คงแทบไม่มีชาวไทยเจนเนอเรชั่นคนไหนในปัจจุบันคุ้นหูคุ้นตา รวมทั้งคุ้นชื่อ เด่น ดอกประดู่ อย่างแน่นอน แต่สำหรับผู้สูงวัยไล่นับตั้งแค่รุ่นกึ่งศตวรรษขึ้นไปต้องกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่าคุ้นหูคุ้นตา รวมทั้งคุ้นชื่อตลกระดับอาจารย์นามนี้เป็นอย่างดีกันแทบทั่วทุกตัวคน
ประมาณ 50 กว่าปีที่แล้วตลกเมืองไทยไม่ได้มีจำนวนเป็นร้อยๆ คน พันคน มีแค่ไม่กี่คนแล้วก็ไม่กี่คณะ เท่าที่จำได้ ผู้เขียนได้ยินชื่อเสียงของคณะ ‘สี่สี’ ที่มี ‘สีเผือก – ศรีสุริยา – สีหมึก – เทพ เทียนชัย’ ไม่เคยดูพวกเขาเล่นสดๆ ทว่าคณะนี้ชื่อเสียงกระฉ่อนเมือง
มีคนเดียวที่เคยดูเล่นสดๆ และอีกหลายครั้งในจอภาพยนตร์ เทพ เทียนชัย จำเขาได้ไม่เคยลืม ไอ้ที่ว่าหัวเราะจนน้ำตาเล็ดน้ำตาไหล ครั้งแรกๆ ก็เกิดจากเทพ เทียนชัย นี่แหละ
ถ้าจำไม่ผิด แต่ถ้าผิดก็ขออภัย ตลกคณะสี่สียังไม่ใช่ยุคตลกคาเฟ่ แม้จะเล่นหรือแสดงกันในคาเฟ่ – สถานบันเทิงอื่นๆ ก็เถอะ
ถัดมาสู่ยุคของเด่น ดอกประดู เด๋อ ดอกสะเดา ดี๋ ดอกมะดัน ดอน จมูกบาน
‘เด๋อ ดู๋ ดี๋ ดอน’ โด่งดังถึงขนาดเป็นตลกไทยวงแรกๆ ที่อัดการเล่นตลกเป็นเสียงลงในเทปคาสเซ็ท ยอดขายถล่มทลาย ไปไหนต่อไหนก็มีแต่คนเปิดฟัง ฟังกี่ครั้งๆ ก็หัวเราะร่วน จากนั้นจึงเริ่มมีคณะตลกผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด
วกไปหาเด่น ดอกประดู่ ภาพจำของเขาคือเป็นตลกสุภาพ หน้าตาดี หรือพูดอีกแบบคือหล่อเหลาระดับพระเอกหนัง ในบรรดาตลกรุ่นราวคราวเดียวกัน ผู้เขียนดูหนังที่เด่น ดอกประดู่เล่นมากกว่าทุกคน
นอกจากเล่นตลก เด่น ดอกประดู่ ผู้มีความสามารถหลากหลายยังผันตัวเองไปจัดรายการโทรทัศน์ เป็นพิธีกรทั้งแบบเรียกเสียงฮา และสายวิชาการเกษตรอย่างรายการ ‘ไม่ลองไม่รู้’ มีคนดูทั่วประเทศมากทีเดียว
ในฐานะเป็น ‘สิงห์คาเฟ่าเก่า’ ผู้เขียนเคยดูเด่น ดอกประดู่ เล่นในคาเฟ่หลายครั้งหลายหน เขาเป็นคนยิ้มง่าย อารมณ์ดีทั้งบนเวทีและด้านล่าง
ว่ากันว่าตลกชื่อดังยุคปัจจุบันนับถือ ยกย่องให้เด่น ดอกประดู่ เป็นอาจารย์ บางคนเรียกว่า ‘ป๋า’อาจเป็นเพราะว่าเขาเป็นตลกที่ปูทางให้น้องๆ ลูกหลานวงการตลกรุ่นต่อมากลายเป็นตลกคาเฟ่ที่เดินสายแสดงมากกว่า 3 – 5 แห่งในแต่ละคืนในช่วงนั้น
รวมถึงคณะของ ยอด นครนายก ที่เพิ่ง ‘ลาลับ’ ไปก่อนหน้า ผู้เขียนเคยดูหลายครั้ง ดูกี่ครั้งก็ขำ
วันเวลาเดินหน้าต่อไป ในขณะที่สังขารและวันวัยของชีวิตเริ่มร่วงโรย จากยอด นครนายก ถึงเด่น ดอกประดู่ ผู้จากไปสัมปรายภพ เหลือไว้เพียงภาพแห่งทรงจำ
ด้วยจิตคารวะ