xs
xsm
sm
md
lg

“ปราปต์ปฎล” น้ำตาซึมสูญเสีย “ต๊ะ” ด้าน “แมทธิว” รับใจหาย ถือเป็นผู้ให้โอกาสเล่นละครเรื่องแรก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ปราปต์ปฎล” น้ำตาซึมเผยสนิทกับ “ต๊ะ นิรัตติศัย” ร่วม 30 ปี บอกเป็นผู้ให้จริงๆ คนค่อนวงการได้รับโอกาสจากต๊ะด้วยกันทั้งนั้น เผยจากนี้จะขอเฝ้ามองทั้ง “เติร์ก-เตอร์” ยินดีช่วยทุกอย่างเท่าที่ทำได้ ด้าน “แมทธิว” ยอมรับใจหาย เพราะถือว่าเป็นคนให้โอกาสในการมาเล่นละครเรื่องแรก บอกเป็นคนใจดี เป็นเหมือนพี่น้องมากกว่าเจ้านาย

เรียกว่าเป็นนักแสดงที่สนิทสนมและทำงานด้วยกันมานานร่วม 30 ปีเลยทีเดียว สำหรับ “ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง” ที่เผยว่า “ต๊ะ นิรัตติศัย กัลย์จาฤก” สำหรับตนเปรียบเสมือนคนในครอบครัว และเป็นคนที่ให้โอกาสหลายๆ คนในวงการที่เห็นกันอยู่ในตอนนี้รวมถึงตนด้วย

“ผมก็ขอให้แกหมดห่วง และขอให้ไปในเส้นทางที่ดี จริงๆ แล้วชีวิตบั้นปลายของแกที่รู้มาตลอดก็คือแกใช้ชีวิตมาเยอะแล้ว และแกก็สงบและมีความสุขในบั้นปลายของแกแล้ว ก็มีบางอย่างที่ผมว่าแกไม่ห่วงแล้ว คือพูดถึงการใช้ชีวิตของอาต๊ะเนี่ย ผมกับเขาค่อนข้างจะมีความผูกพันกันมาเยอะ 20-30 ปี แกเป็นทั้งพี่ ทั้งพ่อ เป็นทั้งเพื่อนที่ใกล้ชิดกัน และเป็นเหมือนคนในครอบครัวนะครับ ผมว่าเขาเป็นคนคุณภาพที่ใช้ชีวิตมาอย่างคุ้มค่าแล้วกับชีวิตที่มีอยู่ทั้งหมด ตั้งแต่การทำงาน การใช้ชีวิตที่เรียกว่าดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์เลยแหละในเรื่องของการใช้ชีวิต

ในเรื่องของการทำงาน และการใช้ชีวิตส่วนตัวที่เป็นประโยชน์ในการสร้างโอกาสให้กับทุกคน ให้กับน้องๆ ให้กับผู้ร่วมอาชีพหลายๆ คน เป็นเหมือนกับประมุขที่ให้โอกาสคน สิ่งที่อาต๊ะมีมากที่สุดที่เราสัมผัสได้ก็คือการให้โอกาสกับคนที่อาจจะมีฝีมือจะมากจะน้อยแค่ไหนไม่รู้ แต่ว่าแต่ละคนก็ขาดซึ่งโอกาส แต่เขาเป็นคนที่มอบโอกาสให้กับคน ในขณะที่หลายๆ คนแสวงหาโอกาสนั้นไม่ได้ แต่เขาจะมอบโอกาสนั้นให้กับทุกคน เหมือนหาเวทีให้ทุกคนได้ทดสอบว่าตัวเองจะไปทางอาชีพนี้ได้มั้ย หลายๆ คนก็เกิดจากแก ผมว่าในวงการนี้ผ่านการกลั่นกรองและให้โอกาสจากแกมาเยอะมาก ก็อยากจะให้อาได้ภาคภูมิใจกับสิ่งที่สร้างไว้ ผมก็เป็นคนนึงที่ท่านได้สร้างไว้ครับ

บอกจะคอยเฝ้ามองและช่วยเหลือทั้ง “เติร์ก” และ “เตอร์” อย่างดีที่สุด
“หลายๆ อย่างที่เราทำงานด้วยกันมา 20-30 ปี ผมได้บทเรียน ได้รับการชี้แนะ และได้รับการปลูกฝังจากแกมาเยอะมาก ส่วนใหญ่แกจะสอนทางอ้อม ใครอยู่ใกล้ตัวแกจะได้ความรู้หมด คำพูดของผมกับอาที่พูดกันมาเสมอก็คือ 20-30 ปีที่ผ่านมา บางครั้งเราไม่คุยกันเยอะนะ เราจะใช้คำว่าเหมือนเดิมครับ ในที่นี้ก็คือเรายังเป็นครอบครัวกันเหมือนเดิม เรายังรัก เคารพ ศรัทธาในกันและกันเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นยังไงทั้งเติร์กและเตอร์ก็ยังเป็นน้องที่ผมรัก และยังเหมือนเดิมกับครอบครัวของอา ก็อยากบอกอาว่าจากนี้ไปผมก็จะคอยเฝ้ามองน้องทั้งสองคน และมีสิ่งใดที่ผมจะทำหน้าที่ได้ในฐานะพี่ชายคนนึง ผมก็อยากจะทำ

อาต๊ะไม่ใช่คนดุเลยครับ ผมว่าแม้แต่กับลูกชายเขาทั้งสองคน เขาก็เป็นเหมือนเพื่อน เขาไม่มีการบังคับลูกว่าจะต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ เขาให้ลูกเขาใช้ชีวิต ได้เรียนรู้ชีวิตด้วยตัวเอง และได้สู้ชีวิตด้วยตัวเอง ไม่เป็นคุณหนู ไม่ให้อะไรลูกที่จะเป็นแบบตามใจ เขาให้แต่ละคนได้เรียนรู้ชีวิต และเลือกเส้นทางเดินของตัวเอง และเขาก็เติบใหญ่เติบโตขึ้นมาด้วยการเลือกของตัวเอง วิธีการของเขาไม่ว่าจะเป็นคนที่ทำงานด้วย คนใกล้ตัวทุกคนจะรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีแต่ให้ และเป็นความอบอุ่น เป็นความรักที่เขาไม่มีความเป็นเจ้านายกับลูกน้อง เขามีความเป็นครอบครัว เหมือนเพื่อน เป็นพี่เป็นน้อง กินแบบไหน นอนแบบไหนก็เหมือนกันครับ”

ส่วนทางด้านคุณพ่อลูกสามอย่าง “แมทธิว ดีน” ก็ยอมรับว่าใจหาย เพราะสนิทกันมากว่า 15 ปี และเป็นคนที่ให้โอกาสตนเล่นละครเรื่องแรก

ก็รู้สึกใจหายมากบอกตรงๆ เมื่อก่อนผมก็สนิทกับพี่ต๊ะมาก เป็นท่านแรกที่ให้โอกาสผมเล่นละคร ผ่านมากว่า 15 ปีที่แล้วครับ พี่ต๊ะเป็นคนที่ใจดีมาก มีคนรักเยอะมากๆ เลย คนที่ได้อยู่รอบข้างเขา ได้ทำงาน ได้อยู่ ได้เที่ยวกับเขาจะมีความรู้สึกที่ดีกับเขามาตลอด ก็ไม่ได้เจอหลายปีนะครับ แต่ก็ยังนึกถึงอยู่เรื่อยๆ เมื่อก่อนก็ได้มาร่วมงานต่างๆ งานวันเกิด งานปาร์ตี้อะไรต่างๆ ก็เสียดายมาก แกเป็นคนเก่งคนนึง

ผมว่าเขาสอนเยอะนะครับ เป็นละครเรื่องแรกเลยในชีวิตผมที่ไปเล่นให้พี่ต๊ะ เขาก็สอนทุกอย่าง ก่อนหน้านั้นก็เป็นแค่นักร้อง และทำนั่นนี่มาก่อนบ้างแล้ว และเป็นช่วงที่ไม่ค่อยมีงาน พี่ต๊ะก็ใจดีให้โอกาสผมได้มาเล่นละครเรื่องแรก เรื่อง นักสู้นอกสังเวียน ต้องบอกว่าทุกคนรักเขามาก ทีมงานหรือคนในกันตนาหรือแม้แต่คนข้างนอก พอได้มาทำงานด้วยกันก็รู้สึกเป็นครอบครัวมากๆ เหมือนไม่ได้เป็นการทำงาน แต่เหมือนเป็นการมาเจอพรรคพวก และพี่ต๊ะก็เป็นผู้กำกับที่เก่งและใจดีด้วย คือส่วนงานก็งาน แต่พอถึงเวลาพักก็ดูแลเต็มที่

ถ้านึกถึงก็คือเขาทำตัวเป็นผู้ใหญ่ที่กันเองมาก ที่เรานับถือแน่นอน ก็กันเองในทุกด้านเลย งานเขาก็เต็มที่ พอหลังจากงานเขาก็เต็มที่เหมือนกัน พาน้องๆ ไปเที่ยวกินข้าว เตะบอล ผมก็เคยไปเชียงใหม่กับแก รู้สึกเหมือนเป็นเพื่อนคนนึงเลย เป็นทั้งพี่ ทั้งเพื่อน ก็ประมาณ 15 ปีแล้วที่ทำงานด้วยกันครั้งแรกและทำมาเรื่อยๆ ครับ ก็รักและคิดถึงเหมือนเดิมนะครับพี่ต๊ะ”









กำลังโหลดความคิดเห็น