“ตุ๊ก เดือนเต็ม” เผยดูแล “ลินดา” มา 18 ปีเต็ม ทำทุกอย่างที่ทำได้อย่างดีที่สุด เห็นใจ “เล็ก” พี่เลี้ยงที่ดูแลมากว่า 15 ปีตลอด 24 ชม. หลังจากนี้ก็จะดูแลพี่เลี้ยงต่อไป พร้อมเผยใจก็อยากให้มีปาฏิหาริย์เหมือนทุกครั้ง แต่คิดแล้วว่าถ้าเกิดขึ้นจริง เพื่อนก็คงต้องทุกข์ทรมานต่อไปอีก ไม่ปั้มหัวใจยื้อต่อ เพราะทำใจนานแล้ว เชื่อลนดาหมดกรรมแล้ว
จากไปอย่างไม่มีวันกลับ สำหรับดารา นางแบบสาวรุ่นใหญ่ “ลินดา ค้าธัญเจริญ” หลังจากที่นอนรักษาตัว เนื่องจากเส้นเลือดในสมองแตกจากเหตุการณ์ล้มลงในห้องน้ำ และเข้ารับการรักษาตัวมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในระยะเวลาที่รักษาอาการก็ตรวจเจอมะเร็งที่โคนลิ้น และตั้งแต่นั้นมาเจ้าตัวก็กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงมาเป็นเวลา 18 ปี จนถึงวันที่ 27 พ.ย. เมื่อเวลา 07.20 น. แพทย์เจ้าของไข้ก็ได้แจ้งว่า ลินดา เกิดอาการปอดติดเชื้อ ก่อนจากไปอย่างสงบที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ในวัย 66 ปี
ในช่วงเวลาที่รักษาตัวนั้น นางแบบสาวได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ รวมไปถึงเพื่อนรักอย่าง “ตุ๊ก เดือนเต็ม สาลิตุล” ซึ่งดูแลตั้งแต่วันแรกที่ป่วยจนถึงวินาทีสุดท้าย ได้เผยความรู้สึกว่าแม้ในใจจะไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง เพราะทุกครั้งมักจะมีปาฏิหาริย์ แต่ครั้งนี้ทำใจยอมรับ เพราะเพื่อนไปสบายแล้ว พร้อมเอ่ยคำลาครั้งสุดท้ายให้เพื่อนไปพบโลกใหม่ตามความต้องการ เพราะขณะที่รักษาตัวอยู่นั้น นางแบบสาวมักจะเปรยตลอดเวลาว่าซื้อตั๋วเครื่องบินให้หรือยัง ในส่วนทรัพย์สมบัติ ตุ๊ก เดือนเต็ม ยืนยันว่าลินดา ไม่มีสมบัติอะไรเลย และคาดว่าน่าจะนำอัฐิไปลอยอังคารที่ปากเกร็ด
“ปกติช่วง 1-2 ปีนี้ก็จะมีเข้าโรงพยาบาลอยู่เรื่อยๆ นะคะ บางทีก็เข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ต้องเริ่มใช้เครื่องช่วยหายใจมาเกือบ 2 ปีแล้วค่ะ แต่รอบล่าสุดคือความดันตก และมีอาการซีด ก็ติดต่อไปที่หมอ แล้วคุณหมอก็ให้ส่งไปที่โรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลก็เลยทราบว่าเขามีภาวะทางไตสูง แต่โรคมะเร็งเขาไม่ได้เป็นแล้ว ที่กลัวที่สุดก็คือกลัวว่า 7 ปี 10 ปีมะเร็งจะกลับมา แต่ก็ปรากฎว่าเขาไม่มีแล้ว
แต่อย่างดาเขาทั้งเจาะคอ และให้อาหารทางหน้าท้อง ก็จะเป็นปกติของภาวะผู้ป่วยติดเตียงที่ไม่ได้ออกกำลังอะไร ก็จะต้องมีภาวะทางไตหรือทางปอด และช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงก็จะมีอาการไอ มีหายใจขัด ก็จะไปโรงพยาบาลเป็นบางครั้ง แต่ว่าครั้งนี้ไม่ได้คิดว่าจะไปนะ เพราะฝ่าฟันกับเขามาหนักกว่านี้ก็เคย แต่ช่วงนี้วันที่คุณหมอโทร.มาบอกกับพี่เลี้ยงว่ามีเลือดออกทางที่เจาะคอเอาไว้ ก็ไปดูกัน ก็มีความรู้สึกว่ารีบออกมา แต่ก็ยังซีด”
เผยมีภาวะเป็นโรคไตระยะที่ 5 เลือกจะไม่ขอปั้มหัวใจ
“แต่ภาวะแน่ๆ คือเป็นไตขั้นที่ 5 แล้ว แต่เราก็พูดกันไว้แล้วว่าจากนี้ไปเราจะไม่ปั้ม เราจะไม่ทำอะไรให้เขามาฝืน ก็บอกตามนั้น คุณหมอก็บอกว่าไม่เป็นไร เราก็ยังคิดว่าอาจจะมีปาฎิหาริย์อะไร ก็คือเมื่อวันที่ 4 พ.ย. เขาก็ทรงๆ แต่ยังลืมตาได้อยู่ จนกระทั่งเมื่อวันพฤหัสบดีเริ่มดร็อปลง เราก็ไปหา ก็รู้แล้วล่ะเพราะเขาไม่ค่อยรู้สึกตัว เนื่องจากว่าไตขับถ่ายของเสียไม่ได้ และเราก็ไม่สามารถที่จะล้างไตทำอะไรได้ เราก็ปล่อยให้เขาไปแบบสบายๆ
คุณหมอก็พยายามประคับประคอง ก็คือให้ตามอาการ ถ้ามีอาการกระสับกระส่ายก็มีให้มอร์ฟีนนิดๆ ซึ่งตอนหลังๆ คุณหมอก็บอกว่าไม่แล้วนะ เพราะเดี๋ยวก็จะดร็อปลงไปเรื่อยๆ พอเมื่อวันศุกร์ที่ไปเขาก็ยังลืมตา เราก็ยังคิดว่าโอเค แต่คุณหมอก็บอกกับพี่เลี้ยงเขาว่าต้องทำใจไว้ก่อนนะ คุณหมอก็ดีนะ เขาก็จะเรียกพี่เลี้ยงขึ้นไปด้วย ก็เหมือนช่วยบำบัดให้พี่เลี้ยงด้วย เพราะว่าพี่เลี้ยงเขาอยู่ตลอด 24 ชม. มา 15 ปี พี่ดาเป็นมา 18 ปีที่เราดูแล แต่พี่เลี้ยงเขาดูมา 15 ปี 24 ชม. ก็เหมือนเป็นแม่เขาแล้ว ตอนนี้เขาก็ยังไม่ค่อยอะไรนะ แต่กลัววันที่เผานี่แหละ หมอก็เรียกเขาขึ้นไปเหมือนกับจิตเวชให้เขาฟัง
เมื่อวานนี้วันอาทิตย์ เมื่อวันศุกร์-เสาร์ก็ไม่ได้นอน ก็รอ จริงๆ เราเยี่ยมไข้ไม่ได้ เพราะโรงพยาบาลมีเรื่องโควิด ถึงแม้จะคลายแล้ว แต่ถ้าผู้ป่วยติดเตียงเราก็ไม่ควร พี่ไม่ได้บอกใครเลย คนเฝ้าก็ไม่สามารถที่จะอยู่ได้ ก็ไม่ได้นอน ก็เปิดโทรศัพท์ไว้ตลอด พอตอนเช้าก็ไปสวดมนต์ สวดมนต์เสร็จ 07.40 น. เขาก็โทร.มาบอกว่าเสียแล้ว เราก็ไป แต่ในระหว่างนั้นก็จะมีการเตรียมจองศาลาเผื่อเอาไว้ ทำหลายอย่าง จนได้ที่นี่”
เผยได้คุยกันครั้งสุดท้าย ทำใจนานแล้ว
“วันศุกร์ค่ะ บอกทุกอย่างไปหมดเลย เขาก็ลืมตา เราก็บอกว่าเขาไปให้สบายไปให้สวยงาม เดินทางไปที่ๆ ตัวเอง อโหสิกรรมกันไป เราก็ทำใจมานาน เรารู้สึกว่าการไปของดาในครั้งนี้เป็นการหมดทุกข์จริงๆ เพราะถ้าคุณอยู่อย่างมีความสุข สุขภาพแข็งแรง ก็จะเรียกว่าหมดบุญ อันนี้เราถือว่าตามกรรม และตอนนี้ก็คิดว่าเขาเดินทางไกลไปในที่สวยงามแล้ว
ก็อยากจะขอบคุณทุกกำลังใจที่ตลอดเวลาก็จะมีส่งเข้ามาตลอด น้องๆ นักข่าวก็ถามเข้ามาเรื่อยๆ แต่เราไม่อยากพูดเรื่องดา เพราะว่าเซนซิทีฟเกินไป ดาก็ป่วยนานแล้ว บางทีพอมาพูดก็จะเหมือนกับว่าคุยทำไม โหนกัน คือให้มันมีอะไร เพราะตอนแรกก็ไม่แน่ใจป่วยก็ไม่ได้บอก เพราะมันหลายครั้งแล้วที่มีปาฏิหาริย์ มันหลายครั้งแล้วที่หนักมากๆ แล้วเขาอยู่กับพี่เลี้ยงก็กลับคืนมาได้”
18 ปีที่ดูแลกันมาก็ทำดีที่สุดแล้ว
“ค่ะ ก็คิดว่าเต็มที่แล้วนะคะ น่าจะเต็มที่แล้วนะ เพราะว่า 18 ปี ไม่มีสักวันที่เราทอดทิ้งกัน เพียงแค่ว่าเราไม่ได้อยู่กับเขาตลอด 24 ชั่วโมงแค่นั้นเอง คนที่อยู่คือเล็ก (พี่เลี้ยง) เราผูกพันด้านจิตใจมากเรื่องอะไรต่ออะไรไม่มีใครรู้หรอกว่าความผูกพันมันเป็นยังไง แต่ว่ามันก็เป็นสัจธรรม เราพูดเสมอว่ามันไม่แน่ เราอาจจะไปก่อนเขาก็ได้ เขาไปก่อนเราก็ได้ แต่ที่เขาไปมีความสุข เพราะว่าเขาหมดกรรมแล้ว เขาสวยสดงดงาม เขาสวยจริงๆ เขาสวยมาก แล้วก็ไม่ได้มีความรู้สึกว่าเขาเสียชีวิตเลย เขาเหมือนคนนอนหลับ แล้วก็คุณจิ๊ก เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ มาแต่งหน้าให้เมื่อวานนี้ตอน 2 ทุ่ม แต่งออกมาสวยมาก เหมือนคนนอนหลับ
ถามว่าเขาได้สั่งเสียอะไรไว้ไหม แกไม่ค่อยห่วงหรอกค่ะ แกไม่ค่อยพูด หลังๆ แกจะนอนดูแต่ทีวี ถ้าคิดว่าเขาห่วงก็คงห่วงพี่เลี้ยงเขานั่นแหละ ก็บอกวันนั้นไปว่าไม่ต้องห่วง ทุกคนต้องดำเนินชีวิตของตัวเองต่อไป เพราะในระหว่างที่เราดูแลลินดา เราก็ซัปพอร์ตเขาทางด้านจิตใจในทุกๆ อย่างกับพี่เลี้ยงเขา เพราะเขาดูแลดาได้ดีมากแล้วดาเขาผูกพันเป็นเหมือนแม่ลูก เพราะฉะนั้นเราก็ขอบคุณที่เลี้ยงที่ 15 ปีไม่เคยทอดทิ้งดาเลย”
อยากให้เกิดปาฏิหาริย์ แต่ก็ไม่อยากให้ต้องทุกข์ทรมานต่อไป
“มันเป็นการค้านกันในจิตใจ ในจิตใจเราอยากให้เกิดปาฏิหาริย์ แต่เราก็มาฉุกคิดว่าเราเห็นแก่ตัวไปไหม กับการที่เราจะขอปาฏิหาริย์ ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขออะไรเพื่อให้เขาอยู่ แต่เขาไม่ได้อยู่เหมือนเรา เขาไม่ได้อยู่แบบคนที่จะเดินได้ กินได้ หรืออะไรได้ เพราะฉะนั้นเมื่อมีปาฏิหาริย์ก็หมายความว่าเขาต้องอยู่แบบทุกข์ทรมานต่อไป มันก็ค้าน ใจเราอยากให้มีปาฏิหาริย์ แต่อีกใจเราก็คิดว่าปาฏิหาริย์คือความสุขของเราที่เห็นเพื่อนยังอยู่ แต่เพื่อนก็อยู่บนความทุกข์ในความพิการ ในความเจ็บปวด ท้ายที่สุดก็คือต้องทำใจ ทำใจมาได้ระยะนึงแล้ว พูดกับเขาตลอดเวลา พูดกับพี่เลี้ยงว่าปล่อยนะ ให้เขาไป ให้เขาสงบ อย่าเห็นแก่ตัวกัน
คือถ้าเราขอพระ ขอปาฏิหาริย์ก็เท่ากับเรายื้อเพื่อเห็นลมหายใจเขา เห็นร่างกายเขาอยู่ แต่ว่าเราไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร เขาอาจจะอยากไปก็ได้ เพราะคนเรานอนอยู่เฉยๆ ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอะไรเลย กินไม่ได้ อะไรไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่าง เราเลยมีความรู้สึกว่าเลิกเห็นแก่ตัวกันดีไหม ให้เขาไป เขาจะได้ไปสู่โลกใหม่ แต่ว่าก็คิดว่าหมดเวลาสำหรับเขาจริงๆ เขาถึงได้ไปอย่างสงบแบบนี้ เพราะว่าก็ดร็อปลงมาเรื่อยๆ ไม่มีอาการเจ็บปวดทรมานอะไรทั้งสิ้น ก็ไปสบาย ชีพจรตกลงๆ จนกระทั่งหยุด หมอก็บอกตอนนั้นเวลาประมาณ 07.40 น. (27 พ.ย.65) หมอบอกว่าไปแล้วนะ เขาไปแล้วนะ เราก็จัดเตรียมเสื้อผ้า เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็เช็ดตัว แต่งหน้าให้เขา”
เผยสิ่งที่ “ลินดา” ภูมิใจที่สุด คือได้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ในสมเด็จพระพันปีหลวง
“เป็นความภาคภูมิใจ ดาเขาพูดเสมอว่าเขาจะเข้มแข็ง จะแข็งแรง มีชีวิตอยู่เพื่อถวายพระพรสมเด็จพระพันปีหลวงทุกๆ ปี นั่นคือความรู้สึกของเขา ซึ่งเขาก็จะมีรูปตอนที่เขายังทำอะไรได้ เขาก็ทำเขียนถวายพระองค์ท่านเนื่องในโอกาสต่างๆ
วันนี้ก็ได้บอกลาเพื่อนครั้งสุดท้าย ก็บอกว่าถึงเวลาที่เพื่อนจะมีความสุขอย่างแท้จริง ได้เดินทางไปอยู่ในที่สวยงาม ดาเป็นคนชอบเที่ยว รักอิสระ รักสวยรักงาม ชอบท่องเที่ยว เมื่อวานนี้ (27 พ.ย.65) เป็นวันเกิดพี่เลี้ยงเขาด้วย คิดไว้แล้วว่าดาเขาต้องรอไปวันนั้นเป็นวันเกิดของพี่เลี้ยงเขา เขาก็เสียเมื่อวานพอดี อยากจะบอกว่าวันนี้ดาก็สมความปรารถนาแล้ว และก็จะอยู่ในความทรงจำอันสวยงามของพวกเราตลอดไป ต้องขอขอบคุณดาที่มาทำให้เราได้เป็นเพื่อน อยู่ด้วยกัน ผูกพันกัน ขอบคุณดาที่สร้างสิ่งที่สวยงาม สร้างสิ่งดีๆ ให้ทุกคนได้จดจำ เชื่อว่าทุกคนก็รักดามาก ขอให้ดาสู่สรวงสวรรค์
เดี๋ยววันนี้เราจะคุยกันว่าหลังจากผ่าน 3 วันนี้ไปแล้วจะลอยอังคารที่ไหน อาจจะไปลอยที่เกาะเกร็ด เพราะว่าดาเขาเป็นคนปทุมฯ ทำอะไรก็ได้ที่สะดวก และทำตามขั้นตอน อย่าไปยึดติดว่าที่โน่นที่นี่ดี เพราะว่าทุกที่ก็คือไปที่เดียวกัน
โรคมะเร็งจบไปนานแล้วค่ะ สาเหตุที่เสียชีวิตคุณหมอเขาแทงมาว่าเกิดจากปอดติดเชื้อ คือคนพอป่วยก็จะมีโรคแทรกซ้อนขึ้นมา ซึ่งจุดเริ่มต้นของการป่วยคือเส้นโลหิตแตกแล้วล้ม จากวันนั้นถึงวันนี้เราก็ดูแลกันมา 18 ปี ลินดาไม่มีครอบครัว ไม่มีลูก เขามีพี่ชายคนนึง อายุเยอะแล้ว และก็เป็นมะเร็งด้วย เขาไม่ได้ฉีดวัคซีน เพราะฉะนั้นเขาไม่ได้มาหาดา เพราะว่าร่างกายเขาก็ไม่ปกติ เราก็เข้าใจได้ เพราะว่าเขาไม่กล้ามาหาดา กลัวว่าดาจะติดเชื้อ เราก็ดูแลดามาตลอด ไม่ได้เดือดร้อนอะไรมาก เพราะว่าตอนแรกก็เป็นคนไข้ของสมเด็จพระพันปีหลวง ตอนหลังก็มาเป็นคนไข้ ในพระบรมราชานุเคราะห์”
จะช่วยกันดูแลพี่เลี้ยงของลินดาต่อไป
“ถามว่าเขามาหาบ้างไหม ไม่ได้มาหาเลย มีไปหาคนที่พาเขาไปรพ. ตอนล้ม เขาบอกว่าเขาจะไปแล้วนะ แต่พี่เลี้ยงเชื่อว่า 3 วันหลังจากนี้น่าจะมาก็ได้ แต่ไม่แน่เขาอาจจะไม่มาเลยก็ได้ คือถ้าไม่มาแสดงว่าเขามีบุญมากๆ เลยนะ จริงๆ เขาก็เหมือนรอวันนี้อยู่ เพราะว่าพอไปเจอเขา เขาจะถามว่าซื้อตั๋วเครื่องบินให้เขาหรือยัง เขาอยากไปฝรั่งเศส เขาอยากไปเที่ยวของเขา ที่ผ่านมาเราก็ทำให้ดีที่สุด ตอนนี้สิ่งที่เราทำได้ก็คือช่วยกันดูแลพี่เลี้ยงของดาต่อไป”
ซึ่งพิธีสวดอภิธรรม ทางเพื่อนนักแสดงและญาติได้นำศพตั้งบำเพ็ญกุศลไว้ที่ศาลา 3 วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร บางเขน และจะทำการฌาปนกิจในวันที่ 1 ธ.ค. ตามลำดับต่อไป โดยในวันนี้มีเหล่าคนบันเทิงมาร่วมไว้อาลัยกันมากมาย อาทิ สีดา พัวพิมล, ตุ๋ย นวลปรางค์ ตรีชิต, บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์, อุ้ย สุธิตา เกตานนท์, นัดดา วิยกาญจน์, โยโกะ ทาคาโน่ ฯลฯ
