“อนันดา” สุดภูมิใจประวัติตระกูล “เอเวอร์ริ่งแฮม” ทั้งในแง่เป็นตัวอย่างความรัก และประชาธิปไตย หลังเพจดังหยิบยกตำนานรักข้ามโขงมาเล่าใหม่ ลั่นไม่ใช่เป็นแค่พ่อแม่ แต่เป็นไอคอน ฝันทำหนังประวัติครอบครัว
จากกระแส “โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์” ว่ายน้ำข้ามโขง ก็เลยมีเพจดังหยิบยกตำนานรักข้ามโขงมาเล่าใหม่ ในปี 2521 นั่นคือ “จอห์น เอเวอริ่งแฮม”นักข่าวหนุ่มออสซี่ และ “นางแก้วสิริ” สาวนักศึกษาแพทย์ชาวลาว ที่มาพบรักกัน แต่ถูกกีดกันด้วยระบบการปกครองและสงครามอินโดจีน จนได้คิดดำน้ำข้ามโขงหนีเข้ามาไทย โดยแบ่งอุปกรณ์ดำน้ำชุดเดียวกันใช้
พอมาถึงไทย ถูกตำรวจตระเวนชายแดนไทยจับกุมตัว และส่งนางแก้วสิริไปค่ายผู้อพยพ ส่วนจอห์นติดคุก เรื่องราวนี้ได้ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ในออสเตรเลีย เข้าฉายเมื่อปี 2523 และทำเอาเซอร์ไพรส์ และชื่นชมกันมากเมื่อได้ทราบว่าตำนานรักหญิง-ชายคู่นี้ คือ เรื่องราวความรักของพ่อ-แม่ พระเอกหนุ่ม “อนันดา เอเวอริ่งแฮม”
ซึ่ง อนันดา ได้มาร่วมงาน เปิดตัวภาพยนตร์แอ็กชั่นฮีโร่ไทย “ขุนพันธ์ 3” ในงาน “Thailand Comic Con 2022” ที่รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน เจ้าตัวเลยได้เปิดใจถึงเรื่องราวของครอบครัวว่า….
"ก็ต้องขอขอบคุณ โตโน่ แต่ก็ต้องบอกอย่างนี้จริงๆ ว่าผมเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ติดตามข่าวสาร อันนี้ก็เพิ่งได้ยินเลยครับ แต่มันก็เป็นเรื่องของครอบครัว ผมเองผมก็รู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว ยังไงก็ฝากด้วยแล้วกันครับกว่าผมจะเกิดมาได้ก็ไม่ง่ายเท่าไหร่ครับก็มีการว่ายข้ามโขงกันมา จริงๆ เรื่องของพ่อแม่ถ้าใครอยากรู้ก็ลองไปสืบหาประวัติหาดูก็ได้ครับ
จริงๆมันก็เป็นสิ่งที่ค่อนข้างยูนีก มากเหมือนกัน คือมันก็แปลกนะ อย่างผมเป็นลูกของพ่อแม่ ผมก็เลยรู้สึกเห็นเขาเป็นแค่พ่อแม่ แต่พอนึกกลับไปกว่าเขาจะมาถึงจุดนี้กันได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เรื่องของความรัก หรือถ้าใครสนใจที่ไม่ใช่อาจจะเป็นแค่ความรักเอง แต่เป็นเรื่องหลายอย่างที่เขาทำ คือมันอยู่ในช่วงสงครามเวียดนาม ใครสนใจเรื่องของสงครามประวัติของสงครามก็ไปไปดูเรื่องประวัติของพ่อแม่ได้เช่นเดียวกันจะได้เห็นประวัติทางสงครามประวัติ คอมมิวนิสต์ในลาว"
เรื่องราวของพ่อ-แม่ เคยถูกฮอลลีวูดสร้างเป็นหนัง เรื่อง Love is Forever
"ผมเคยดู ตอนนั้นเป็นหนังที่พระเอกฝั่งฮอลลีวูดเขาแสดง ชื่อ Michael Landon เรื่อง Love is Forever อาจจะหายากนิดนึง แต่ว่าพอนึกกลับไปนี่มันก็เป็นเรื่องแปลกเหมือนกัน มันอาจจะเป็นดวงเป็นกรรมที่ผมมาอยู่ในวงการนี้ ตอนที่ผมเกิดปี 1982 เป็นปีที่เขาสร้างหนังเรื่องนั้น ตั้งแต่เด็กผมก็อยู่ในกองถ่าย โตมาก็ยังอยู่ในกองถ่ายและจนทุกวันนี้ผมก็ยังอยู่ในกองถ่าย"
ยิ่งไปกว่านั้น คุณทวด “แมทธิว เอเวอร์ริ่งแฮม”เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกประเทศออสเตรเลีย
"คือประวัติครอบครัวผมมีเยอะ อย่างคุณทวดชื่อ แมทธิว เอเวอร์ริ่งแฮม ก็เป็นชื่อกลางของผม ผมชื่อ อนันดา แมทธิว เอเวอร์ริ่งแฮม ซึ่งคุณ แมทธิว เอเวอร์ริ่งแฮม มาอยู่ในกลุ่ม 260 กว่าคนแรกที่มาที่ออสเตรเลีย คือสมัยโน้นมันมีนักโทษ คือคนที่คดีอยู่ที่อังกฤษ และเนื่องจากคุกที่อังกฤษมันเต็ม เขาก็เลยเอาคนเหล่านั้นย้ายไปอยู่ในที่ต่างๆทั่วโลก ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือออสเตรเลีย แล้วแมทธิว เอเวอร์ริ่งแฮม ก็คือหนึ่งใน 260 กว่าคนแรก ที่ไปอยู่ที่ออสเตรเลีย คือใครที่สนใจประวัติของออสเตรเลีย ก็ไปดูประวัติของครอบครัวผมได้เหมือนกัน”
ภูมิใจในสายเลือด ไม่ได้เป็นแค่พ่อแม่ แต่เป็นไอคอนสำหรับตน ทั้งในแง่เป็นตัวอย่างความรัก และประชาธิปไตย
"ผมไม่รู้เลยว่าเขาเอามาพูดถึงอีกครั้งในเร็วๆ นี้ แต่ว่ามันก็เป็นความภาคภูมิใจอยู่แล้ว มันคือเรื่องราวของพ่อแม่ผม ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสิ่งใกล้ตัวผม แต่มันก็เป็นอะไรที่ยูนีกมาก ใช่ครับ มันน่าภูมิใจมาก มันน่าภูมิใจที่ได้นึกถึงพ่อแม่ในภาพตอนที่เขาเป็นวัยรุ่น แล้วมีจุดยืนในเรื่องของความรัก แล้วมันเป็นจุดยืนความรักที่เป็นตัวอย่างของความภาคภูมิใจของสังคมในช่วงนั้น เป็นความภาคภูมิใจของประชาธิปไตยในยุคนั้น แล้วพอนึกกลับไปมันก็เป็นความรู้สึกที่ภูมิใจ พ่อแม่เราก็ไม่ใช่แค่พ่อแม่นะ เขาก็เป็นไอคอนเหมือนกัน"
ฝันอนาคตจะนำประวัติครอบครัวมาสร้างเป็นภาพยนตร์ของตัวเอง
"(ตอนนี้ทั้งสองท่านไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วแต่เราเองยังได้เจอ?) เจอครับ ก็เจอกันปกติ คุณพ่อผมอยู่ที่หัวหิน คุณแม่อยู่ที่เชียงใหม่ เจออยู่เรื่อยๆครับ จริงๆ มันเป็นเรื่องที่ผมเคยฝันไว้ว่า สักวันนึงผมกำกับหนังผมอาจจะเป็นเรื่องนี้ครับ"
ส่วนความรักของตนตอนนี้พร้อมเป็นเจ้าบ่าว 100% แล้ว
"ใกล้แล้ว มันมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ผมยังแชร์ไม่ได้ แต่ใกล้ ใกล้จะเปิดแล้วว่ารายละเอียดของงานจะเป็นยังไง แต่ว่าเป็นปีหน้าแน่นอนครับ ตอนนี้ก็พร้อมเป็นเจ้าบ่าว 100 % ถึงเวลาแล้ว ผมว่ามันเกินเวลามาแล้ว(หัวเราะ)"
