รายการ WOODY FM ชวน สองพี่น้องอารมณ์ดี “โค้ดดี้ อรรถพล โพธิ์หาญรัตนกุล” แห่งเสือร้องไห้ และ “คัตโตะ อารมณ์ โพธิ์หาญรัตนกุล” หรือ “คัดโตะ ลิปตา” ศิลปินและยูทูบเบอร์ชื่อดัง มาร่วมพูดคุยกันในรายการครั้งแรกกับ “วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา” ถึงความสัมพันธ์ในฐานะพี่น้องที่มาทำงานเปิดบริษัทร่วมกัน ที่การทำงานเบื้องหน้าดูสนุกสนานแต่เบื้องหลังนั้นจริงจังและซีเรียสมาก พร้อมเล่าถึงการเปลี่ยนแปลงของยุคที่คัตโตะ มองว่ามาถึงโค้งสุดท้ายของการเป็นศิลปินแล้ว
เรารู้จักกันมากี่ปีแล้ว ?
โค้ดดี้ : “ผมกับพี่วู้ดดี้ก็ประมาณ 11-12 ปี อันนี้ผมว่าหลายๆ คนไม่รู้ว่าผมเป็นลูกน้องของพี่ ตอนนั้นรายการเช้าดูวู้ดดี้ ผมรุ่นบุกเบิกเลย”
บางคนสงสัยว่า “คัตโตะ-โค้ดดี้” เป็นอะไรกัน?
โค้ดดี้ : “ที่น่าสงสัยก็คือคนชอบคิดว่าผมเป็นพี่คัตโตะ เพราะเรามีพี่ชายอยู่ในวงการที่เป็นนักร้อง แล้วมันก็แบบแต่งตัววัยรุ่น ร้องเพลงโยกๆ เราทำงานเบื้องหลังโทรมๆ เราก็ดูเหมือนเป็นพี่เขาตลอดเวลา”
คัตโตะ : “อายุห่างกันปีเดียวครับ ปีนี้ผมอายุ 41 โค้ดน่าจะอยู่ที่ 40”
ความสัมพันธ์ของคู่นี้เป็นยังไง?
โค้ดดี้ : “เหมือนเพื่อนกัน เด็กๆ ก็จะเรียกมึงกูแกล้งกัน ตีกัน พ่อแม่เขาตั้งใจเลี้ยงมาแบบนี้ ผมว่านี่เป็นพรนะ เพราะว่าเมื่อคุณรักพี่น้องคุณเหมือนเพื่อนมันจะคุยกันได้ทุกเรื่อง เราก็เลยจะสนุก เป็นเบสต์เฟรนด์”
คัตโตะ : “คือเขาจะเป็นคนหนึ่งที่ผมเอาไปใช้ในตัวเลือกสำคัญ ทำไงดี งานตรงนี้มีปัญหา พอเป็นงานเราเองต่อให้เราดูแลชีวิตเรายังไง เราก็ไม่ได้ถอยออกมาจากชีวิตตัวเองมากพอ มันต้องมีคนที่อยู่ไกลออกมาหน่อยคอยช่วยดู อาจจะทำให้เห็นตัวเองไม่ชัดเจน เขาก็ช่วยดูให้”
พอคนในครอบครัว พี่น้องมาทำงานด้วยกัน การทำงานด้วยกันอยู่ในองค์กรเป็นยังไงบ้าง ?
โค้ดดี้ : “ตั้งแต่เด็กๆ เราเป็นพี่น้องที่เป็นเพื่อนกัน ทีนี่เวลาทำงานก็จะเหมือนเพื่อนคุยกัน เหมือนเพื่อนทำธุรกิจด้วยกัน แชร์กันได้หมดทุกอย่าง แต่ในการทำงานจริงๆ ผมกับเขาจะค่อนข้างมืออาชีพมาก คือเวลาคนทำงานกับเพื่อนหรือพี่น้องข้อเสียคือจะคุยแบบไม่มืออาชีพ แต่ผมจะวางเป็นวาระประชุม ต้องประชุมเรื่อง 1 2 3 4 ผมเรียงไว้อย่างนี้ ยิ่งคนที่ผมรัก ใกล้ตัว เพื่อนสนิท
ครอบครัว ทำงานยิ่งต้องมืออาชีพ เคล็ดลับง่ายมากอีโก้ต้องศูนย์ คนเราพอใกล้กันมันจะรู้ข้อดีข้อเสียเป็นยังไงก็จะตั้งแง่แล้วว่าก็คุณเป็นแบบนี้ แต่ผมจะไม่ทำแบบนั้นเริ่มใหม่หมดเลยเป็นศูนย์”
คัตโตะ : “มีคนมาถามผมว่าเสือร้องไห้มันมีสคริปต์ไหม หรือว่ารายการของ Good Day มีสคริปต์ไหม ไม่มี เราแค่มีโครงสร้างว่าเราจะทำอะไร ที่เราคุยกัน มันคือเพื่อนคุยกันจริงๆ เด็กในกองช่างกล้องหรือครีเอทีฟอะไรทุกคนก็คือมาอยู่ในบ้าน เราก็อยากคุยกับคนในบ้านเพราะรู้สึกว่ามันลื่นไหลสบาย”
ตอนนี้คนกำลังให้ความสำคัญกับคนที่อคติแบบที่ไม่รู้ตัวจากเพศ จากรูปลักษณะ หรือแม้กระทั่งจากตำแหน่งต่างๆ มันเกิดขึ้นเยอะมาก ก็กลายเป็นว่าคุยกันลำบาก?
คัตโตะ : “เรื่องอคติมันมีอยู่จริงมากๆ ซึ่งอย่างออฟฟิศเรา อย่างผมกับโค้ดหรือว่าเพื่อนๆ ประชุมงานกันแล้วมีเด็กๆ ประชุมกันเราก็จะซื้อทุกไอเดีย ให้เด็กๆ ได้ออกมาคุยกัน คือไม่ใช่ว่าเด็กแล้วเขาจะคิดไม่ได้ หรือว่าเขาเป็นคนที่คิดงานได้ 40% ขององค์กรไม่ใช่งานต่อไปเขาจะสามารถคิดได้ถูก หรือเด็กใหม่คนนึง 100 ประชุมอาจจะถูกแค่ครั้งเดียวก็ได้ ที่เอาไปใช้งานเหมาะกับองค์กรจริงๆ แต่ผมว่า 1% นั้นอาจจะเป็นการวางรากฐานใหม่ของงานต่อไปใน 5 ปีของเราเลยก็ได้ คือผมมองว่าคนอคติน้อยอาจจะมองได้กว้างกว่า แต่ไม่ได้บอกว่าผิดนะ บางคนจะมองแค่นี้แต่เขาแหลมคมก็เป็นเรื่องของเขา อยู่ที่ว่าเขาทำอะไร”
เป็นคนซีเรียสกับงานไหม ?
คัตโตะ : “ผมว่าออฟฟิศเราจริงจังมากๆ กับงาน ยิ่งโค้ดไม่ได้อยากจริงจังแต่ต้องจริงจัง หมายความว่าเมื่อไหร่ที่เรามีองค์กรของเราแล้ว ทุกๆ องค์กรมีคนที่เราต้องดูแล บางทีความฝันเรามันจบแล้ว ตอนนี้มันโอเคทุกอย่างแล้ว แต่คนในองค์กรความฝันเขาเพิ่งเริ่ม ดังนั้นอาจจะต้องขยับขยายความฝันเราให้โตขึ้น เพื่อที่จะรองรับความฝันอีกหลายๆ ความฝัน ให้อยู่ภายใต้ร่มเดียวกันให้ได้ ผมว่าตรงนี้เป็นความท้าทายที่ทำให้เราต้องจริงจัง ถึงแม้ผมกับโค้ดไม่ชอบจริงจัง เราชอบทำงานกันแบบสนุกๆ เพราะเป็นคนชอบทำอะไรที่ครีเอทีฟแต่ตอนนี้มันบังคับให้เราต้องจริงจัง”
“คัตโตะ” บอกว่านี่คือโค้งสุดท้ายของการเป็นศิลปิน?
คัตโตะ : “ใช่ครับ ช่วงนี้ผมรู้สึกว่าเวลาเราไปงานประกาศรางวัล ไปทัวร์คอนเสิร์ต ศิลปินยุคเดียวกับเรามันไม่มีแล้ว รู้สึกว่าตั้งแต่เรา 40 ขึ้นมา มีช่วงที่รู้สึกเหนื่อยขึ้น ผมเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทอยู่ ทำให้ทุกวันนี้ผมไม่ได้รับงานที่ไกลมากๆ นั่งรถตู้ต่อเครื่องบิน เราไม่ได้ทำงานแบบนั้นแล้ว ยิ่งโควิดผมว่าเป็นช่วงที่เปลี่ยนแปลงมากเลยเพราะว่า 3 ปีที่ผ่านไปมันล้างศิลปินที่เป็นเจนเนอเรชั่นเราไปหมดเลย
แล้ววันนี้ผมไปร้องเพลง เพลงมันเก่าขึ้นไปอีก 3 ปี ก็รู้สึกว่านี่อาจจะเป็นโค้งสุดท้ายของเราแล้วที่อยู่มาตั้ง 18-19 ปี รู้สึกว่าน่าจะเป็นยุคของเด็กๆ ผมชอบพูดเรื่องความตาย เรื่องการสิ้นสุดของวัฏจักรเรา เป็นสิ่งที่เรายอมรับมัน การยอมรับเป็นสิ่งที่ดี เมื่อไหร่ที่เรายอมรับช่วงเวลาของเราแล้วก็จะเข้าใจ ถึงเวลาที่เราตายก็โอเคเรารอเวลานี้มันถึงเวลาของฉันแล้ว ผมชอบคุยเรื่องแบบนี้”
ชีวิตตั้งแต่เกิดมาจนถึงวันนี้มีเรื่องไหนที่หนักสุดในชีวิต ?
โค้ดดี้ : “ผมตอบไม่ได้นะ เพราะผมคิดว่าชีวิตในแต่ละวัยมันหนักในวัยของมัน โดนครูตีตอนเด็กมันก็หนักในตอนนั้นนะ”
สมมุติว่าคุณกำลังจะจากโลกนี้ภาพที่เกิดขึ้นในอดีตมันก็จะกลับมา จะนึกถึงอะไรบ้าง ?
โค้ดดี้ : “แม่พ่อ ครอบครัว เพื่อน แฟน ความฝัน ประสบการณ์ดีและร้าย”
คัตโตะ : “น่าจะเป็นช่วงหนึ่งที่มีปัญหาเรื่องเงิน ผมเติบโตมาพร้อมกับหนี้ที่บ้าน ซึ่งทำให้ผมต้องมีวินัยในการทำงานและการเก็บเงินมาก ๆ เราก็จะพยายามเก็บเงิน คอยซัปพอร์ตครอบครัวในช่วงนั้น แล้วช่วงนั้นโค้ดก็เริ่มทำงาน มันก็เป็นภาระสำหรับเรา มันหนักอึ้งมาก แต่พอมาคุยกันในตอนนี้มันก็เป็นเรื่องที่เล็กลงมาแล้ว
ผมมองว่านี่คือปัญหาที่ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น เป็นเรื่องที่ทำให้ผมฝันร้ายอยู่ช่วงหนึ่ง คิดในใจว่าโตไปจะทำให้ชีวิตของตัวเองไม่มีหนี้สักบาทเป็นความฝันของผมมาตลอดชีวิต อยากเป็นคนที่อายุมากๆ แล้วพยายามจะดูแลตัวเองให้ได้ดีไม่ลำบากใคร ผมเป็นคนที่มีวินัยในการเก็บเงินสูงพอสมควร ทุกวันนี้ยังมีปัญหาอยู่บ้างแต่มีโค้ดมาช่วย มันก็เบาลง ทุกอย่างก็ออกมาดี”
“คัตโตะ” เป็นคนที่เซนซิทีฟ ?
โค้ดดี้ : “ผมจะเป็นคนเซนซิทีฟเรื่องความสุข แต่คัตโตะเขาเป็นศิลปิน จะเป็นคนที่เปรียบเทียบเหมือนกับฟองน้ำที่ดูดอะไรเข้าไปแล้วอยู่กับมวลนี้เขาจะเป็นคนสไตล์นี้”
ถ้าพูดถึงเรื่องความกลัว นึกถึงอะไรก่อน ?
คัตโตะ : “น่าจะเป็นเวลาเห็นคนในครอบครัวป่วยมั้งครับ ผมจะเซนซิทีฟเรื่องนี้มาก อย่างหนึ่งที่โดนสอนมาตั้งแต่เด็กแล้วก็จำออกมา คือเป็นพี่นะต้องดูแล ทุกวันนี้คือผมทำแพลนคุยกับคนที่ขับรถเอาไว้ว่า ถ้าเกิดวันนี้แม่ป่วยจะต้องเข้าโรงพยาบาลอะไร รถจะมีไหม กลัวคนในบ้านเป็นอะไรไปแล้วเราช่วยเขาไม่ทัน ในวันนึงถ้ามันเกิดเหตุกาณ์นี้จริงๆ เราจะเสียใจ
ทุกวันนี้ความฝันของผมคืออยากมีความปลอดภัยให้ครอบครัว รู้สึกดีใจมากเลยที่ผมปลูกบ้านติดกับแม่ มันเป็นความสุขมาก ผมยังไม่มีครอบครัว แม่ก็เป็นเหมือนเซฟโซนของเรา คอยเติมพลังให้ไม่ว่าจะเครียด จะกลับมาตี 1 ตี 2 เราพร้อมจะเจอกันตลอด มันดีมากกับการเดินแค่ 20 ก้าวไปทักแม่แล้วเดินกลับมาทำงานต่อได้ แล้ววันไหนที่แม่เขาคิดถึงเราก็เดินมาเคาะประตูบ้าน”
ความรักของ “คัตโตะ” เป็นยังไงในตอนนี้?
คัตโตะ : “โล่งๆ เลยครับ ว่างๆ เลย มันเคยมีช่วงที่เราอยากจะให้มันเป็นฝั่งเป็นฝา แต่ว่ามันไม่ได้เป็นอย่างนั้น พอมันเลยแพลนเอาไว้แล้ว ทีนี่ก็เลยออกมายาวเลย เพื่อนของผมตอนนี้มีครอบครัวมีลูกกันหมดแล้ว เราเองไม่ได้รู้สึกอะไรกับสิ่งนี้เลย รู้สึกว่าชีวิตเรายังโอเคอยู่นะดีหมดเลย แต่ว่าตอนนี้ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรา ปัญหาอยู่ที่ทุกคน ทุกคนจะบอกว่าเมื่อไหรจะเป็นฝั่งเป็นฝา ก็ตอบกับตัวเองว่ากูก็อยากมีเหมือนกัน แต่ว่ามันเหมือนยังไม่ได้เจอคนที่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมอยากให้มันเกิดขึ้นมากๆ แต่แค่ว่ามันยังไม่มี”
โค้ดดี้ : “ใครที่ดูอยู่นะครับ เปิดรับสมัครอยู่ตอนนี้”