“เก่งลายพราง” เผยตื่นเต้นแต่งงานอีกรอบ ให้คำมั่นจะดูแลกันตลอดไป และจะเลิกเล่นการพนันเด็ดขาด เผยไปสาบานต่อหน้า “ย่านาค” มาแล้ว ถ้าผิดคำสาบานขอให้มีแต่เรื่องไม่ดีในชีวิต ยอมรับเห่อ “น้องจีเนียส” ลูกสาวมาก เตรียมหาโรงเรียนให้แล้วแม้อายุจะเพิ่งแค่ 6 เดือน
เพิ่งจัดพิธีฉลองวิวาห์ไปหมาดๆ เลยสำหรับหนุ่ม “เก่งลายพราง” ที่จูงมือแฟนสาว “จอย จิราวรรณ” พร้อมทั้ง “น้องจีเนียส” ลูกสาวมาเป็นพยานรักด้วย โดยเจ้าตัวยอมรับว่าถึงแม้จะเป็นการแต่งงานรอบสอง แต่ก็ยังตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ และตอนนี้ยอมปรับตัวเองทุกอย่าง ให้ภรรยาดูแลเรื่องเงินแบบเต็มที่
“ดีใจครับ ปลื้มใจ เพราะว่าเตรียมงานมาประมาณปีนึง เรื่องสถานที่เรื่องอะไรต่างๆ แฟนเขาจะเป็นคนเลือกเอง อย่างช่างแต่งหน้าก็ต้องจองคิวกันข้ามปี เพราะช่างก็ไม่ได้จองคิวกันง่ายๆ แต่จริงๆ ก็อาจจะไม่ใช่ครั้งแรกของเรา แต่เราคิดว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย เราก็เลยตื่นเต้นมากๆ วันที่ 21 ก็หลับๆ ตื่นๆ นอนไม่เต็มตื่นเพราะตื่นเต้น และพอถึงวันที่ 22 จริงๆ เหตุการณ์มันผ่านไปเร็วมาก เราจะไปสนุกกับแขกก็ไม่ได้ เพราะว่าจะต้องยืนต้อนรับแขก ยืนถ่ายรูป ขาแข็งมาก และไม่เคยใส่รองเท้าที่ส้นหนาถึง 3 นิ้ว" (หัวเราะ)
"ก็ให้คำมั่นสัญญากับเขาว่าจะรักและดูแลกันไป เรื่องไหนที่เป็นเรื่องร้ายๆ หรือเรื่องไม่ดี เราเคยทะเลาะกันหรือเราเคยไม่เข้าใจกันก็ให้ทิ้งไป และเริ่มต้นใหม่ คิดแต่สิ่งดีๆ ทำแต่สิ่งดีๆ หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยซึ่งกันและกัน ที่ผ่านมาเขาก็ให้อภัยทุกเรื่องครับ (หัวเราะ) พอเรามาอยู่กับเขา เราเปลี่ยนนิสัยไปเยอะมาก มีอยู่เรื่องเดียวที่เราโกหกเขาบ่อยมาก ก็คือเรื่องเล่นการพนัน ชอบเล่นมวย แต่ว่าตอนนี้ก็หยุดได้จริงๆ แล้ว ไม่ได้เล่นแล้ว ทุกวันนี้ก็ให้เขาเก็บเงิน ให้เขาดูแลบัญชี และเราก็ใช้แอพธนาคาร ตังค์ก็ไม่ได้พก ให้เขาพกหมด เขาก็เลยบอกว่าเขาให้อภัยนะ เราก็เลยได้ใจเขาตรงนี้ ถึงแม้เราจะผิดกี่ครั้ง ถึงเราจะเคยบอกว่าครั้งนี้พี่จะเลิกจริงๆ แล้ว ถ้าไม่เลิกเราก็เลิกกันเลย แต่สุดท้ายเขาก็จับได้ว่าเราไปเล่นอีก เขาก็ให้อภัยอีก”
เผยเสียเงินให้กับการพนันไปร่วม 3 ล้านบาท
“คือการที่เราเล่นเราก็ติดเล่นจริงๆ เป็นเงินที่เราทำงานมา สมมติเราได้เงินมา 1 แสนบาท เราก็ไม่ได้ไปเล่นทั้ง 1 แสนบาท อาจจะไปเล่น 3 หมื่น ทุกวันนี้จะเห็นถึงความพัฒนาได้ว่า ตั้งแต่เราออกมา จนตอนนี้ 2 ปี ตั้งแต่เรามาคบกับเขา เรามีบ้าน มีรถ เราสร้างอะไรขึ้นมาหลายๆ อย่าง ซึ่งเราก็สามารถสร้างความเชื่อถือให้กับเขาได้ ว่าเราไม่ได้เอาเงินตรงนี้ไปผลาญหมดนะ"
"ตอนพนันเราจะเสียมากกว่าได้ครับ แต่ทุกครั้งเวลาที่เสีย เราก็จะทำให้มันได้ คือบางทีเราเสีย แต่ก็จะบอกเขาว่าได้ และเอาเงินให้เขา เราก็ต้องไปหยิบยืมตรงนั้นมา ทำให้เราเป็นหนี้ตรงนั้นตรงนี้ ถามว่าเสียไปทั้งหมดเท่าไหร่ ก็ประมาณ 3 ล้านได้มั้งครับ เรียกว่าผีพนันเข้าสิงก็ได้ เพราะตอนที่เราอยู่ข้างในเรือนจำ เราก็เคยเล่นหนักมาก จนที่นอน ผ้าห่มก็เอาไปขายหมดเลย เพื่อจะเอาไปแปลงเป็นบุหรี่ เป็นนม ต้องเอาขวดเป๊ปซี่ขวดใหญ่ๆ มาหนุนหัว"
"เป็นคนที่ชอบเล่น คือเวลาได้ก็จะพาแฟน พาครอบครัวไปเลี้ยง ไปเที่ยว กินข้าวมื้อละ 5-6 หมื่น เราก็พาเขาไปกิน ทั้งๆ ที่เวลาเราเสียเราก็ต้องเอาเงินทุนเราออกมา แต่เวลาเราได้บางที 3 หมื่นก็ใช้วันเดียวหมดเลย และไม่รู้ว่าวันต่อๆ ไปเราจะได้เหมือนวันนี้หรือเปล่า ก็เล่นมาตั้งแต่ตอนติดคุกปี 46 ครับ เพิ่งจะเลิกไปไม่กี่เดือน (หัวเราะ)”
บอกไปสาบานกับ “ย่านาค” เอาไว้ว่าจะเลิกเล่นพนันเด็ดขาด
“คือเราไปสาบานกับย่านาค ที่วัดมหาบุศย์ เพราะเรานับถือ เราก็ไปสาบานกับย่าว่าจะเลิกแล้วนะ เพราะครั้งหนึ่งเราเคยเสพยา เราเคยสูบบุหรี่ เราก็ไปสาบานกับย่าเหมือนกันว่าเราจะเลิกแล้วนะ และเราก็ทำได้จริงๆ หลังจากนั้นก็มีงานเข้ามา มีเงินเข้ามา ทีนี้ก็เลยลองไปสาบานกับย่าเหมือนเดิม และบอกว่าถ้าเราทำผิดก็ขอให้ชีวิตเราเจอแต่ความไม่ดี"
"แต่ตอนนี้พอเราทำได้ก็เริ่มโอเค แต่อาจจะไม่ได้เกิดผลวันนี้ พรุ่งนี้หรอกครับ อาจจะต้องใช้เวลา เพราะอยู่ที่ตัวเราด้วย บางทีเราไปสาบานกับย่าว่าผมจะเลิกการพนัน ขอให้ผมเจอแต่สิ่งดีๆ ขอให้ผมรวย แต่ถ้าผมนอนอยู่กับบ้านมันก็ไม่มีอะไร ก็ไม่เกิดประโยชน์ ถามว่าถ้าไม่เล่นเราคือรวยเลยมั้ย ก็ไม่ได้รวยมาก แต่เงินในส่วนนั้นเราก็มานั่งนึกเสียดายว่าจริงๆ แล้วเราควรที่จะเอาไปทำอะไรหลายๆ อย่างได้”
บอกปลงทุกอย่าง มองโลกในแง่ดี ใครด่าก็บล็อกกลับ
“ทุกวันนี้เราก็เหมือนปลงนะ เพราะเราจะมองโลกในแง่ดีตลอด ตรงไหนที่เรารู้สึกว่ามันไม่โอเค เราก็จะก้าวออกมา ตรงไหนเป็นคอมเม้นต์ที่มันไม่ดีเราก็บล็อก เราจะไม่เข้าไปต่อปากต่อคำ เราไม่เถียง ไม่ตอบโต้ เพราะว่าคนเรามีทั้งชอบและไม่ชอบ เพราะฉะนั้นถ้าเราจะทำตัวเราให้มีความสุข เราพยายามดูแต่คนที่เขาชอบเรา คนไหนที่แสดงความยินดีกับเรา คนไหนที่ให้กำลังใจเรา คนไหนที่เขาเข้ามาปลอบเราเวลาที่เราเหนื่อย เราก็มองแต่คนพวกนั้น แต่ตรงไหนที่มีมาว่าเราสักลาย ขี้คุก ขี้ตาราง เราก็บล็อกไป และไม่ต้องไปจดจำคำพูดนั้นๆ มาครับ"
"ทุกวันนี้วางแผนชีวิตคือหวังให้บ้านหมด รถหมด และสิ่งที่ตั้งเป้าก็คือลูกครับ เพราะว่าตอนนี้ลูก 6 เดือนแล้ว ไปดูโรงเรียนให้ตั้งแต่ตอนประมาณ 5 เดือนกว่า (หัวเราะ) จริงๆ เด็กเขาจะเข้าโรงเรียนตอนประมาณ 2 ขวบ แต่เราก็เห่อ เพราะลูกคนที่แล้วเราไม่ได้มีโอกาสได้เลี้ยงดูเขาแบบเต็มๆ เพราะในช่วงที่เขาเล็กๆ เราเข้าไปอยู่ข้างใน 9 ปี ออกมาอีกทีเขาก็โตแล้ว”