“พิม พิมประภา” เผยเต็มที่ถ้าเล่นให้ค่ายเจ๊ฉอด ทั้งเลิฟซีน ทั้งบทบาทต่างๆ ที่ได้รับ เพราะเชื่อใจว่าเป็นบทที่ดีสำหรับตน แต่แอบเขินตอนเข้าฉากเลิฟซีนกับ “พุฒ พุฒิชัย” ตนดันท้องร้องออกมาจนโดนสั่งคัต เหตุไม่ได้ทานข้าวก่อนเข้าฉาก บอกไม่หวั่นถ้าคนจะติดภาพเมียน้อยหรือฉากเลิฟซีน เพราะเป็นความท้าทายในการแสดง
ตั้งแต่มาเล่นละครให้กับค่ายเช้นจ์ 2561 ก็ได้เห็นการแสดงของนักแสดงสาว “พิม พิมประภา ตั้งประภาพร” เปลี่ยนบทบาทคาแรกเตอร์แทบจะไม่ซ้ำ แต่ที่แน่ๆ คือความแซ่บและฉากเลิฟซีนที่เด่นชัดแทบจะทุกเรื่อง ซึ่งเจ้าตัวก็เผยว่ามั่นใจในทุกบทบาทที่ได้รับ เพราะเชื่อว่าผู้ใหญ่คงเลือกให้ดีแล้วว่าเหมาะกับตน
“คือทุกเรื่องที่ทางเช้นจ์ยื่นให้เรา พิมค่อนข้างมั่นใจว่าเขาคัดมาให้เรา เหมาะกับเราและเป็นบทที่ดี เพราะฉะนั้นครึ่งหนึ่งเราก็มั่นใจในเช้นจ์อยู่แล้วว่าเป็นเรื่องที่ดี นอกจากนั้นก็ดูที่คิวแล้วว่าจะลงได้หรือเปล่า แล้วก็เล่นไหวไหม ซึ่งพออ่านแล้วพิมรู้สึกว่ามันเป็นบทที่น่าสนใจ ถึงจะเป็นตัวละครที่เหมือนจะเข้าไปแย่งกัน แต่มันก็เป็นอีกรูปแบบ ซึ่งมันไม่เหมือนกับ 2 เรื่องที่ถ่ายไป กับตัวละครนี้เขามีพื้นฐานที่เป็นคนที่จิดใจดีมากๆ ด้วยความที่เป็นทนาย ความถูกต้องเป็นหลักมากๆ ปูเรื่องมาจะสงสัยว่าทำไมเป็นเมียน้อย
เราเป็นทนายที่ทำคดีหย่าให้คนโน้นคนนี้ ซึ่งเราก็มองเห็นว่าปัญหาครอบครัว สามีหย่าร้างมันเป็นอย่างไร แต่เราก็ดันหลงไปอยู่จุดนั้นกับเขา เพราะฉะนั้นตัวละครตัวนี้ เป็นตัวแทนของผู้หญิงธรรมดาคนนึงที่ตั้งใจมากๆ ที่จะใช้ชีวิตให้ดีที่สุด แต่ว่าชีวิตมันก็นำพาให้เราไปยืนอยู่จุดนั้นได้อย่างไร สุดท้ายแล้วจะกลับใจได้อย่างไร พิมรู้สึกว่ามันเป็นตัวละครที่ให้อะไรกับคนดูมากๆ”
อายมาก เข้าฉากเลิฟซีนกับ “พุฒ พุฒิชัย เกษตรสิน” แต่ดันท้องร้องจนโดนสั่งคัต
“เรื่องนี้ถ้าเทียบกับเรื่อง โฉมโฉด ก็น้อยลงเยอะเลย ไม่ได้มีเยอะมาก ตัวละครที่แซ่บๆ น่าจะไปทางคนอื่น ของพิมจะไปในทางที่สู้ในเรื่องของความถูกต้อง ถามว่ามีเลิฟซีนไหม ก็มีค่ะ คิดว่าเอาไม่อยู่ (หัวเราะ) เพราะว่าตอนถ่ายอายมาก มีเข้าเลิฟซีนกับพี่พุฒฉากแรก มันเป็นซีนที่ต้องลงเตียง เป็นฉากโรแมนติกมาก ในกองก็เงียบ แล้วก็มีเสียงท้องพิมดังครืดออกมา คัตเลย อายมาก คิดว่าเอาอยู่แต่จริงๆ แล้วเอาไม่อยู่ค่ะ (หัวเราะ) มันตื่นเต้นค่ะ มันมวลท้อง เราก็คิดว่าเราไม่ตื่นเต้นนะ แต่ร่างกายเราคงบอกว่าฉันตื่นเต้น
ไม่ได้กินข้าวด้วย เพราะเป็นการเข้าเลิฟซีนนี่แหละ เรามีความตื่นเต้นทุกครั้งในการเข้าเลิฟซีนกับพระเอก ไม่เคยชินสักครั้ง แล้วครั้งนี้เสียงท้องดังมาก แล้วพี่พุฒสปิริตแรงมากเลยนะ พี่พุฒเล่นต่อ แต่พิมเล่นต่อไม่ไหว หลุดขำแล้ว (หัวเราะ) ที่ผ่านมาเล่นเลิฟซีนกับคนอื่นก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เราก็เอาอยู่มาตลอด แต่ครั้งนี้เจอพี่พุฒเราเอาไม่อยู่ คือตัวละครเราในเรื่องนี้ก็แอบแซ่บเหมือนกัน”
บอกถ้าคนจะติดภาพเมียน้อยหรือฉากเลิฟซีนก็ไม่เป็นไร
“เหมือนกับว่าเราได้อัปเลเวลการแสดงของเราด้วย มันไม่ใช่เลิฟซีนอย่างเดียว มันเป็นความหลากหลายในทางการแสดงที่เราได้ลองได้พัฒนาตัวเองมากขึ้น เป็นในเส้นทางการแสดงที่เราไม่เคยลองมาก่อน ซึ่งถ้าคนจำภาพเมียน้อยก็ได้ค่ะ ถ้าคนจำเรา เรารู้สึกว่ามันเข้าไปอยู่ในใจเขา เขาอินในตัวละครของเราแล้ว ไม่ว่าเรื่องไหนเขาจะจำเราในแบบไหน เราก็ดีใจหมด ถามว่าพี่ๆ ในสังกัดเดียวกันก็มาแนวนี้กันหมด จริงๆ ถ้าเอาพิมไปเทียบกับพี่ๆ เขา พิมสู้เขาไม่ได้เลย เราก็แต่งตามแฟชั่นหวานบ้าง เปรี้ยวบ้างตามฟีล
ฉากเลิฟซีนก็พลิ้วอยู่ใช่ไหม ท้องร้องพลิ้วไหมล่ะ (หัวเราะ) ไม่พลิ้วนะ ก็ต้องขอบคุณพี่ฉอด สายทิพย์ กับพี่เอส วรฤทธิ์ มากๆ ที่ให้โอกาสเรา เพราะฉะนั้นเราก็เล่นสุดตัวอยู่แล้ว ไม่ว่าเขาจะให้เราเล่นแบบไหน อยากให้เราปรับแก้อะไร เราพร้อม ถ้าฉากเลิฟซีนแต่ละเรื่องของเราจะเป็นภาพจำ ก็ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องนี้เขามีภาพจำ แต่พอเรื่องใหม่เราไปเล่นเป็นนางเอก หรือว่าบทอื่นๆ หวังว่าเขาจะจำบทใหม่ของเราเหมือนกัน เราก็อยากให้ทุกคนจำภาพว่าเราเป็นนักแสดงที่ทุกบทเราสามารถที่จะเล่นได้”
ไม่หวั่นคนจะติดภาพ จนกลับไปเป็นนางเอกลำบาก
“มีวางไว้แล้วค่ะ ถามว่ากลัวคนจะไม่เชื่อไหม มันก็เป็นความท้าทายของเรา ที่เราจะต้องทำการบ้านให้คนเชื่อให้ได้ค่ะ เราก็เต็มที่ทุกเรื่องอยู่แล้ว สมมุติว่าคนติดภาพเรา มันก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องนำเสนอให้คนเห็นว่านี่ไม่ใช่พิม หรือตัวละครอื่นๆ ที่เคยเล่นมา แต่เป็นตัวละครนี้ในเรื่องนี้
ลิมิตความแซ่บ ก็คงประมาณนี้ ไม่ได้ไปไกลกว่านี้ดีกว่า ทีนี้ก็เหลือแค่บทของละครแล้วล่ะ ที่เราจะพิจารณาในการรับ แต่เลิฟซีนของเช้นจ์เล่นจริงอยู่แล้วค่ะ เราก็เล่นจริง เพราะเราเล่นให้เช้นจ์ (ยิ้ม)”