“ชมพู่ อารยา” ดีใจได้กลับไปร่วมงานปารีสแฟชั่นวีกอีกครั้ง มีบางอย่างเปลี่ยนไป แต่บางอย่างก็เหมือนเดิม บอกจำใจยอมห่างลูกเพื่อตามความฝัน เผยมีทำสินค้าตัวเองแฝงขายตามบริษัทร่วมต่างๆ บ้าง บอกเตรียมจะเป็นยูทูบเบอร์บ้างแล้ว เกิดทีเดียว ตายทีเดียว อยากทำอะไรก็ทำ แต่ “ยายหนิง” แม่ของตนตอนนี้นำหน้าไปเรียบร้อย
ได้กลับไปเฉิดฉายบนพรมแดงงานปารีสแฟชั่นวีกอีกครั้งอย่างสมศักดิ์ศรี สำหรับคุณแม่ลูกสาม “ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต” ซึ่งงานนี้ก็ได้รับคำชมเป็นอย่างมากว่ากลับมาทวงบัลลังก์ได้อย่างงดงาม โดยสาวชมพู่มาเผยถึงเรื่องนี้ในงาน Vigor’s night 2 ณ. โรงแรม Capella Bangkok ห้อง Ballroom บอกว่าดีใจที่ได้กลับไปอีกครั้ง
“กลับมายืนที่เดิม (หัวเราะ) ก็คิดถึงแหละ ต้องบอกว่าตรงนี้มันเป็นแพชชั่นของเราจริงๆ ชอบที่จะไปอยู่ตรงนั้นจริงๆ ก็อาจจะประมาณ 7-8 โชว์ ไม่แน่ใจเหมือนกัน ห่างไปนาน บางอย่างก็เหมือนเดิม บางอย่างก็ยังไม่กลับมาเหมือนเดิม แน่นอนเรื่องของเทรนด์ เรื่องของแฟชั่นมันเปลี่ยนไปอยู่แล้ว เพราะมันเป็นเรื่องของแฟชั่น เทรนด์มันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และฝรั่งเขาก็ไม่ใส่มาสก์กันแล้ว ชิลมากแล้ว แต่บางอย่างก็ยังไม่ได้เหมือนเดิม 100% อย่างเอเชียก็อาจจะยังไม่ได้มาครบทุกประเทศ โดยเฉพาะคนจีนก็ยังไม่ได้มาแบบเต็มทีม
ถามว่าแฮปปี้ขนาดไหน ก็อย่างที่บอกว่าเป็นอะไรที่เราชอบ มันเป็นเอนเนอร์จี้แบบที่เราชอบ ที่สำคัญคือออกนอกประเทศครั้งแรกตั้งแต่คลอดลูก ชุดที่เห็นก็คือเป็นเรา เราก็รู้สึกว่า 3 ปีที่เราไม่ได้กลับไป เราเองก็ยังมีการเปลี่ยนแปลง หรือเจออะไรในตัวเรา มันก็ชัดเจนขึ้น ยิ่งแก่ก็รู้ว่าเราชอบอะไร ลุคในแต่ละวันเราก็ต้องวางแพลนไป เราก็ต้องจัดกระเป๋าไปก่อน เราจะไปดุ่ยๆ เอาข้างหน้ามันก็ไม่ได้ ก็อยากทำให้มันรู้สึกเป็นเราที่สุด”
เผยมีแบรนด์ที่ตัวเองทำแฝงขายอยู่ตลอดอยู่แล้ว
“ชมคิดว่าคำว่า chomismaterialgirl มันก็อยู่กับเรามานาน ตั้งแต่มีไอจี จริงๆ ก่อนที่จะมีแพลตฟอร์มอะไรพวกนี้ มันก็เป็นชื่อที่เราใช้ลับๆ มาก่อนอยู่แล้ว เป็นนามแฝงเราอยู่แล้ว มันก็เหมือนเป็นแบรนด์เรานั่นแหละ แต่ถามว่าอยากจะทำให้ออกมาเป็นชื่อเราชัดเจนเลยไหม ชมว่าถ้าเราจะทำธุรกิจมันไม่จำเป็นต้องฟิกซ์ว่าต้องเป็นแบบนี้ๆ ถ้าชมจะใช้ชื่อนี้ทำอะไรสักอย่างและฟิกซ์ว่ามันจะต้องเป็นแบบใดแบบหนึ่ง อาจจะยากไป
แต่ชมก็มีความสนใจหลายอย่าง ก็หยิบจับอะไรไปเรื่อย ก็รอดูแล้วกัน เป็นแม่ค้าแหละ คือเราก็ไม่ใช่ว่าใส่เสื้อผ้ายี่ห้อเดียว แต่ธุรกิจที่เราทำอยู่ Haus of abbi ก็เป็นการร่วมกับแบรนด์นั้นแบรนด์นี้ ก็มีแบรนด์ที่อยู่ภายใต้บริษัทเราก็มี ก็จะมีแอบขายซึมๆ อยู่ ก็ติดตามได้ เพียงแต่เราไม่ได้มาบอกว่านี่คือแบรนด์ชมนะ ก็ขายเนียนๆ ไป”
เผยต้องขอห่างลูก เพื่อความฝันของแม่
“จริงๆ เรื่องทริปพากันเที่ยวก็มีแหละ เด็กๆ ก็โหยหานะ น้องเกลก็คิดว่าน่าจะไปประเทศง่ายๆ ได้ ประเทศที่เฟรนด์ลี่กับเด็กหน่อย ห้องน้ำสะดวก ก็ถูๆ กันไปค่ะ (หัวเราะ) มันก็ขลุกขลักแหละ มันไม่สมูทหรอกค่ะ ลูกตั้ง 3 เนอะ จะเอาที่ไหนมาสมูท แต่มันก็คุ้มที่เราจะถูลู่ถูกังกันไป
ตอนที่ไปปารีสก็คิดถึงแหละ แล้วก็ไปส่งที่สนามบินกันหมดเลย ก็ใจหาย แต่ลูกก็ยังเล็ก คนโตก็ติดมาก แต่มันก็ต้องไป ก็ต้องบอกว่าตรงนี้มันเป็นความฝันของแม่นะลูก เป็นความชอบของแม่ (หัวเราะ) ก็รีบไปรีบกลับค่ะ ไม่ได้เที่ยวอะไรเลย ใช้เวลาทุกนาทีที่โน่นแบบคุ้มค่ามากๆ ให้มันได้งานให้คุ้มกับเวลาที่เราจากลูกมาพี่พากับพี่สายเขาก็เข้าใจว่าแม่ไปทำงาน
แต่เราก็บอกเขาล่วงหน้าเป็นเดือนเลยนะ โดยเฉพาะพี่สาย เพราะเขาติดแม่ ก็บอกว่าเดี๋ยวแม่จะไปนะ ไป 7 วัน เขาก็ถามว่า 7 วันแค่ไหน เพราะว่าเด็กเขาไม่ค่อยเข้าใจเรื่องเวลา ก็บอกว่านานเหมือนกัน พี่สายไปโรงเรียนอาทิตย์นึงแหละ ก็จะวิดีโอคอล คือจะมีเวลาประจำเป็นเวลาที่พี่เลี้ยงไปรับที่โรงเรียน ซึ่งมันจะเป็นเวลาที่เขาไม่ได้นอน แล้วก็เราไม่ได้นอน หรือไม่ก็เวลาเช้า เวลาที่ชมตื่นเช้ามาปั๊มนมก็จะได้คุยกัน
พี่สายก็ช่วยดูแลน้อง แต่คือเขาต้องดูแลตัวเองก่อน (หัวเราะ) แต่เขาก็มีสปิริตความเป็นพี่แหละทั้งสองคน น้องเกลตอนนี้ผมยาว คือผมนางร่วง แต่ว่าคุณยายเขาก็บอกว่าตอนที่ชมเกิดก็แบบนี้เลย ผมเต็มแล้วก็ชี้ประมาณนี้ ก็ค่อยๆ ร่วง เราก็ลุ้นอยู่ว่าจะร่วงหมดไหม จริงๆ ไม่ต้องโกนมันก็ขึ้นนะ แต่อันนี้มันก็ความเชื่อแต่ละบ้าน แต่ว่าพี่สายพี่พาก็ไม่ได้โกน ไม่ตกใจหรอกค่ะ เพราะว่ารู้ว่าเดี๋ยวมันก็ขึ้น เพราะว่าเราก็จะเห็นว่ามีผมใหม่ขึ้น เราจะเห็นมันมีเลเยอร์ค่อยๆ หนาขึ้นไปเรื่อยๆ หน้าตาก็เปลี่ยน คือจริงๆ เด็กๆ หน้าเขาเปลี่ยนทุกวันตลอดเวลา”
เผยงาน “แพทริเซีย กู๊ด” กับ “โน้ต วิเศษ รังษีสิงห์พิพัฒน์” แค่งานสละโสด
"อันนั้นคือบรรยากาศ ยังไม่ใช่งานแต่งนะคะ อันนั้นจะเป็นการสละโสด คนเยอะแยะวัยรุ่นเต็มเลย แล้วชมก็..(หัวเราะ) ก็ยังไม่ได้อวยพรอะไรขนาดนั้นเป็นเรื่องเป็นราว เพราะวันนั้นคนเยอะ ก็ยังไม่ได้มีโอกาส คู่เราก็หวานใช่ไหม ก็เขามีบูธให้ถ่าย ก็เอาซะหน่อย (หัวเราะ) แต่ปกติก็ไม่ค่อยหรอก ส่วนมากจะยุ่งๆ แต่วันนั้นก็แต่งตัวก็มากันทั้งผัวทั้งเมียแล้วก็นิดนึง
ถ้าเป็นวันพิเศษนางไม่ลืม เพราะนางเป็นคนที่จดไว้ในปฏิทินไง ก็จะตั้งเตือน นางไม่ลืมอะไรพวกนี้เพราะมันจะเตือน แต่เราอาจจะมีลืมเพราะว่าเราเป็นแบบแมนนวลไง (หัวเราะ) แต่ก็เห็นคอมเมนต์แซวเยอะมาก เพราะว่าส่วนใหญ่เราไม่ค่อยได้ลงอะไรในชีวิตประจำวัน ทั้งคู่ก็จะทำงานกันไป นานๆ ทีฟีดแบ็กมันก็จะเยอะนิดนึง"
บอกขยับเป็นยูทูบเบอร์ แต่ “ยายหนิง” คุณแม่ของตนนำหน้าไปแล้ว
"ใช่ล่าสุดก็เป็นยูทูบเบอร์แล้ว จริงๆ อยากทำมานาน พอมันมีแพลตฟอร์มไหนขึ้นมาเราก็อยากทำไปหมด เพราะว่าตอนนี้มันก็ถือว่าเป็นอีกยุคหนึ่งไปแล้ว คือมันก็ไม่ได้มีเวลาคิด ไม่ได้มีเวลาได้ทำ จริงๆ ถามว่าตอนนี้เราพร้อมที่สุดไหม มันก็ไม่ได้พร้อม แต่ถ้ามัวแต่คิดเยอะ มันก็จะไม่ได้ทำสักที เราก็เสียดายคอนเทนต์ เพราะว่าเรามาอยู่ตรงนี้แล้วทำไมถึงไม่เอามาแชร์บ้าง
คอนเทนต์ก็เป็นตัวเรา อยากทำอะไรก็ทำ อย่างเมื่อก่อนก็จะคิดอะไรเยอะ ทบทวนเยอะ ไม่ทำสักที กลัวตรงนั้นตรงนี้ไม่ดี แต่เกิดทีเดียวตายทีเดียว ก็อยากทำอะไรก็ทำก็ทำเถอะ ส่วนคอนเซ็ปต์จะบอกว่าเรื่องเก็บมะละกอยายหนิงกำลังจะเป็นยูทูบเบอร์นะ ถ่ายสต็อกไว้เยอะแล้วเหมือนกัน คือโปรดักชั่นเขาดีกว่าโปรดักชั่นเราอีกด้วยนะ เขามีทีม แต่ของชมก็คือไม่รู้ขอดูทิศทางก่อน ตอนนี้ก็ยังตอบไม่ได้ ตอนนี้ปล่อยใจฝันไหลๆ ไป
ยายหนิงคล่องมาก นี่งงมาก คือยายเป็นยูทูบเบอร์เลย เขาเป็นคอนเซ็ปต์แบบฟาร์มทูเทเบิล ทำสวน เลี้ยงไก่เองอะไรเอง คือขั้นนั้นแล้ว ของคุณยายน่าติดตามกว่าของชมเยอะ ลูกค้าเข้าแล้วด้วยนะ แต่ของชมยังไม่มีเลย (หัวเราะ)"