ยังเดือดไม่แผ่ว สำหรับ “ษิทรา เบี้ยบังเกิด” หรือ “ทนายตั้ม” หลังจากปล่อยคลิป “ม้า อรนภา กฤษฎี” ตบหน้าดาราน้องใหม่ กลางห้างที่ประเทศเกาหลี ล่าสุดยังเล่นใหญ่จัดเต็ม ได้รวมตัวเหล่าทนายดัง อาทิ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์, ทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต, ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร, ทนายรัชพล ศิริสาคร ฯลฯ มาแถลงย้ำกรณีนี้ โดยเผยว่าคลิปดังกล่าวได้มาจากเจ้าหน้าที่ตร.ที่เกาหลีใต้ ตัดมาเฉพาะในส่วนที่ไม่ละเมิดสิทธิบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง พร้อมฝากถึงคนไทยที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น หากพบเห็นเหตุการณ์ ขอให้ติดต่อมายังตน เนื่องจากการดำเนินคดี จะต้องมีคลิปและพยานบุคคลเป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดี
ส่วนสาเหตุที่ถูกตบหน้า ทนายตั้มเผยว่าได้สอบถามดาราหนุ่มแล้ว อีกฝ่ายยืนยันว่าก่อนหน้านั้นไม่ได้มีปัญหาหรือทะเลาะกันมาก่อน รวมทั้งไม่ได้มีความสัมพันธ์กับดารารุ่นใหญ่ในเชิงชู้สาวใดๆ ทั้งสิ้น โดยก่อนเกิดเหตุ ดารารุ่นใหญ่กับดารารุ่นน้อง แยกกันเดินซื้อของ พอมาเจอกัน ดารารุ่นใหญ่ก็ชวนไปกินปู แต่ดารารุ่นน้องขอไม่ไป เนื่องจากเดินซื้อของ 3 ชั่วโมง เหนื่อยแล้ว และซื้อของมาหลายชิ้น ต้องหิ้วถุงพะรุงพะรัง ทำให้ดารารุ่นใหญ่โมโหและตบหน้า เท่านั้นไม่พอ ดารารุ่นใหญ่ก็ยังออกมาด่าทอเสียงดังด้านนอก ทำให้ตนรู้สึกอับอาย สุดท้ายต้องยอมไปกินปูด้วย เพราะขณะนั้นยังไม่ได้ทำศัลยกรรมหน้า เกรงว่าจะเกิดปัญหา ซึ่งขณะที่นั่งกินปู ดารารุ่นใหญ่ก็พยายามเคลียร์
ซึ่งภายหลังดาราหนุ่มทำศัลยกรรมหน้าเรียบร้อย และปรึกษากับทางบ้าน ทางบ้านรู้สึกไม่สบายใจ และอยากให้ดำเนินคดี ซึ่งดาราหนุ่มก็รู้สึกแย่ จึงเปลี่ยนโรงแรม บล็อกเบอร์ บล็อกไลน์ และเมื่อเป็นข่าวในประเทศไทย ดารารุ่นใหญ่ก็ติดต่อมาหาผู้จัดการส่วนตัวของดาราหนุ่ม ตำหนิว่า ทำไมต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งตอนนี้ ดาราหนุ่มสับสนมาก เพราะไม่เคยเจอเรื่องใหญ่แบบนี้ และหลังจากกลับถึงประเทศไทยในวันที่ 30 พ.ย.นี้ ก็จะขอคิดอีกทีว่าจะแถลงรายละเอียดเรื่องนี้หรือไม่
ทนายตั้มยันว่าดาราหนุ่มไม่ได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับดารารุ่นใหญ่ ค่าทำศัลยกรรม ค่าตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ค่าอาหารหรือซื้อของต่างๆ ก็ต่างคนต่างออกทั้งสิ้น รวมทั้งเดินทางคนละสายการบิน เพิ่งมาเจอกับดารารุ่นใหญ่ที่เกาหลีใต้ เนื่องจากดารารุ่นใหญ่สนิทกับผู้จัดการส่วนตัวของดาราหนุ่ม ส่วนที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ก็ไม่ได้อยากดังอย่างที่มีบางกระแสกล่าวหา
ส่วนการดำเนินคดี ทางดาราหนุ่มได้แจ้งความที่เกาหลีใต้แล้ว แต่วันจันทร์นี้จะไปติดตามคดีอีกครั้ง เนื่องจากสถานีตำรวจที่เกาหลีใต้ปิดทำการเสาร์-อาทิตย์ โดยหากการดำเนินคดีที่เกาหลีใต้ หากมีการแจ้งข้อหาและผู้ก่อเหตุได้รับโทษแล้ว จะไม่สามารถนำมาดำเนินคดีในไทยได้อีก แต่หากผู้ก่อเหตุเดินทางกลับไทยก่อนที่จะมีการดำเนินคดี ก็จะสามารถมาดำเนินคดีที่ไทยได้ โดยพนักงานอัยการเป็นผู้ดำเนินการ และทางผู้เสียหายได้ขอคลิปขอหลักฐานต่างๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว
