“เจนี่” เผยโจทย์ชีวิตในวัย 41 ปีคือต้องดูเด็กอยู่เสมอ ยอมอดทนรักษาวินัย กินอาหารนก ออกกำลังกายเพราะอายุมากกว่า “มิกกี้” 10 ปี ยิ้มอย่างมีความสุข ชีวิตนี้สมหวังทุกอย่างแล้ว อีกขั้นของชีวิตคู่คือการมีลูกและเลี้ยงกันเอง 100% ในวันนี้เติบโตขึ้น ไม่ใช่ เจนี่ คนเก่าอีกต่อไปแล้ว
ต้องเรียกว่าเป็นผู้หญิงที่หลายๆ คนอิจฉา กับ “เจนี่ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร”ที่แม้ตอนนี้อยู่ในวัย 41 ปี แต่ยังคงสุขภาพดี หุ่นเพอร์เฟกต์ แถมหน้าเด็กเอามากๆ ล่าสุด เจนี่ ได้ไปเปิดใจเล่าถีงชีวิตของตัวเองในรายการ ทูเดย์ โชว์ โดย เจนี่ เผยว่าร่างกายตอนนี้เฟทอยู่ที่ 12 และ การเบิร์นเท่ากับอายุ 23 ปี และแน่นอนว่าสามี “มิกกี้ นนท์ อัลภาชน์”เป็นแรงบันดาลใจในการออกกำลังกายและอยากจะดูเด็กอยู่ตลอดเวลา
“แน่นอนค่ะ ด้วยความที่มิกอายุน้อยกว่าเจนี่ 10 ปีเราก็เลยรู้สึกว่าเราแก่ไม่ได้ ทำยังไงก็ได้ที่เราจะไม่เป็นแม่ที่อายุดูมากกว่าสามี นี่คือโจทย์ของชีวิต ก็จะดูแลตัวเองทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเรื่องอาหารการกิน ออกกำลังกาย แต่ตอนนี้เหมือนหนักกว่าเดิม ทำทุกอย่างเพิ่มอีกหนึ่งเท่า บวกกับการเลี้ยงลูกด้วย
ก็ค่อนข้างจะกินอาหารนก ไม่มีคำว่าตามใจปาก เราต้องใช้จิตวิทยากับตัวเราเองถามว่าอยากกินไหม อยาก แต่ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับใจจริงๆ เพื่อนจะมาบอก คำเดียวเอง ชิมนิดนึงก็ได้ แต่เจนรู้ตัวเองไงว่าได้เริ่มแล้วเราจะไปเรื่อย ไม่หยุด ถ้าเราไม่มีวินัยกับตัวเอง เราจะไม่มีวันนี้ เราจะทำให้ถึงเป้าหมายให้ได้ ไม่มีว่อกแว่ก
ถามว่าทำไปเพื่ออะไร เราทำเพื่อตัวเราเอง ร่างกายเราไม่เหมือนวัยรุ่นแล้วก็เลยระวังตัวเองเป็นพิเศษ สามีเป็นคนจัดแจงทุกอย่างให้ เขาจะคอยส่งโปรแกรมออกกำลังกายให้ อยากกินอะไรเขาจะสั่งอาหารไว้ให้ล่วงหน้าที่ส่งถึงกอง เขาจะมีดีเทลเล็กๆน้อยๆที่ทำให้เราอยู่สม่ำเสมอตลอดมา เขาเป็นคนที่ดูแลเราหมดทุกอย่าง”
ไม่อยากแนะนำการดูแลสุขภาพใครเพราะกลัวดรามา
“คนจะมาถามกันเยอะว่าทานอะไร กินอะไร คุมยังไง บางทีเจนก็ไม่อยากแนะนำ เพราะกลัวเป็นดรามา ด้วยร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เจนอาจจะกินแบบนี้แล้วมันดีกับร่างกายเจน อย่างของเจนเป็นคนที่แพ้นม เนย แพ้มาก แต่ถามว่าชอบไหมคือชอบมาก ตอนเด็กๆ ทางช็อกโกแลตทุกวัน แต่พอทานแล้วผดจะขึ้น สิวขึ้นหลัง ขึ้นตามตัว ร่างกายบวม ฉุ เหมือนน้ำตาลจะไม่ดีต่อร่างกายเราเลยแม้แต่นิดเดียว ก็ทานโปรตีนพืชแทน บอกเลยนะคะว่าการทานสำคัญกว่าการออกกำลังกายอีก
เจนจะออกกำลังกายประมาณ 30 นาทีถึง 2 ชั่วโมง อย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์ แล้วแต่ความสะดวก มันก็มีทรมานนะ คาดิโอ 10 นาทีแรกก็อยากจะหลับ บางทีก็พูดกับมิกว่าขี้เกียจ มิกบอกเมื่อไหร่ที่ผ่าน 10-15 นาทีแรกไปได้ หลังจากนั้นมันจะไม่ขี้เกียจเลย แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ 10 นาทีแรกเหมือนมีพยาธิตัวตืดอยู่ในสมอง ต้องสู้กับใจตัวเองมากๆ”
ยิ้มอย่างมีความสุข สมหวังกับชีวิตแล้ว
“สมหวังค่ะ (ยิ้มมีความสุข) มันเหมือนทุกอย่างลงตัว ตอนนี้เจนี่พอใจกับชีวิตตัวเองมากๆ เจนี่รู้สึกว่าเวลาที่คนเรามีความรัก ต้องไม่ใช่มีความสุขอย่างเดียว มันต้องรู้สึกสบายตัว สบายหัวใจ ไปไหนเราก็ไม่ต้องมารู้สึกห่วง รู้สึกพะวง นั่นคือความรู้สึกที่เป็นชีวิตคู่ เราดูแลลูกกันเองสองคนแบบไม่มีพี่เลี้ยงเลย พอมิกเขาดูแลลูก แล้วเขาก็ดูแลได้เพอร์เฟกต์มาก สามารถที่จะอยู่กับโนล่าได้ทั้งเป็นพ่อและเป็นเพื่อน คือทำได้ทุกหน้าที่ เรายิ่งรู้สึกสบายใจกว่าเดิม
ก่อนท้องตัวเองก็มองภาพไม่ออกเหมือนกันว่าเราจะเป็นแม่ยังไง เราจะทำได้ไหม เราจะเป็นแม่แบบไหน รู้แค่อยากท้อง อยากมีลูก เราก็ไปปรึกษาคุณหมอ พูดกับหมอเลยว่าอายุเยอะแล้วไม่รู้จะมีได้รึเปล่า ก็ตรวจสุขภาพ ลองนับวัน ฉีดยาให้สุขภาพแข็งแรงก็ติดเลย วันที่มิกเห็นสองขีดเขาก็ร้องไห้ ต่างคนก็ต่างอยากจะมีลูก”
ฝันอยากมีลูกผู้ชาย แต่สุดท้ายได้ลูกสาว
“ตอนนั้นคิดว่าอยากจะมีลูกผู้ชายจะได้ออกกำลังกายด้วยกัน ตอนที่คุณหมอกำลังจะบอกเพศ เขาก็ถามว่าเราอยากจะได้ลูกชายหรือลูกสาว พอบอกว่าอยากได้ลูกชาย เขาก็บอกว่าคุณได้ลูกสาว แล้วหมอจะบอกให้นะ มีลูกสาวดีกว่าลูกชายนะครับ เจนก็ถามกลับว่าทำไมคะคุณหมอ เจนอยากมีลูกชายมาตลอดเลยนะ คุณหมอก็บอกว่าลูกสาวเขาจะอยู่กับเรา เขาจะอ้อนเรา เขาจะเป็นเพื่อนเราจริงๆ ตอนนั้นเจนก็ยังไม่เข้าใจ คุณหมอก็หยุดเราด้วยการบอกว่าอย่าคิดแบบนี้อีกนะ เดี๋ยวลูกในท้องเราเขาจะน้อยใจว่าเราอยากได้เขาเป็นผู้ชาย
พอเขาคลอดออกมาแล้วได้เลี้ยงเขาจริงๆ ความรู้สึกเรากลับกัน อยากมีลูกสาว ไม่อยากมีลูกชายแล้ว โนล่าเลี้ยงง่ายมาก เขาก็ซนตามประสาเด็กแหละ แต่เขาจะมีเหตุผล เพราะเราคุยกับเขาด้วยเหตุและผลทุกอย่าง เราตั้งใจเลี้ยงเขาเอง 100% เพราะครั้งนึงในชีวิตเราตั้งใจที่จะมีลูกแล้ว เราต้องเลี้ยงเขาด้วยตัวเราเอง มันเหนื่อยมากนะคะ เจนให้นมเขาเองจากเต้าจนถึง 2 ขวบครึ่ง และยังมีนมสต็อกให้ลูกน้องสาวด้วย โนล่ากินนมอยู่เต้านึง อีกเต้านึงก็ปั้มนมไปด้วย พ่อก็คือช่วยล้างขวดนม แทบจะ 24 ชั่วโมงของเราคือมีแต่เขา คือเจนตั้งใจมากๆ กับเขา การที่เราเลี้ยงเขาด้วยความอบอุ่นมันจะทำให้เขาโตมาอย่างมีคุณภาพจริงๆ”
แย่งกันเลี้ยงลูก ชีวิตครอบครัวลงตัวมองภาพเดียวกัน เป็นการเติบโตไปอีกขั้นของชีวิตคู่
“เรามองตาลูก เราก็รู้แล้วว่าเขาคือความสุขของเจนและมิก เราจะแอบแย่งกันเลี้ยงลูก เราไม่เป็นพ่อแม่ที่เกี่ยงกันเลี้ยงลูกเลย ต่างคนต่างอยากให้ลูกอยู่ในกิจกรรมของตัวเอง ก็ยอมรับว่าชีวิตส่วนตัวเราของมันก็แอบหายไป แต่มันมีความสุขของลูกมาทดแทนตรงนั้น เขาเองก็ยอมให้ส่วนของเราหายไป เพราะเขาเองก็แฮปปี้กับภาพที่เรามีร่วมกัน มันกลายเป็นอีกขั้นของชีวิตคู่”
ให้ความสำคัญกับการสอนลูกสาว “น้องโนล่า” ให้รู้จักความเมตตา สวัสดี ขอโทษ ขอบคุณ และรักในความเป็นคนไทย
“เจนจะให้ความสำคัญกับเรื่องของการมีเมตตา เจนมองว่าในโลกยุคนี้ความเมตตาสำคัญที่สุด โดยเฉพาะเราเป็นคนไทย เจนอยากจะปลูกฝังลูกว่าเราเป็นคนไทย เราเกิดที่เมืองไทย เราต้องมีเมตตา เราต้องรู้จักคำว่าสวัสดี และคำว่าขอบคุณนะคะลูก หนูเห็นใช่ไหมหม่ามี๊ไปไหนหม่ามี๊ไหว้ทุกคน หม่ามี๊ไม่ต้องสอนหนูแล้วนะ หนูเห็นหม่ามี๊ไหว้ใคร หม่ามี๊ทำอะไร หนูทำตามเลย
ถ้าวันไหนหนูรู้สึกว่าหนูทำอะไรผิดไป หนูขอโทษได้ลูก การขอโทษมันง่ายมากๆ และทำให้คนรู้สึกดีด้วย แม้กระทั่งคำว่าขอบคุณ เจนขอบคุณตัวเองทุกวันนะเพราะเราใช้ร่างกายเยอะ ต้องขอบคุณเขาที่เขาให้เราอยู่ในร่างกายนี้ ต้องเห็นคุณค่าในร่างกายนี้เพราะเขาทำให้เราได้ทำมาหากิน เราก็จะสอนลูกเราแบบนี้เหมือนกัน”
ในวันนี้ “เจนี่” โตขึ้น ไม่ใช่คนเก่าอีกต่อไปแล้ว
“เราโตขึ้น ประสบการณ์ชีวิตมันทำให้เราต้องเรียนรู้ว่าเราต้องเป็นยังไง ตอนเด็กเจนไม่ได้รู้สึกแบบนี้เลย เราก็ไปสุดโต่งเหมือนกัน เราผ่านมาหมดแล้ว อาจจะเป็นโชคดีของเจนด้วยที่คนบนฟ้ายังเมตตาให้เราได้อยู่และรู้จักคำว่าอดทน เสียสละ และอะไรอีกหลายๆ อย่างที่ทำให้เจนโตขึ้นและเจนก็เอาทั้งหมดมาสอนลูกเจน”