xs
xsm
sm
md
lg

“ปุ้ย TPN” เห็นด้วยกฎใหม่ “แอน จักรพงษ์” ยังเป็นเจ้าของ MUT อีก 2 ปี ไม่เปลี่ยนมือ เคลียร์ปลด “นิโคลีน” ไม่พร้อมก็ต้องปรับ (ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ปุ้ย TPN” เผยความพร้อม “แอนนา เสือ” เตรียมบินหลังคริสต์มาสนี้ ศักยภาพกำลังดีขึ้นเรื่อยๆ เคลียร์ปมปลด “นิโคลีน” บอกคนไม่พร้อมก็ต้องปรับตำแหน่ง เห็นด้วยกฎใหม่ MU การเปลี่ยนแปลงจะทำให้พัฒนา ลิขสิทธิ์ MUT เหลืออีก 2 ปี และคงได้ทำต่อ เชื่อ “แอน จักรพงษ์” เห็นความสามารถ ไม่มีอะไรยากกว่าตอนเจอโควิดแล้ว



หลัง “แอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์”เข้ามาเป็นเจ้าของเวทีมิสยูนิเวิร์สอย่างเป็นทางการ พร้อมกับประกาศกฎใหม่ ให้ผู้หญิงข้ามเพศและผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว อายุไม่เกิน 27 ปี สามารถสมัครประกวดได้ เพื่อความเท่าเทียม ก็ทำเอาหลายคนเกิดความกังวล ว่าเกิดเป็นความวุ่นวายอลวนหรือเปล่า เพราะทั้งคู่ต่างก็มีเวทีประกวดที่เป็นของตัวเองอยู่แล้ว ล่าสุดวันนี้ได้เจอ “ปุ้ย TPN” หรือ “ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิก” กรรมการผู้จัดการบริษัท ทีพีเอ็น โกลบอล จำกัด (TPN Global) ผู้ถือลิขสิทธิ์เวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ก็เลยขอถามความเห็นของเจ้าตัวถึงเรื่องนี้ พร้อมอัปเดตความพร้อมของสาว “แอนนา เสืองามเอี่ยม”มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2022 ก่อนไปคว้ามงฯ 3 ให้ประเทศ

“เดี๋ยวเราจะบินกันช่วงประมาณหลังคริสต์มาส น้องก็เทรนอย่างหนัก ซ้อมอย่างหนัก หลายๆ ท่านก็คงจะเห็นแล้วว่า แอนนาเป็นเด็กที่สู้ไม่ถอยเลย แล้วเขาไม่คิดอะไรมากเลย เขามีหน้าที่เติมน้ำให้กับตัวเองตลอดเวลา แล้วก็เป็นน้ำที่ไม่เคยล้นแก้วเลย นั่นคือสิ่งที่เราสบายใจ เช่นเราบอกว่าแอนนาคะ คุณแม่และทีมคิดว่า เราต้องปรับตรงนี้อีกนิดหนึ่ง เขาก็จะบอกว่าได้ค่ะ ไม่เคยมีสักครั้งที่จะบอกว่าหนูถนัดแบบนี้ๆ หรือหนูคิดว่าแบบนี้ดีแล้ว เพราะฉะนั้นอันนี้มันเป็นสิ่งที่จะทำให้ศักยภาพของน้องมีมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็ขยันมากค่ะ”

ความพร้อมตอนนี้ได้ 85 เปอร์เซ็นต์เต็มร้อย ที่ต้องเพิ่มเข้าไปคือการกำกับจิต ให้มีสติและมีสมาธิบนเวที
“ตอนนี้คิดว่า 85 เปอร์เซ็นต์แล้วค่ะ ขอเติมต่ออีก เพราะว่าเรายังมีเวลากันนะคะก่อนบิน ถามว่ามีอะไรต้องเพิ่มเติมอย่างเร่งด่วนไหม ก็คือการกำกับจิตตัวเองค่ะ เพราะเวลาใหญ่ มันมีความขลังของตัวเอง เพราะฉะนั้นไปปุ๊บ มันอาจจะเกิดภาวะอะไรบางก็เป็นได้ ก็จะต้องสอนให้น้องตั้งสติให้ดี แต่โชคดีแอนนาเป็นเด็กที่ทำสมาธิล้วก็สวดมนต์อยู่ตลอดเวลา เดี๋ยวเราคอยดูแล้วกันว่าหลังจากการประกวดแล้ว เราจะได้เห็นอะไร ว่าน้องกำกับสติตัวเองได้แค่ไหน อันนี้สำคัญมากค่ะ

แต่ในเรื่องความประหม่าก็สำคัญ เราก็มีวิธีสอนเรื่องมายด์เซ็ต ทั้งจากหลายคนที่มีความรู้ หรือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการประกวดนางงาม คือเราจะสอนเขาว่า ไม่ว่าจะมีคำถามอะไรมา เราจะต้องตั้งสติ ตอบด้วยตรรกะ และด้วยความจริง เพราะฉะนั้นถ้าเราคิดว่าตรงนี้เป็นที่ยืนของเรา ความประหม่ามันจะลดลง แล้วเราก็พร้อมที่จะปะทะหรือสู้ออกไป อันนี้ก็จะบอกน้อง ว่าถ้าไปยืนบนเวทีแล้วเห็นไฟ เห็นคน เห็นกล้อง ระดับอินเตอร์เนชั่นแนลจริงๆ เราก็ต้องคิดว่าไม่เห็นเป็นไรเลย นี่เป็นที่ของฉัน วันนี้ ตรงนี้ เป็นที่ของฉัน ซึ่งกระบวนการอันนี้มันช่วยได้นะคะ น้องฮึกเหิม

ที่ห่วงตอนนี้ก็มีแค่เรื่องความประหม่า
“เรื่องพูดน้องก็ไม่ค่อยเกร็งแล้วตอนนี้ ก็คงเป็นเรื่องความประหม่านี่แหละ ที่ว่าคนเรามันพูดได้สารพัด แม้กระทั่งตัวเราเอง แต่เวลาไปอยู่ในสถานการณ์จริงแล้วจะเป็นอย่างไร อันนั้นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะฉะนั้นตรงนี้แหละ ที่น้องเขาพยายามจะเรียนรู้แล้วก็พัฒนา ในการกำจัดจุดอ่อนเรื่องความประหม่า แต่ก็รู้สึกว่าเขาทำดีขึ้นเรื่อยๆ

ประกาศปลด “นิโคลีน ลิมศนุกาญจน์” รองอันดับ 1 Miss Universe Thailand 2022 เพราะไม่สามารถปฎิบัติหน้าที่ได้
เกิดอะไรขึ้นทุกคนก็คงจะทราบอยู่แล้ว ถ้าสมมติว่าใครก็ตาม ไม่สะดวกในการปฎิบัติหน้าที่ จะด้วยอะไรก็ตามมันก็ต้องมีการปรับตำแหน่ง ให้คนที่เขาสะดวกได้อัปเลเวลขึ้นมาตามศักยภาพของเขา เพราะฉะนั้นมันก็เป็นอย่างที่เห็น รอง 2 ปรับเป็นรอง 1 รอง 3 ปรับเป็นรอง 2 ขึ้นมา แล้วก็พร้อมที่จะเดินหน้ากันเป็นแผงเพื่อทำประโยชน์ ทำงานให้กับองค์กรแล้วก็สังคม”

ไม่ได้คุยกับ “นิโคลีน” ด้วยตัวเอง เพราะมีทีมงานคุยอยู่แล้ว
“ปุ้ยไม่ได้คุยค่ะ เพราะเรามีทีมงานที่เป็นผู้คุย ไม่ว่าจะเป็นทีมพี่เลี้ยง หรือว่าทีมดูแลตารางงานเขาก็คุย ส่วนตัวเราเคยมีคุย 1-2 ครั้งแรกๆ ว่าทิศทางจะเป็นอะไรยังไง แต่ว่าตอนนั้นน้องก็มีคิวที่จะต้องไปต่างจังหวัด ก็เลยยังไม่ได้คุยกันต่อเนื่อง ถามว่าเจ้าตัวรู้ก่อนไหมว่าจะโดนปลด อันนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะปุ้ยไม่ได้เป็นคนทำตรงนี้ ก็คงจะเป็นเรื่องของทางฝ่ายกฎหมายและฝ่ายนโยบาย แล้วมันก็เป็นมติของที่ประชุมด้วยค่ะคิดว่าน้องก็ไม่ได้มีฟีดแบ็กอะไรที่ไม่ดีกลับมานะคะ อันนี้ก็ยังไม่ทราบเหมือนกันค่ะ เงียบๆ ไป เธอก็อาจจะยุ่งในภารกิจของเธอด้วย”

ตัดสินใจไม่ยากกับเรื่องนี้ เพราะมันเป็นแฟค คนที่พร้อมปฎิบัติหน้าที่ ก็ต้องได้ปฎิบัติหน้าที่
“ก็ไม่ยากหรอกค่ะ มันก็เป็นบทบาททั่วๆ ไป สมมติว่าเราจะต้องไปทำการแข่งขันอะไร แล้วเรามีลำดับขั้นอยู่ คนที่พร้อมในการปฎิบัติหน้าที่ ก็จะต้องได้ปฎิบัติเท่านั้นเอง มันไม่ได้มีอะไรยุ่งยากเลย อันนี้มันเป็นแฟคมากค่ะ ปุ้ยคิดว่า เรื่องของคนเนี่ย มันกำหนดกฎเกณฑ์ไม่ได้หรอกค่ะ คนก็คือคน แล้วมันก็ไม่ได้มีครั้งนึ้เป็นครั้งแรก ถ้าเราย้อนประวัติศาสตร์ดู มันมียิ่งกว่านี้อีกนะคะ เพราะฉะนั้นก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ถ้ามีคนที่ไม่พร้อม ก็ต้องปรับต่อไป

กฎใหม่ของ “แอน จักรพงษ์” บนเวทีมิสยูนิเวิร์ส น่าจะเป็นสีสันที่ดี และเป็นการเชิดชูความเท่าเทียมแบบรูปธรรม
“ก็รู้สึกว่า…สำหรับผู้หญิงข้ามเพศในประเทศไทยเนี่ย คุณแอนก็เคยบอกไว้ ว่าต้องมีกฎหมายรองรับว่าให้เป็นมิส อันนี้ก็ชัดเจน แต่สำหรับคนที่แต่งงานแล้ว หรือว่ามีบุตร หรือหย่าร้าง ปุ้ยก็เฉยๆ เขาก็คือผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เขาสามารถจะมาแสดงศักยภาพของเขา ในเวทีระดับจักรวาลได้ อันนี้ก็ไม่ค่อยตื่นเต้น แล้วที่สำคัญสมัยนี้ บางคนลูก 4 หุ่นเช้งกระเด๊ะกว่านางงามที่เดินไปเดินมาเสียอีก ก็น่าจะเป็นสีสันที่ดี ก็เป็นการเชิดชูความเท่าเทียมกันที่เป็นรูปธรรมค่ะ

เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลง เพราะการพัฒนา จะนำมาซึ่งสิ่งที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
“ก็เห็นด้วยค่ะ คือปุ้ยคิดว่า เวลามันมีการทรานส์ฟอร์ม หรือมีการเปลี่ยนแปลงในแพลตฟอร์มต่างๆ เนี่ย แน่นอนว่ามนุษย์มักจะกลัวการเปลี่ยนแปลง มันก็จะเกิดความวิตกกังวลไป แต่เราเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลง มักจะนำมาซึ่งการพัฒนา และการพัฒนา ก็จะนำมาซึ่งสิ่งที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นก็ไม่เป็นไร คนที่เขาไม่เห็นด้วย แต่ว่าถ้าการเปลี่ยนแปลงนี่มันสนุกสนานและมันดีขึ้น ไอ้เรื่องที่กังวลและไม่เห็นด้วยก็จะเปลี่ยนไป กลายเป็นเห็นด้วย คิดว่าอย่างนั้นค่ะ

จะอลเวงไหมก็ยังไม่ทราบ แต่จะทำตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้
เรื่องความอลเวงนี่ยังไม่ทราบ เพราะยังไม่ได้จัดเนาะ แต่คิดว่าทุกอย่างมันก็จะดำเนินได้ ด้วยเราจะต้องกำกับหัวใจและบริบทของเวทีให้มันดี ถ้าเรามีธงที่ตั้งไว้ ว่าจุดประสงค์ของเวทีมิสยูนิเวิร์สคืออะไร แล้วเราก็ไปตามนั้น เพราะฉะนั้นตรงนี้มันก็จะทำให้ความสับสนอลหม่านมันคลายลงค่ะ

คงไม่มีแม่ลูกอ่อนทิ้งลูกมาประกวด เพราะถ้าเป็นแบบนั้นแปลว่าบกพร่องต่อหน้าที่ จัดสรรเวลาครอบครัวไม่ได้
“แน่นอนว่าคนที่จะมาประกวดเนี่ย สมมติว่าคุณเป็นคนที่มีลูก คุณจะต้องไม่บกพร่องต่อหน้าที่ประจำนั้นๆ เพราะการมาประกวดเป็นมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ หรือมิสยูนิเวิร์สใหญ่เลยเนี่ย คุณต้องแสดงให้เห็นว่าคุณมี Empower จริงๆ คุณสามารถจัดการทุกอย่างได้อย่างดีเยี่ยม และไม่มีอะไรด้อยไปกว่ากันเลย เพราะมันเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าคนที่เขามีลูกแล้วมาประกวด มันต้องเก็บตัวเป็นเดือนๆ ต้องทำกิจกรรมอย่างหนัก แล้วไปทำให้เด็กคนหนึ่งขาดความรัก ความอบอุ่นจากแม่ ที่จะต้องดูแล ปุ้ยคิดว่าคงไม่มีใครเสียสละทิ้งลูกมาประกวดหรอก คนที่มาประกวดต้องเป็นคนที่พร้อมจริงๆ ค่ะ

ก็คงจะต้องมีช่องกรรมการไว้เหมือนกันเรื่องความพร้อม ถ้าคุณจัดสรรเวลาครอบครัวไม่ได้ คุณบกพร่องในหน้าที่ สำหรับเราหน้าที่ของความเป็นแม่ คือมงกุฎที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพราะฉะนั้นคนที่เป็นคุณแม่เนี่ย มั่นใจว่าคงไม่ใช่ประเภทลูกอ่อนมาหรอกค่ะ อาจจะเป็นคุณแม่ที่สาวสวยปิ๊ง แล้วลูกโตแล้ว ดูแลตัวเองได้แล้ว ปีหน้าก็เริ่มเลยค่ะ เริ่มตามไปพร้อมกับเวทีแม่ค่ะ”

ไม่กดดันเวทีแม่เป็นของคนไทย เพราะแอน จักรพงษ์เป็นคนยุติธรรมมาก จะเป็นเสือก็ต้องออกไปขย้ำเอาเอง
“ก็ไม่เลยค่ะ เพราะเราบอกแอนนา อย่างที่คุณแอนพูด ถ้าจะเป็นเสือ ก็ต้องไปขย้ำเอาเอง ปุ้ยบอกแอนนาไปว่าทำทุกอย่างให้เต็มที่ ทำจนคนทั้งโลกบอกว่าไทยแลนด์ไม่เข้าไม่ได้หรอก ของพวกนี้มันค้านสายตาไม่ได้ สมมติเราศักยภาพไม่ถึง กรรมการไม่ใช่คุณแอนนะคะ คุณแอนเป็นคนยุติธรรมมาก เราจะไปบอกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิว่าล็อกคนนี้ๆ สปอนเซอร์ค่ะเอาคนนี้ ไม่มีทางค่ะ แล้วมันจะหายนะเรามีหน้าที่อย่างเดียวคือทำให้ดีที่สุด สู้ให้สุดชีวิต ให้ทุกคนมองว่ายูต้องเข้า มันค้านสายตาไม่ได้ นั่นคือสิ่งที่เรากำลังใส่ในมายด์เซ็ตของน้องแอนนา

เราอย่าคิดแง่ลบ ถ้าเราคิดแง่ลบ ประเทศไทยจะไม่มีวันพัฒนาหรอก เพราะพอเข้ารอบก็จะมองว่าแหม ก็เจ้าของเป็นคนไทย คุณแอนเขาก็ไม่เอาธุรกิจอันยิ่งใหญ่ของเขา มาเสี่ยงกับการทำอะไรโง่ๆ บ้าๆ แบบนี้แน่นอน ทุกอย่างมันต้องโปร่งใส เราอย่าไปคิดว่าถ้าเข้ารอบไปเดี๋ยวคนครหา ต้องคิดว่าเราเข้าไปแล้วมีแต่คนบอกว่ายอม”

ยังเหลือลิขสิทธิ์อีก 2 ปี พร้อมลุยเต็มที่ ทำให้ดีที่สุด
เหลืออีก 2 ปีค่ะ ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะคุณแอนบอกปุ้ยลุยนะลุย แกน่ารักค่ะ ก็ไม่ได้คุยกันเยอะ เพราะเธอยุ่งมาก เธอบอกว่าให้ลุยไป ทำให้ดีที่สุด สิ่งหนึ่งคือเราก็อยากจะยกระดับคำว่ามิสยูนิเวิร์ส โดยเฉพาะความเป็นไทยแลนด์ของเราต้องยืนหนึ่งค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวิสัยทัศน์ในการจัด โปรดักชั่นของเรา อีเวนต์ของเรา เราต้องทำให้ทั่วโลกเขาเห็นว่าเรามีดีอะไร แล้วก็โชว์ซอฟต์พาวเวอร์ของไทยแลนด์ให้เต็มที่ค่ะ”

เชื่อในศักยภาพที่มี หมด 2 ปีก็ได้ทำต่อ ไม่มีอะไรยากไปกว่าตอนเจอโควิดแล้ว
“ไม่หลุดหรอกค่ะ ก็ลองดูไปนะคะ ก็คงทำไปเรื่อยๆ ค่ะ ถ้าเกิดว่าเขาเห็นความสามารถของเรา เห็นศักยภาพของเรา เราก็ทำไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2019 ที่เราเริ่มทำมา เราไม่เคยดร็อปลงเลยสักปี แม้กระทั่งปีที่ยอมเลย 2020-2021 เลือดตาแทบกระเด็น เพราะมันเป็นยุคที่โควิดถาโถมหนักมาก แล้วเราไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ จากภาครัฐ

เราสู้ เราลุย จนจัดให้ได้ เพราะอยากให้ทุกคนในโลกเห็น ว่าไทยแลนด์ทำได้ แล้วเราก็ทำจริงๆ ก็บากบั่นกันมา ถึงวันนี้มันก็คงไม่มีอะไรยากไปกว่าตอนนั้นแล้วค่ะ สุดๆ มีอย่างเดียวคือจะพัฒนาโชว์ของเราให้สนุกยังไง เนื้อหาสาระที่จะเติมเต็มเข้ามาเนี่ย มันจะเป็นยังไง โดยเฉพาะถ้าเกิดมีสาวที่แต่งงานแล้ว หรือมีคุณแม่ หรือมีสาวที่หย่าร้างมา มันก็เป็น Empower อีกมุมหนึ่งนะ”







กำลังโหลดความคิดเห็น