xs
xsm
sm
md
lg

“วิคเตอร์” ลุยธุรกิจกัญชา แม้กม.ไม่ชัดเจน แต่ยอมรับความเสี่ยง มั่นคงรัก “พิกเล็ท” แต่ยังไม่แต่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“วิคเตอร์ ชัชชวิศ” ลุยธุรกิจกัญชาในหลายโปรดักส์ เชื่อทำให้ดีมีประโยชน์มากกว่าโทษ แม้กฎหมายไม่ชัดเจน แต่ยอมรับความเสี่ยง ลงทุนไปเยอะแต่มีหุ้นส่วน ไม่กลัวหากต้องกลับไปจุดเริ่มต้น อัปเดตรัก “พิกเล็ท ชาราฎา” มีคุยเรื่องแต่ง แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้

หันมาเอาดีทางด้านธุรกิจอีกคนหนึ่งแล้ว สำหรับนักแสดงหนุ่ม “วิคเตอร์ ชัชชวิศ เตชะรักษ์พงศ์” ที่กำลังเดินหน้าทำธุรกิจเกี่ยวกับกัญชา ในหลายๆ โปรดักส์ อย่างในวันนี้ (19 ต.ค.) ก็ได้มาร่วมงานแถลงข่าว ไทย-มาเลเซีย จับมือลงนาม MOU เชิงกลยุทธ์ครั้งใหม่ เพื่อศึกษาตลาดที่ใหญ่ขึ้น

ตอนนี้หลักๆ ผมทำเรื่องของกัญชาเป็นหลักครับ แต่เป็นกัญชาทางการแพทย์ ต้องวงเล็บให้หมดด้วย (หัวเราะ) เอาจริงๆ อันนี้ก็เป็นธุรกิจหนึ่งที่ตอนนี้มันเป็นที่โด่งดัง แล้วหลายๆ คนก็เพ่งเล็งว่ามันเป็นตลาดใหม่ ทั้งในไทยและต่างประเทศ สำหรับผมมองว่า จริงๆ ทุกอย่างมันเติบโตไปได้ไกล แต่อันนี้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในสังคมไทยในตอนนี้ ซึ่งผมมองว่ามันเป็นอะไรที่เติบโตได้ดี แต่ถ้าถามว่ามันง่ายไหม มันก็ไม่ง่ายขนาดนั้น มันไม่ได้ยาก ไม่ได้ง่ายครับ ทุกอย่างมันต้องมีแพชชั่นประมาณหนึ่ง”

ใช้คำว่าทางการแพทย์ แต่เป็นสเกลที่เข้าถึงคนทั่วไปได้มากกว่า
คือคำว่าการแพทย์เนี่ย มันก็มีหลายระดับ มันก็ไม่ได้ถึงขนาดว่าใช้ในโรงพยาบาลแพร่หลายขนาดนั้น จริงๆ มันทำได้ แต่ของผมมันจะเป็นสเกลที่มันเข้าถึงคนทั่วไปได้มากกว่า เป็นฟีลของอาหารเสริม เราจะไม่ได้เจาะจงเฉพาะทางการแพทย์ จะทำให้มันแมสโปรดักส์หลายๆ อย่าง ตอนนี้เริ่มไปได้ประมาณหนึ่งแล้วนะ แต่เดี๋ยวผมจะทยอยปล่อยรูปโปรโมตออกไปเรื่อยๆ ครับ เพราะมีหลายอย่างมากเลย ผมคิดว่าประมาณเดือนนี้ น่าจะได้เห็นโปรดักส์ตัวล่าสุดปล่อยออกมา”

พยายามทำทุกอย่าง ให้ถูกต้องตามกฎหมายมากที่สุด
“ผมเองในฐานะประชาชน เราก็ฟอลโลว์ตามที่เราทำได้ สิ่งที่เราทำได้ตอนนี้คืออะไรที่เขาอัปเดต เราก็ฟอลโลว์ตาม กฎหมายมันเป็นยังไงเราก็ทำตาม มันทำได้แค่นั้นฮะ เราพยายามทำทุกอย่างให้มันถูกกฎหมายที่สุดแค่นั้นเอง ทุกวันนี้เราก็ติดตามข่าวสาร แล้วก็ทำตามอยู่เรื่อยๆ อยู่แล้วครับ ไม่ได้มีความกังวล อย่างที่บอกว่าเราทำตามทุกอย่างที่มันถูกกฎหมาย ก็ไม่ต้องกังวลอะไร ถ้ากฎหมายมันเปลี่ยนแปลง เราก็เปลี่ยนตาม แต่ถามว่ามันจะกลับไปสู่จุดที่ปิดกั้นหมดเหมือนแต่ก่อนไหม ผมว่าไม่แล้วครับ แต่ถ้ามันมันไปเป็นอย่างนั้น เราก็ต้องตามอยู่ดี

มันเป็นแพชชั่นของผมอยู่แล้ว การทำธุรกิจกัญชา ทุกคนต้องรู้อยู่แก่ใจ ว่ามันกฎหมายพร้อมที่จะกลับสู่จุดที่ปิดกั้นหมดได้เสมอ การลุงทุนทุกอย่างก็มีความเสี่ยง ซึ่งมันก็วัดแล้วว่าคุณรักตรงนี้จริงหรือเปล่า ถ้าคุณรักจริง คุณก็ต้องเต็มที่กับมัน สำหรับผมในมุมหนึ่งมันก็ใช้รักษาในการแพทย์ แต่ในอีกมุมหนึ่งมันก็มีข้อที่พูดตรงๆ ก็คือมันทำให้คนเมาอยู่ดี เราก็ต้องยอมรับตรงนั้น เราต้องทรีตเป็นกลางๆ อย่างนั้นแหละ ซึ่งเราก็จัดการมาทำให้มันมีประโยชน์สูงสุด ผมไม่ได้มองว่าเมามันจะไม่ดีนะ มันก็จะแตกไปในโซนของการผ่อนคลาย เมาแล้วมันจะเจอประโยชน์ยังไง

ประเทศไทยเรามันใหม่มากกับเรื่องนี้ แต่ฝรั่งเขาคุยเรื่องนี้กันมานานมากแล้ว ในเรื่องการรักษาเกี่ยวกับจิตเวชบำบัด มันเป็นเรื่องของการผ่อนคลาย เพราะคำว่าเมาในประเทศไทย มันถูกสโคปว่า แย่ เละเทะ แต่จริงๆ สำหรับฝรั่ง คำว่าเมาของเขาถูกแตกออกเป็นหลายแบบมาก ผมก็จะเอาตรงนี้แหละ มาจำแนกเป็นสินค้าต่างๆ แต่ทุกอย่างมันก็จะเป็นสโคปเดียวกัน เลยไม่อยากจะทรีตว่ามันเป็นการแพทย์ร้อยเปอร์เซ็นต์”

กฎหมายไม่ชัดเจน ไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจ
“ผมว่าไม่ มันไม่ใช่ผมคนเดียวที่มั่นใจ แต่มันมีหลายคนมากๆ ที่มั่นใจเหมือนผม เข้าไปดูได้ในไอจีที่เป็นบริษัทของผมได้เลยนะครับ ฝากติดตามดู เดี๋ยวจะทยอยโปรโมตครับ”

ลงทุนไปเยอะ แต่มีหุ้นส่วนหลายคน
“(หัวเราะ) ครับ ก็นั้นแหละครับ มันก็อยู่แล้ว ถามว่าเป็นของเราคนเดียวล้วนๆ เลยไหม ก็ไม่ครับ ก็มีพี่ๆ ด้วย ที่เป็นทีมงานของเรา ซึ่งแรกๆ คนมันก็ยังน้อยๆ อยู่ แต่ระหว่างทางเราก็เจอคนที่คิดเหมือนกัน อย่างที่ถามว่าผมกลัวไหม ผมเอาอะไรมามั่นใจ คือมันก็จะมีพี่ๆ ที่เข้ามาระหว่างทาง จากตอนแรกมีแค่ผมกับเพื่อนสองคน สุดท้ายก็เป็นกลุ่มคนที่คิดเหมือนกัน เราก็เลยมีพลัง

ส่วนตัวคิดว่า ‘กัญชา’ มีประโยชน์มากกว่าโทษ
“ทุกอย่างมีประโยชน์อยู่แล้วครับ เราใช้มาตั้งนานแล้ว ซึ่งเราก็บอกว่าทุกอย่างมันมีทั้งข้อดีและข้อเสียครับ แต่ยิ่งเราเจอคนที่คิดเหมือนกัน ก็ยิ่งมั่นใจ ว่าสิ่งที่เราทำไม่ได้สูญเปล่า มันมีประโยชน์แน่นอน ส่วนตัวผมมันช่วยได้เยอะ ทั้งเรื่องของสุขภาพจิต กับการทำงานในยุคนี้ คือเราต้องยอมรับว่ายุคนี้คนเรามันเหมือนเดิม แต่สิ่งรอบตัวมันไม่เหมือนเดิม เราอยากจะใช้ชีวิตเหมือนเดิม แต่เราอยากจะลดความเครียดที่มันไม่เหมือนเดิมในชีวิตประจำวันออกไป บางทีมันไม่หมด มันก็ต้องมีตัวช่วย เรากินอาหารไม่ครบ 5 หมู่ เรายังกินอาหารเสริมเลย บางทีชีวิตเราได้รับความเครียด หรือประสบการณ์ที่มันไม่ดี ที่มัน toxic ในใจ แล้วมันเอาออกไม่หมด เราก็ต้องมีอาหารเสริมตรงนั้น หลายคนอาจจะมองว่าเหมือนเราเครียดแล้วไปกินเหล้า แต่มันไม่เหมือนกันนะ ความรู้สึกที่ได้รับเข้าไปมันไม่เหมือนกัน อันนี้คืออธิบายอย่างง่าย”

อัปเดตความรักกับหวานใจคนสวย “พิกเล็ท ชาราฎา อิมราพร” มีคุยกันเรื่องแต่งงาน แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้
“ตอนนี้เราสองคนก็ยังทำงาน ยังใช้ชีวิตกันอยู่ ถามว่าเราเคยคุยกันเรื่องนี้กันไหม เราก็คุยกัน แต่ก็ไม่ได้ตั้งมั่นตั้งใจกับตรงนั้นขนาดนั้น คือไม่ได้ซีเรียส ยังรู้สึกว่ายังได้อีกนิดแล้วกันครับ”

เรื่องอายุของฝ่ายหญิง เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ยังไม่พร้อม อยากให้น้องได้ทำงานก่อน
“อันนั้นด้วยเลย เป็นความรู้สึกหลักๆ ของเราเลย เพราะบางทีตัวเราเองเราพร้อมแล้ว แล้วอีกฝ่ายพร้อมไหม เขาก็ยังมีอายุในการทำงานเยอะ ซึ่งเราก็เห็นตรงนั้น เราก็เลยให้เขาได้ไปทำตรงนั้นก่อน”

พร้อมซัปพอร์ตกันและกัน ยังไม่ซีเรียสเรื่องแต่งงาน
“(หัวเราะ) จริงๆ ไม่ได้เอื้อนเอ่ยหรอก มันก็ทั้งคู่คือเราเคยคุยกันเรื่อยๆ อยู่แล้ว เลยไม่ได้มีความรู้สึกที่จะต้องซีเรียสหรืออะไร เพราะเราคุยกัน ฝั่งหนึ่งพร้อมเมื่อไหร่ ไม่พร้อมเมื่อไหร่ เราก็พร้อมที่จะซัปพอร์ตกัน อย่างสมมุติมีช่วงที่เขากำลังเครียดเรื่องทำบ้าน เราก็จะไปซัปพอร์ตเขาตรงนั้นก่อน เราก็จะไม่พูดถึงตรงนี้ แค่นั้นเขาก็เครียดมากพอแล้ว”

คอยใส่ใจเช็กความพร้อมกันอยู่ตลอด
“มันก็ใช่ครับ (หัวเราะ) แต่บางทีไม่ได้มาในรูปแบบถามตรงๆ นะ เราไม่ได้แบบนั้น ก็ฟอร์มๆ กันหน่อย นิดหนึ่ง (บวกการสังเกตไปด้วยในตัว?) ใช่ครับ เรียกว่าใส่ใจดีกว่า”

คลั่งรักหนักมาก ยังไงก็ใช่คนนี้
“ถ้าตอนนี้นะ เราก็คบอยู่คนนี้คนเดียวครับ (หัวเราะ) ไม่ได้มีใครครับ ก็คนนี้แหละ (หัวเราะ) ส่วนที่มองว่าคลั่งรักหนักมาก เขาเรียกว่ามีความรับผิดชอบครับ ใจมันก็ต้องมาด้วย ทำอะไรก็ต้องมีแพชชั่น”

ประคับประคองความรัก ด้วยการใจเย็น
“ใจเย็นๆ ไม่ใช่ฝ่ายยอมตลอดครับ เขาก็ไม่ตามใจผมเหมือนกัน (หัวเราะ) ไม่ตามใจ สุดท้ายมันกลับมาคำเดียวจริงๆ นะผมเคยคิดเหมือนกันว่ามันนานขนาดนี้ สงสัยมันต้องทั้งคู่นะไม่ใช่แค่ผมคนเดียว ทั้งคู่ต้องใจเย็นๆ”

คนแซวอยู่เวลากับแฟน กลายเป็นลูกแมวไปเลย
“ขนาดนั้นเลยเหรอพี่ (หัวเราะ) ไม่หรอก ใจเย็นๆ นั้นแหละอยู่ด้วยกันต้องใจเย็น เพราะเราอยู่กับเพื่อนเราจะโผงผางเราผู้ชายเราก็เต็มที่ไปแต่กับแฟนมันควรที่จะค่อยๆ พูดค่อยจา เหมือนวันแรกที่เราคุยกัน ต้องจำวันนั้นเสมอๆ ว่าตอนนั้นเรายังไงตอนนี้เราก็แบบนั้น เปลี่ยนแปลงมันก็ไม่เท่ (อันนี้บอกน้อง?) บอกผู้ชายทุกคนว่าเราเป็นแฟนใครเราก็ต้องมั่นคง มันถึงจะเท่

บอกน้องไม่ดุ อยู่กันแบบชิล
“ไม่ดุนะ ก็ทั่วๆ ไป ไม่มีใครคุมเกมใคร อันนี้ชิลมาก อย่างเขาก็เป็นน้องคนสุดท้อง แต่เราเป็นพี่ชายคนโต มันก็ยังมีความค้านๆ กันอยู่ (หัวเราะ) มันไม่มีใครต่อใคร เท่ากัน”

ปัญหามีเข้ามาเรื่อยๆ แต่ส่วนใหญ่เกิดจากปัจจัยภายนอก
“ไม่ ผมว่ามันก็มีมาเรื่อยๆ คือเหมือนพอเราจบอันเก่าไปมันก็มีอันใหม่มา แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากเราสองคนอยู่แล้ว มันเป็นที่ปัจจัยภายนอก เช่น เรื่องงานทำให้เหนื่อย เป็นอะไรแบบนั้นมากกว่า ซึ่งเรื่องของเราสองคนไม่ค่อยมีอะไรบาดหมาง”

ตอบไม่ได้จะพัฒนาตัวเองไปในด้านไหนอีก
“ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าผมพัฒนาเรื่องอะไร (หัวเราะ) ก็ล่มๆ อยู่เหมือนกัน (หัวเราะ)”

เอนเนอร์จี้หายไปเยอะ ไม่เหมือนตอน 20 ต้นๆ
“โห เอนเนอร์จี้ผมตอนนี้หายไปเยอะมากเลย เพราะอย่างที่บอก เราต้องแบ่งพลังไปทำหลายอย่างมาก ผมเลยรู้สึกว่ามันไม่เหมือนสมัยก่อนหน้านั้น ที่ยัง 20 ต้นๆ ยังสามารถอะไรก็ได้ จริงๆ ตอนนั้นเราไม่ต้องแบกความรับผิดชอบอะไรขนาดนี้ ตอนนี้มีงานมีโปรเจกต์ ธุรกิจส่วนตัว อีกมันทำให้เรารู้สึกว่าบางทีมันก็เต็มมือเหมือนกัน”

แพชชั่นในวงการบันเทิงไม่เคยลดลง เพราะมันลิงก์กับการทำธุรกิจด้วย
“ไม่เลย ยังทำทุกอย่างเหมือนเดิม เพราะผมรู้สึกว่าทุกอย่างมันลิงก์กันเนอะ เราทำงานในวงการบันเทิงมันก็ทำให้เราได้ประโยชน์ในการทำธุรกิจอื่นๆ ด้วย การทำธุรกิจอื่นๆ ก็ทำให้เราได้ประโยชน์ในวงการบันเทิงอีก มันก็วนๆ อยู่แบบนี้ครับ ผมรู้สึกว่าขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปไม่ได้”











กำลังโหลดความคิดเห็น