“คานเย เวสต์” หรือที่เปลี่ยนชื่อเป็น “เย” แร๊ปเปอร์ดังและนักธุรกิจไฟแรงต้องมาตกอับเพราะพฤติกรรมสุดฉาว หลังเจ้าตัวสร้างความแตกแยกประเด็นเหยียดเชื้อชาติและสีผิว จนเป็นเหตุให้หลายๆแบรนด์พากันตัดหางปล่อยวัด ทำเจ้าตัวหลุดโผมหาเศรษฐีของ Forbes เป็นที่เรียบร้อย
ก่อนหน้านี้หลายแบรนด์สินค้าได้ออกมาต่อต้านพฤติกรรมของเขาที่ออกมาเปิดประเด็น “White Lives Matter” ในงานปารีสแฟชันวีคเมื่อต้นเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา จนกลายเป็นประเด็นใหญ่ในสังคม ทำเอาทั้ง Gap, CAA และ Balenciaga รวมถึงนิตยสาร Vouge ตัดขาด แต่ก็ไม่ได้ทำให้แร๊ปเปอร์จอมฉาวหวั่นใจ พร้อมเอ่ยว่าแบรนด์ดังอย่าง Adidas ที่เขาร่วมงานด้วยมาตั้งแต่ปี 2013 จากการผลิตรองเท้าไลน์ Yeezy ที่มีราคาแสนแพงและหายาก จนเป็นที่ต้องการสูงตามท้องตลาด ยืนยันว่าสถานะของเขาใน Adidas สร้างเงินมหาศาลให้บริษัทและไม่มีทางที่จะตัดขาดเขาได้แน่นอน เพราะ Adidas ได้ส่วนแบ่ง 4 – 8% จากการขาย Yeezy และสำหรับ คานเย ยังเป็นดีลที่มีมูลค่ามหาศาลกว่า 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐด้วย
โดยเขาพูดในพอดแคสต์ Drink Champs ว่า “กับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมบอกได้เลยการต่อต้านชาวยิว..Adidas ไม่มีทางตัดขาดกับผมแน่นอน”
จากคำพูดดังกล่าวทำให้เกิดกระแสเรียกร้องจากชาวเน็ตพากันโพสต์ข้อความถึง Adidas เพื่อกดดันให้ตัดขาดกับ คานเย เพราะพฤติกรรมสุดโต่งเกินรับได้ของเขา ที่ต่อต้านชาวยิว สร้างความแตกแยกให้สังคมเพิ่มขึ้นไปอีกขณะที่ความเหลื่อมล้ำทางสีผิวกำลังเป็นประเด็นหนักในสหรัฐอเมริกาอยู่ในเวลานี้
แม้เรื่องจะผ่านมาสักพักใหญ่แต่แบรนด์ใหญ่อย่าง Adidas ยังคงนิ่งเงียบ และได้แต่แถลงเมื่อวันที่ 6 ต.ค. ที่ผ่านมาว่า “การเป็นหุ้นส่วนกับ เย อยู่ระหว่างการพิจารณา”
แรงกดดันต่อ Adidas เพิ่มสูงขึ้นหลังมีภาพแบนเนอร์ยักษ์บนสะพานลอยทางหลวงลอสแองเจลิส ระบุข้อความว่า “คานเย พูกถูกเรื่องชาวยิว” พร้อมกับมีพวกต่อต้านทำท่าแสดงความเคารพแบบนาซีต่อผู้คนที่ขับรถอยู่ด้านล่าง
พวกต่อต้านชาวยิว ได้เกิดกระแสปั่นป่วนหลังจากที่ คานเย โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ ระบุว่า“คืนนี้ผมเริ่มง่วงแล้ว แต่พอตื่นมา ผมจะ Death con 3 กับพวกชาวยิว ที่ตลกคือผมไม่สามารต่อต้านพวกผิวขาวได้ เพราะว่าคนดำจริงๆแล้วก็เป็นพวกชาวยิวเหมือนกัน พวกคุณต้องพยายามแทรกซึมแบบผม และพยายามแบล็กบอลใครก็ตามที่คัดค้านวาระของคุณ“ จากประโยค death con 3 on Jewish people” ทำเอาทวิตเตอร์ของเขาถูกปิด และโดนบล็อกจากอินสตาแกรม จนทำให้ชาวเน็ตพากันกดดัน Adidas อย่างหนัก
การเขียน “Death con 3” ในทวีตของเขานับเป็นการอ้างถึงกฎของทหาร DEFCON ที่บอกระดับภัยคุกคามความมั่นคงของประเทศสหรัฐอเมริกา DEFCON มีอยู่ด้วยกัน 5 ระดับโดย 5 คือระดับต่ำสุดและ 1 คือระดับสูงสุด
การประกาศตัดขาดกับ คานเย ของ Adidas เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ที่ผ่านมา น่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้แร๊ปเปอร์ดังช็อกไม่น้อย เพราะเป็นการสูญเสียรายได้มหาศาลของเขา และทำให้เขาหลุดจากทำเนียบมหาเศรษฐีด้วย
“Adidas ไม่ทนต่อการต่อต้านชาวยิว และคำพูดที่ก่อให้เกิดความเกลียดชังใดๆ ความคิดและการกระทำล่าสุดของ เย เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ การแสดงความเกลียดชังเป็นเรื่องอันตราย และยังเป็นการละเมิดค่านิยมของบริษัทเรื่องความหลากหลายและการเป็นหนึ่งเดียวกัน การเคารพให้เกียรติซึ่งกันและกัน และความยุติธรรม หลังจากไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว บริษัทจึงตัดสินใจยุติการเป็นหุ้นส่วนกับ เย ทันที ยุติการผลิตแบรนด์ Yeezy และหยุดการจ่ายเงินให้กับเขาและบริษัทของเขา ทาง Adidas จะยุติการทำธุรกิจ Adidas Yeezy ลง โดยมีผลทันที”
จากแถลงการณ์ที่เด็ดขาดดังกล่าว นับเป็นการตัดรายได้มหาศาลทั้งตัวบริษัทและคานเย ที่เปลี่ยนชื่อเป็น เย จนทำให้เขาหลุดโผมหาเศรษฐีโลกลงแล้วโดยสิ้นเชิง
แม้จะไม่มีรายได้จากทาง Adidas แล้ว แต่ เย ยังมีทรัพย์สินส่วนตัวอีกกว่า 400 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งจากเงินสด, อสังหาริมทรัพย์, ดนตรี และหุ้นอีก 5% จากบริษัทผลิตชุดชั้นใน Skims ของอดีตภรรยา คิม คาร์เดเชียน ( อย่างไรก็ตามทาง Skims ได้ออกมาระบุว่า เย ไม่มีส่วนร่วมทางธุรกิจกับแบรนด์มาตั้งแต่ปี 2019 แล้ว )
เย เข้ามามีชื่อติดอันดับใน Forbes ตั้งแต่ปี 2020 โดยทางนิตยสารได้ประเมินรายได้ของเขาว่ามีมูลค่าอยู่ที่ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ แต่ทำเอา เย ไม่แฮปปี้ พร้อมโต้แย้งว่า “มันไม่ใช่ 1 พันล้าน มันคือ 3.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ดูเหมือนไม่มีคนใน Forbes รู้เลยนะว่าต้องนับยังไง”
ซึ่ง เย มักจะออกมาบ่นเรื่องตัวเลขที่ Forbes ระบุรายได้ของเขาอยู่เสมอเป็นประจำทุกปีว่าต่ำกว่าความเป็นจริง โดยปีนี้ เขายังถึงขั้นส่งเอกสารมาชี้แจง เป็นข้อมูลที่เขาเป็นหุ้นส่วนกับ Adidas ว่าแค่แบรนด์นี้แบรนด์เดียวเขาก็มีรายได้มากถึง 4.3 พันล้านเหรียญสหรัฐแล้วด้วย
