xs
xsm
sm
md
lg

“คุณชาย” เรตติ้งสวนทางกระแส! “พระ-นาย” เปิดใจกระแส LGBTQ ในละครไทย “แค่ยอมรับ เปิดใจ เลิกตีกรอบ...” (ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“คุณชาย” สุดปัง! แม้เรตติ้งจะสวนทางกับกระแส ด้าน “ฟิล์ม ธนภัทร” ยอมรับเคยหมดไฟกับอาชีพนักแสดง แต่กลับมาลุกโชนอีกครั้งในละครเรื่องนี้ เผยเบื้องหลังฉาก “เลิฟซีน” แบบพีเรียด ถูกกระทำจนตัวเขียว ส่วน “แจม รชตะ” ภูมิใจเป็นกระบอกเสียงให้ LGBTQ เป็นส่วนนึงของสังคมไทย



ไม่บ่อยนักที่ผู้จัดจะกล้าทำในสิ่งที่แตกต่าง เพราะนั่นก็หมายความว่าจะต้องยอมแลก เพราะถ้ามันปังความดังก็จะมาเยือน แต่ถ้ามันพังทุกอย่างก็เหมือนเป็นการลองผิดลองถูกกันไป แต่สำหรับ “คุณชาย”ละครพีเรียดของช่องวัน 31 ถือว่ามีครบทุกรสไม่ว่าจะเป็นกลิ่นอายความเป็นละครไทยในแบบสูตรสำเร็จ แต่ก็เพิ่มเติมรสชาติใหม่ๆ เอาใจตลาดสายวายเข้าไปก็ยิ่งทำให้กลมกล่อมมากยิ่งขึ้น

และแม้เรตติ้งจะไม่พุ่งทะยานจนติดเพดาน เนื่องจากฐานคนดูของช่องวันตามค่าเฉลี่ยถ้าเทียบกับช่อง 3 หรือช่อง 7 แต่ถ้าพูดในเรื่องของกระแสที่ติดเทรนด์ทั้งในประเทศและเทรนด์โลก บอกเลยว่าการแสดงของ “ฟิล์ม ธนภัทร” และ “แจม รัชตะ”ที่พาตัวละครอย่าง “อาจิว-อาเทียน” ไปนั่งในใจหลายๆ คน และกว่าจะมีวันนี้ พวกเขาต้องพยายามมากแค่ไหน? จนหลายคนเชื่อว่าเขาทั้งคู่รักกันจริงๆ

จาก “สามีแห่งชาติ” กลายมาเป็น “เมียแห่งชาติ”

ฟิล์ม : ดีใจที่การแสดงของเรา ทำให้คนเชื่อและชื่นชอบได้ขนาดนี้ เราแฮปปี้มากๆ จริงๆ เราเล่นออกมาแล้ว คนดูแฮปปี้ชอบคู่ของเรา ชอบละครของเรา มันทำให้สิ่งที่เราทำงานกันมาอย่างหนักหน่วงที่มันเครียดมาตลอด มันหายเหนื่อยครับ และความยากมันอยู่ที่เราเล่นเป็นพระเอกมาตลอด แล้ววันนึงเราต้องมาเล่นละครเป็นความรักแบบไม่มีเงื่อนไข ผมไม่อยากให้มันมีเงื่อนไขกับความรักครั้งนี้ ผมเลยต้องทำการบ้านหนักกับในเรื่องของเลิฟไลน์ เรื่องความเป็น LGBTQ ของเรา ในส่วนอื่นๆ ผมว่ายังไม่หนักเท่าส่วนนี้ มันเป็นครั้งแรกของเราแล้วก็ไกลตัว เรามีเพื่อนพี่น้องแบบนี้ก็จริง แต่ว่าเราไม่เคยรู้สึกแบบที่เขารู้สึกจริงๆ ความยากคือการที่เราจะรู้สึกให้ได้แบบเดียวกับเขา เราก็ต้องไปทำการบ้านในส่วนของตรงนั้น แล้วก็เอามาเบลนด์กับบทเพื่อให้เข้ากับบทมากที่สุดครับ

เร็วไปไหม? ที่จะเบนเข็มจากบท “พระเอก” มาเป็น “นายเอก”

ฟิล์ม : ไม่นะครับ ผมรู้สึกว่าผมอยากเล่นบทที่ท้าทายแล้ว จริงๆ ผมอยากเล่นมานานแล้วนะ อยากหาอะไรใหม่ๆ ที่มันชาเลนจ์ตัวเอง มันมีช่วงนึงที่ผมรู้สึกอิ่มกับบท อิ่มกับความเป็นพระเอก อยากได้บทที่มันท้าทายขึ้น ได้เล่นอะไรที่แตกต่างจากเดิมมากขึ้น ซึ่งอย่าไปจำกัดความของคำว่าพระเอกเลย ไม่ว่าจะเป็นพระเอกเป็นนางเอก เป็นนายเอกแค่รู้สึกว่าเราเป็นบทนำของเรื่อง เราต้องพาคนทั้งเรื่องไปให้ไกลที่สุด ซึ่งบทของ เทียน มันไม่ต่างอะไรจากบทปกติเลย คือถ้าเรารับเล่นบทนี้ เราก็ต้องทำการบ้านกับเรื่องของความรักเป็นพิเศษ เพราะเป็นความรักที่ไม่ใช่ชายหญิงแล้ว เราต้องไปเข้าใจเรื่องความหลากหลายทางเพศให้มากขึ้น และลึกซึ้งขึ้นเท่านั้นเอง เพราะเรามีความรักมันไม่ได้จำกัด อย่างแค่เรารักสัตว์ เรามองตาก็เป็นประกายแล้ว

ต่างคนต่างหลงในสายตาของกันและกัน

ฟิล์ม : ผมว่ามันไม่ได้ต่างหรอก มันเป็นจุดตั้งต้นของความรู้สึกมากกว่า ว่ามันมาจากจุดไหน แค่นั้นเอง

แจม : สายตาเขา น่ารักๆ เขาตาปิ๊งๆ ส่วนเราในบทก็อย่าๆ ห้ามทั้งตัวเองทั้งเขา แต่เขาก็ไม่ เขาจะเอาอย่างเดียวเลย แต่ตอนเล่นด้วยความรู้สึกของจิวกับเทียนมันชอบแหละ แต่เราไม่อยากให้เขามาลำบากกับเรา

ฟิล์ม : ใช่ครับ เราเป็นฝ่ายรุก อยากได้ก็ต้องได้

แจม : ถ้าคุณรู้ วันนึงคุณจะยังรักผมอยู่ไหม

ฟิล์ม : สุดท้ายก็รักกัน แต่ไม่ได้บอกว่าจะได้รักกันหรือเปล่า รักกันแล้วแยก หรือรักกันแล้วได้อยู่ด้วยกัน นี่คืออีกเรื่อง

แจม : เขาเป็นคนรักแสดงออกไง แต่จิวเขารักไม่แสดงออก

ต่างคนต่างยากในฉาก “เลิฟซีน”

ฟิล์ม : ยากครับ (เขินไหมเวลาต้องอ่อยจิว?) ไม่ เราก็เป็นตัวละครไง มันก็จะเขินในมุมของตัวละคร ฉากเข้าพระเข้านางก็จะต้องคอยสอนเขา

แจม : คือผมเป็นคนที่ดิบๆ เถื่อนๆ แข็งๆ แต่เขาเป็นคนที่มีความอ่อนหวานในตัว ผมเลยต้องดูดความหวานของพี่ฟิล์มเข้ามา

ฟิล์ม : มันจะได้มีความละมุนของในซีน คือถ้าคนรัก แต่ไอ้นี่ (กระชากแขน) อย่างนี้ แขนจะหักแล้วจ้า เล่นกันจนแขนผมเขียว ตื่นมาอีกวันเป็นรอยมือเขาเป็นจ้ำ

แจม : คือเป็นจังหวะที่พี่เขาจะเดินไปแล้วผมดึงกลับไง

ฟิล์ม : ความที่เขาแรงเยอะและดิบๆ เขาจะกะแรงไม่เป็น เล่นละครมา เจอแต่ผู้ชายๆ แล้วพอมันต้องมาดูอ่อนหวานมีความละมุน ผมรู้สึกว่าน้องควรจะมีความนุ่มนวลกว่านี้ รู้แหละว่ามันไม่ใช่ตลอดเวลา แต่เวลาที่เรามีความรัก เราจะให้ความทะนุถนอม เบามือหน่อย ผมก็จับให้ดูว่าต้องเล่นแบบไหน แตะหัว จับแก้ม ทำยังไง ต้องสอนอินดีเทลแบบลึกเลย แบบไม่ต้องรีบ เวลาเรามีความรัก อยากอยู่ในโมเมนต์นั้นนานๆ ต้องค่อยลูบ ค่อยๆ สบตา อยู่กับความรู้สึกนั้นนานๆ ก็ออกมาดีอย่างที่เห็น ก็ดีใจที่น้องทำได้ แล้วทุกคนก็ชอบ

แจม : สำหรับผมนะ ไม่ต้องจินตนาการอะไร แค่เรารักคนๆ นี้ ตัวจิวมันดีตรงที่มันมีคนรักอยู่ไม่กี่คน มีน้อง 2 คน แล้วก็เทียน มันเลยเข้าไปหาได้ง่ายเลย โอเคเรารักเขาแค่นั้นเอง มันไม่ต้องไปสร้างว่าเขาเป็นผู้หญิงคนนึง หรือเขาเป็นใคร ดังนั้นเวลาฉากเลิฟฉากรักนอกจากความไม่ทะนุถนอม นอกนั้นผมว่ามันง่าย เพราะความทะนุถนอมเป็นสิ่งที่เราคิดไม่ถึง เพราะบางครั้งปฏิบัติต่อคนที่เรารักมันก็ไม่ได้อ่อนหวาน

ฟิล์ม : ตงตง กฤษกร ตูดเขียวเลยนะ

แจม : มันเป็นอุบัติเหตุ ตอนนั้นผมหึงพี่ไง น้องจะแย่งไง ผมก็ต้องดึงไง เหวี่ยงไง

ฟิล์ม : ตงตงตัวมันขาว ละตูดเป็นวงเลย

แจม : ก็ต้องขอโทษพี่ตงด้วยที่เล่นแรง วันนั้นไปเห็นก็แรงจังหวะ หลังจากนั้นเล่นบู๊ก็พยายามเซฟให้มากๆ ครับ เห็นเขาเจ็บก็สงสาร

“เลิฟซีน” ตอนแรกให้ 0 หลังจากนั้นให้ 6 จนกว่าจะถึงตอนจบ

แจม : มันด้วยเรื่องราวที่เราเจอกับเขามา บวกกับมายด์เซ็ตที่เปลี่ยนไปด้วยว่าเราต้องเซฟให้เยอะขึ้น เพราะก่อนหน้านี้เรายังไม่ได้นึกถึงละเอียดขนาดนั้น อย่างเล่นกับพี่ฟิล์มก็มีหลุดๆ ไป พี่เขาก็จะเตือนว่ามันแรงไป ทะนุถนอมบ้าง ผมก็โอเค ขอโทษพี่แล้วก็ปรับในฉากเลย คือมันเป็นสันดานในตัวเรา แล้วไอ้ตัวจิวมันก็ดิบๆ อย่างนั้น ไม่ได้คิดว่ามันจะหวานอะไร แต่ถ้าไม่หวานตัวละครก็จะดูไม่มีมิติ ไม่ละมุน เหมือนไม่รัก

ฟิล์ม : ตอนแรกให้ 0 เพราะไม่มีเลยเป็นศูนย์ ไปถามผู้กำกับเลยก็ได้ ตอนถ่ายจบเอาไปสัก 6 เพราะผมรู้สึกว่ามันยังมีดีเทลเล็กๆ น้อยๆ ตอนนี้สารตั้งต้นน้องเขามีแล้ว มันเหลือรายละเอียดที่ต้องเก็บเกี่ยวไป

แจม : ซึ่งถ้าให้คะแนนความละมุนตัวเอง คือถ้าตั้งแต่ 0 เลยนะตอนนั้น ผมคิดว่าสิ่งที่ผมทำมันไม่รุนแรง ไม่ได้คิดว่าคนอื่นจะเจ็บ ถ้าเพิ่มขึ้นมาผมก็ให้ 8 เพราะว่ามันเปลี่ยนไปเยอะเลย ทั้งในชีวิตจริง พยายามมีสติมากขึ้น อย่าหลุดไปเหมือนแต่ก่อนสักวันนึงมันก็คงกลายเป็นนิสัยของเราไปเอง แล้วคงน่ารักขึ้นในมุมของคนอื่น

เคยหมดไฟ แต่กลับมามีไฟ เพราะละครเรื่องนี้

ฟิล์ม : ตอนนี้คือไฟท่วม รู้สึกว่าเป็นจุดพลิกที่ทำให้มีไฟ อยากไปให้ไกลกว่านี้อีกครั้งนึง

ยอมรับ เปิดใจ เลิกตีกรอบ...

ฟิล์ม : ดีใจครับ มันคือการยอมรับอีกหนึ่งจุดสำคัญที่เรารู้สึกว่า ณ สังคมปัจจุบันโลกเปิดกว้างขึ้น สังคมยอมรับมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน แล้วก็ดีใจที่ได้อยู่ในโปรเจคนี้ ได้อยู่ในกระบอกเสียงที่ทำให้กลุ่มคน LGBTQ ได้มีพื้นที่ของตัวเอง

แจม : ผมก็ดีใจครับ ที่เป็นส่วนนึงได้เป็นกระบอกเสียงที่ทำให้โลกที่เปิดกว้างพอสมควร ละครก็ให้เราได้เรียนรู้แหละว่าเมื่อก่อนที่สังคมยังไม่ยอมรับ มันทำให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วก็ปัญหาของครอบครัวที่ถ้าพ่อแม่ยังบังคับลูกอยู่ ก็เกิดปัญหาในครอบครัว ไม่ใช่แค่เรื่องเพศนะครับ แล้วสุดท้ายคนที่โดนตีกรอบ เขาก็ทรมาน คนที่ตีกรอบ เขาก็ทรมานไปด้วยเพราะไม่ได้ดั่งใจตัวเอง

ฟิล์ม : สำหรับผม ไม่เคยด้อยค่าใครตั้งแต่แรก มนุษย์ทุกคนมีค่าเท่าเทียมกัน ไม่ใช่แค่เรื่องเพศนะครับ ไม่ว่าจะรวยจะจน จะมีหน้าที่การงานที่ดีหรือไม่ดี มนุษย์ทุกคนมีค่าเท่าเทียมกันเสมอ













กำลังโหลดความคิดเห็น