่ที่อินเดีย ชื่อวัดเมตตาพุทธาราม มีพุทธคยาเป็นสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าที่นั่น เป็นสถานที่สำคัญของโลกครับ

9 ปี ผมก็ได้ประโยชน์จากพุทธศาสนาเยอะมาก วิถีชีวิตพระในต่างประเทศไม่ได้สะดวกสบายเหมือนในประเทศไทย ไม่ใช่ว่าผมหมายถึงพระในประเทศไทยอยู่สะดวกสบายไม่ขัดสน ก็ยังมีที่ลำบาก แต่ว่าการอยู่ต่างประเทศมันต่างกันสิ้นเชิง ผมเห็นปัญหาเหล่านั้น แล้วพอสึกมาก็ยังอยากช่วยซัปพอร์ตในส่วนของการบริหารกิจการภายในวัดก็ดี การช่วยดูแลพระภิกษุ สามเณร แม่ชี ที่อยู่ที่นั่น กิจนิมนต์ต่างๆ ไม่เหมือนกับบ้านเรา ถ้าผมอยู่ก็ยังพอช่วยดูแลได้ คือไม่ใช่เป้าหมายหลักนะครับ แต่อย่างน้อยให้ท่านมีกำลังใจในการบำเพ็ญสมณธรรม เพราะว่าที่นั่นการเดินทาง อาหารต่างๆ ก็ต้องใช้เงินทั้งสิ้น อยากให้พี่ๆ ช่วยกันสนับสนุนพระภิกษุ สามเณรไทยที่ไปอยู่ที่นั่น ช่วยกันนะครับ

พระภิกษุ สามเณรที่อยู่ที่นั่นโชคดีว่าค่าเงินต่ำกว่า ค่าครองชีพต่ำกว่าบ้านเรา ทำให้ง่ายต่อการครองชีพ ภาระพระเณรที่อยู่ต่างประเทศก็มีแค่ค่าเดินทางครับ ผมเองก็มีโปรเจกต์ครับ คือตอนนี้เป็นฆราวาสก็ทำงานง่ายขึ้น โปรเจกต์ก็จะรวมกับเว็บไซต์ ให้คนไทยและคนต่างชาติร่วมทำบุญให้วัดไทยในประเทศอินเดีย และกระจายเงินส่วนนี้ให้กับวัดต่างๆ เพื่อไว้สำหรับบูรณะปฏิสังขรณ์ และถวายจตุปัจจัยให้แก่พระเณรที่อยู่ที่นั่น ไม่ได้สูงไปหรือให้ต่ำไป ให้เพื่อดำรงชีวิตได้ไม่ลำบาก เพราะผมเคยลำบากมาครับ”

เผยภาระที่สะสางเป็นภาระคั่งค้างมานาน ไม่เกิน 1 ปี จะกลับไปบวช
“เป็นภาระสำคัญส่วนตัวนิดนึงครับ ในอนาคตผมอาจจะมาบอก แต่ตอนนี้ขอเวลาอีกนิดหนึ่ง เป็นเรื่องส่วนตัวที่บ้านนิดนึงครับ ใช้เวลาแก้ไขไม่นานครับ มันไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นภาระคั่งค้างมานานครับ ตั้งใจไว้ว่าไม่น่าจะเกิน 1 ปี จะกลับไปบวช คิดว่านะ ถ้าไม่หลุดแผน แต่ผมก็ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกธรรมชาติดีกว่า ถ้าผมปล่อยตัวเองเกินไป ก็จะไม่ดีสำหรับผม”

โต้สึกเพราะมีผู้ชายมาติดพัน
“ยังไม่มีใครเลยครับ (หัวเราะ) แต่มี 3-4 คนทักมาในอินบ็อกซ์มาจีบครับ (ยิ้ม) แต่ผมไม่ได้ปักธงว่าจะต้องมีใคร อาจจะเห็นผมหล่อก็ได้ (หัวเราะ) เนื้อหอมครับ ทิดสึกใหม่เนื้อหอม

ถามว่ากลัวไหมว่าสึกมาแล้วจะเตลิด ไม่กลับไปบวช -5 วันนี้ผมเที่ยวทุกวันเลย เที่ยวแบบไม่ได้ปาร์ตี้นะ ผมไปเที่ยวพัทยา ไปเจอพี่ๆ แต่ไม่ได้ดื่มนะ ก็ไปเที่ยวในแบบที่พระไม่ได้เที่ยว หลังจากสึกแล้ว 9 ปีที่ไม่ได้ใช้ชีวิตแบบนั้นได้เจอพี่ เจอน้องที่สนิทกันมันเป็นยังไงบ้าง มันอิ่มมากๆ ครับ 2 วันก่อนผมไปเที่ยวคนเดียวที่เยาวราช ประตูผี ก็ดีนะครับ
 
ผมโพสต์ไว้ด้วยว่าทิดแจ๊สหลงแสงสีไม่กลับไปบวชแล้วมั้ง (หัวเราะ) หลวงพ่อถือไม่เรียวรอเลย ก็แซวตัวเองครับ ก็คิดถึง แต่ไม่ได้โหยหา แค่อยากกลับไปดูมันว่าเราจะรู้สึกยังไง ผมได้มีโอกาสไปดูประกวดทิฟฟานี่ด้วย ดูโชว์ ดูอัลคาซ่าร์ด้วย ผมอิ่มใจมาก ผมไม่คิดว่าจะได้รับความรักความเมตตาเหล่านั้นกลับมา ถ้าพี่ๆ จำได้ปี 2009 ผมมีปัญหา ผมมีข่าวด้านลบเยอะมาก มีผลกระทบต่อองค์กร ต่อทิฟฟานี่ ต่องาน ผมเป็นพลังงานลบคนหนึ่งเลย ผมยังคิดว่าผมกลับมาครั้งนี้ผมได้อ้อมกอด ผมได้กอดคุณจ๋า อลิสา พี่ๆ อดีตนางงาม พี่ๆ อดีตนางโชว์ ผมพูดด้วยความอิ่มใจจริงๆ ว่าทำไมเขาถึงให้อภัยเรา ทำไมเขาถึงเมตตาเราขนาดนี้ กำแพงที่ผมสร้างขึ้นมันพังหมดเลยครับ จากที่คนเราจะให้อภัยมันยาก แต่มีคำพูดหนึ่งครับ ที่ทิฟฟานี่พูดกับผมว่า กลับมานะแจ๊ส กลับมาบ้านเรา (ร้องไห้) กลับมาบ้านเรานะแจ๊ส

ครั้งแรกปลดล็อกปมในใจกับทีมมิสทิฟฟานี่
“เป็นครั้งแรกเลยครับ ที่ผ่านมาตอนเป็นพระได้เพียงแค่ส่งข้อความหากัน ขอโทษกันผ่านข้อความ แต่การกลับไปครั้งนี้ผมกอดคุณจ๋า กอดพี่ๆ ทิฟฟานี่ ก็บอกว่าพี่ๆ ครับ คุณจ๋าครับ ที่ผมกลับมา ผมไม่ได้ต้องการทวงคืนอะไรนะ ตำแหน่งผมส่งต่อให้รองอันดับหนึ่งไปแล้ว ไม่ต้องให้คืนผม ตำแหน่งใดๆ ของผม ชื่อเสียงใดๆ ของผม ผมไม่ได้ต้องการคืนเลย แต่สิ่งที่ผมขอทวงคืน ผมอยากได้ความรัก ความเมตตาที่เคยให้ผมตั้งแต่ปี 2009 ผมอยากได้สิ่งนั้น คำตอบก็คือผมได้มันจริงๆ ได้มาด้วยใจที่บริสุทธิ์จริงๆ เราจะรู้สึกได้เลยครับเวลาเรากอดใคร เราสบตากับใคร มันไม่ได้มีผลประโยชน์อื่นใดมาทับซ้อน เพราะผมกลับไปในฐานะคนๆ นึง ไม่ได้กลับไปในฐานะของแจ๊ส ทิฟฟานี่ ไม่ได้มีตำแหน่ง ไม่มีมงกุฎ ไม่มีสายสะพาย มันอบอุ่นเหลือเกินครับ”

ส่งข้อความหา “อ๊อฟ ชนะพล” และ “ปอย ตรีชฎา”
“กับพี่อ๊อฟได้มีการส่งข้อความหากัน เพราะพี่อ๊อฟเป็นเพื่อนของพี่ชายผม และเป็นเพื่อนของแฟนน้องสาว ก็จะส่งข้อความหากัน พูดคุยกัน แต่ยังไม่ได้เจอตัวกันนะครับ ก็อยากจะมีโอกาสได้เจอกับพี่อ๊อฟ ส่วนพี่ปอยได้เจอกันที่เวทีทิฟฟานี่ที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้เข้าไปคุยกับพี่เขา เพราะพี่ปอยขึ้นเวทีแป๊บเดียวแล้วต้องลงมา เพราะกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เลยอยู่ไม่จบงาน แต่ก่อนหน้านี้ได้ส่งข้อความคุยกันแล้ว และด้วยความที่เป็นคนพูดภาษาเดียวกัน คือพี่ปอยเป็นคนภูเก็ต ผมเป็นคนสงขลา ก็พูดภาษาเดียวกัน อาจจะเข้าใจกันง่ายขึ้น แต่ก็อยากมีโอกาสเจอกับพี่ปอย อยากกอดพี่ปอยครับ แต่ก็ได้เคลียร์กันแล้วในเบื้องต้นครับ”
 
ชีวิตฆราวาสยาก ต้องแสวงหารายได้ สร้างอาชีพ แพลนรับทุกงาน
“ชีวิตฆราวาสยากครับ วันที่ตัดสินใจสึก ผมไปยืมชุดคนขับรถของวัดนะครับ พออีกวันก็ต้องหาเสื้อผ้า เพราะเราไม่ได้เตรียมอะไรไว้ เพราะเป็นเรื่องด่วน ก็เลยรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องยากแล้ว ต้องมีเสื้อผ้าที่ใส่จะต้องแมสกัน ต้องมีรองเท้า เสื้อผ้าก็ต้องซัก ต้องรีด แม้แต่กางเกงในก็ต้องมี (หัวเราะ) เพราะตอนเป็นพระไม่ได้ใส่ ต้องกลับมาดูแลตัวเอง แม้แต่ผิวพรรณหน้าตาทรงผมก็ต้องตัดให้มันเรียบร้อย แต่ตอนเป็นพระพอ 15 วันก็โกนหัวทีนึง และที่สำคัญในเรื่องของเงิน

การเป็นฆราวาสเราจะต้องแสวงหารายได้ สร้างอาชีพขึ้นมา เพื่อที่จะให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้ ผมก็วางแพลนไว้ก็คือรับทุกงานเลยในระหว่างนี้ อะไรที่มันเป็นรายได้ขึ้นมา แต่ขอเป็นอาชีพที่สุจริต และผมต้องไม่เบียดเบียนคนอื่น และมีโปรเจกต์กับเว็บไซด์ของบุญไทยนั่นเอง ซึ่งอันนี้จะเอื้อประโยชน์กับพุทธศาสนาโดยตรง อย่างที่บอกว่าพุทธศาสนาทำให้ชีวิตผมดีขึ้นได้ พัฒนาชีวิตและจิตใจของผมให้ดีขึ้นมาก มาวันนี้ผมสึกแล้วก็ต้องตอบแทนพุทธศาสนาบ้าง”

ขอเวลากลับมาแต่งหญิง ค่อยๆ ปรับตัว
เพิ่งมีเข้ามาครับ ของน้องนัทนิสา (หัวเราะ) เขาขอให้ผมไปเมกโอเวอร์ แต่งหญิง ผมก็บอกว่าขอไว้ก่อนได้ได้ไหม เดี๋ยวโดนไม้เรียวแน่ๆ (หัวเราะ) คือถ้าแต่งเอาฮา สนุกๆ ชั่วคราวน่ะได้ แต่ผมอาจจะขอเวลานิดนึง เพราะอาจจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทางสังคมว่าสึกมาแล้วจัดหนักเลยเหรอ แต่งหญิงเลยเหรอ ผมเลยอยากจะขอระยะเวลาให้ค่อยๆ ปรับตัวกันนิดนึง อย่าเพิ่งกระชากกันแรงจนเกินไป”

สภาพแต่งหญิงไม่ได้แล้ว
“สภาพไม่ได้แล้วครับ (หัวเราะ) กล้ามแขน ขนต่างๆ มันจะออกไปสวยไม่ได้แล้ว แต่ถ้าหล่อก็ไม่แน่ (หัวเราะ) ขอหล่อก่อนครับ คือถ้างานเดินแบบ พิธีกรก็ได้ครับ ผมถนัดงานพิธีกรนะ เพราะตอนที่อยู่อินเดียผมก็ทำพิธีกรให้กับพระศาสนา เพราะฉะนั้นเรื่องแต่งหญิงก็ขอเวลานิดนึงครับ อาจจะแต่งสนุกๆ ได้ หลายคนอาจจะอยากเห็นว่าจะกลับไปสวยเหมือนเดิมไหม (หัวเราะ) ก็ให้มันเป็นไปตามกลไกของธรรมชาติดีกว่าครับ”

เพราะเรื่องลบๆ ในวันนั้น ทำให้ยืนอย่างสง่างามในวันนี้
“ที่ผ่านมาชีวิตผมมีแต่เรื่องลบๆ มันเกิดจากตัวเราเอง แต่ผมว่ามันเป็นบทเรียนที่ดี ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านั้นผมอาจจะไม่ได้มายืนตรงนี้อย่างสง่างามด้วยความภาคภูมิใจ ผมเชื่อว่าหลายคนถ้าเป็นผมในวันนั้นยืนไม่ไหวหรอกครับ เพราะมันหนักจริงๆ ครับ ทุกอย่างโดนปิดกั้นหมด การที่จะก้าวลุกขึ้นมาได้มันยากจริงๆ แต่วันนี้ผมก้าวข้ามผ่านมันมาได้ ผมเชื่อในอานิสงส์ของหลักพระพุทธศาสนา เชื่อในการปฏิบัติธรรมที่ทำให้ชีวิตของเราดีขึ้น”

เชื่อมีความรักยาก คนเข้ามาต้องอดทนมาก
ผมว่าผมน่าจะอยู่กับคนอื่นยาก รู้ตัวเลยว่าเป็นคนที่จะอยู่กับคนอื่นที่จะเป็นชีวิตคู่ยาก คนที่จะเข้ามาในชีวิตผมน่าจะต้องอดทนมาก เช่น ตอนเราเป็นพระต้องนอนคนเดียว อยู่คนเดียว ไปไหนคนเดียว ใช้ชีวิตคนเดียว แต่ถ้ามีใครสักคนเข้ามาในชีวิต ผมก็ไม่รู้ว่าจะปรับตัวได้แค่ไหน หรือคนที่เข้ามาในชีวิตผมจะยอมรับผมได้มากน้อยแค่ไหน แต่ก็เคยมีคนดูดวงผมไว้นะ ว่าถ้าผมเจอรักแท้ผมจะสึก แต่การสึกครั้งนี้ผมไม่ได้เจออะไรเลยนะ (หัวเราะ) อาจจะเป็นรักแท้ในรูปแบบอื่นมากกว่า อาจจะเป็นมิตรภาพ แต่รักแท้ในรูปแบบอื่นยังไม่มีครับ

ผมว่าไม่ใช่แค่ผมครับ หลายๆ คนก็ต้องการความรักกันทั้งนั้น แต่ในจุดที่เราเติมเต็ม ชีวิตเรามีทุกอย่างครบ เราไม่ได้โหยหาสิ่งนั้น แต่เราก็ไม่ได้ปิดกั้นว่าถ้าวันนึงมีคนเข้ามาในชีวิตของเรา พร้อมที่จะเดินไปด้วยกัน พร้อมที่จะเรียนรู้ปรับตัวไปด้วยกันก็โอเคครับ จีบได้ (หัวเราะ)”

แจงพระเป็น LGBTQ ผิดไหม
“ผมคงต้องขอเทียบในหลักการของพุทธศาสนา ซึ่งในทุกองค์กร ทุกหน่วยงาน ทุกภาคส่วนจะมีกฎของเขาอยู่ ในทางพุทธศาสนาก็เช่นเดียวกัน เราจะถือความเห็นของเราเป็นส่วนใหญ่ไม่ได้ มันจะมีแต่พังครับ แต่ถ้าเอาหลักของพุทธศาสนาเป็นที่ตั้งว่าคนนี้บวชได้ บวชไม่ได้ตามกฎของพุทธศาสนา มันก็จะไม่มีปัญหา จริงๆ ผมเข้าใจนะเราในฐานะชาวพุทธ เราต่างคาดหวัง เราเกิดมาในขนบธรรมเนียมประเพณี ที่ปลูกฝังพุทธศาสนามาตั้งแต่เกิด แต่ผมก็อยากจะขอนิดนึงว่าความรักของเราอย่าให้กลายเป็นการทำร้ายกันเอง จนบางครั้งเมื่อเกิดอะไรขึ้นนิดหน่อยเราโจมตีกันโดยไม่มีเหตุผล

ทุกคนมีเหตุและผลของตนเองกันทั้งนั้นเลย เราไม่รู้หรอกว่าแต่ละคนผ่านอะไรกันมาบ้าง กว่าที่เขาจะบวชได้เขาต้องผ่านการยอมรับตัดสินใจ จึงไม่อยากให้ปิดกั้นโอกาสกันและกัน โอกาสเป็นของทุกคนครับ พุทธศาสนาให้โอกาสกับทุกคน ขอเพียงแค่ว่าการบวชเข้ามาให้ถูกต้องในหลักพุทธศาสนา ตอนที่บวชจะมีการพิจารณาอยู่แล้ว โดยอุปัชฌาย์เอง จากคณะสงฆ์ ถ้าคณะสงฆ์ไม่คัดค้านว่าบุคคลนี้เป็นบุรุษนะ เป็นมนุษย์นะ ไม่มีคดีนะ คุณพ่อคุณแม่อนุญาตแล้วนะ ก็จะมีการถามทบทวนนี้อยู่ ถ้าเป็นไปตามกฎเหล่านี้ได้ผมว่าก็ไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้นครับ”

สะเทือนใจ คนมองบวชพระสร้างอาชีพเพื่อหารายได้
“เอามุมมองตอนที่ผมเป็นพระนะครับ ก็รู้สึกสะเทือนใจนะครับ ว่าหลายคนมองว่าบวชเป็นพระเพื่อสร้างอาชีพ เพื่อหารายได้ แต่ถ้ามองย้อนกลับไป ไม่ง่ายนะครับ คนๆ นึงจะต้องตื่นตั้งแต่ตี 3 ครึ่งถึงตี 4 ตื่นมานั่งสวดมนต์ภาวนา มันง่วงนะครับ แต่ท่านอุตส่าห์ตื่นมาสวดมนต์ภาวนา ข้าวก็ทานได้แค่ 2 มื้อ บางวัดทานได้แค่มื้อเดียว แต่อนุโลมให้เป็นมื้อเช้ากับเพล ต่อให้มีตังค์ใช้มื้อเย็นก็กินไม่ได้

การใช้ชีวิตพระเหมือนจะง่าย แต่ไม่ง่าย ถ้ามันเป็นอาชีพจริงๆ คนจะแห่แหนไปบวชกันเยอะมาก จะไม่มีคนประกอบอาชีพอื่นใดเลย แต่ทุกวันนี้เปอร์เซ็นต์พระที่บวชในพุทธศาสนาน้อยลงมากๆ ครับ ก็ขอว่าอย่าไปผูกยึด อย่าไปวิพากษ์วิจารณ์จนเป็นการทำร้ายกันเลยครับ”







กำลังโหลดความคิดเห็น