“ติ๊ก เจษฎาภรณ์” ภูมิใจ “PROXIE” ประสบความสำเร็จ ยอมรับไม่ถนัดด้านเพลง แต่ก็ดูแลเองทุกขั้นตอน มั่นใจในการบริหารจัดการ เพราะมีประสบการณ์ในวงการเยอะ จะผลักดันน้องๆ ให้ถึงฝัน บอกการทำงานกับคนรุ่นใหม่ไม่ใช่เรื่องยาก แค่ต้องเปิดใจรับฟัง ดีใจร่วมงาน “อั้ม พัชราภา” ในรอบเกือบ 20 ปี ชมน่ารัก เซ็กซี่เหมือนเดิม
เป็นศิลปิน T-Pop ที่กำลังมาแรงเลยทีเดียว สำหรับ 6 หนุ่มวง “PROXIE” (พร็อกซี) จากค่าย bROTHERS MUSIC ที่ก่อตั้งขึ้นโดย “ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี” เพราะหลังจากปล่อยซิงเกิ้ลที่ 2 ‘คนไม่คุย (Silent Mode)’ ออกมา ก็กลายเป็นเพลงฮิตติดหู ยอดทะลุ 12 ล้านวิว ภายใน 1 เดือน ล่าสุดวันนี้ (14 ต.ค.) ได้เจอติ๊ก ในงานแถลงข่าวเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง My Tempo น้องพี่ ดนตรี+เพื่อน เจ้าตัวก็ได้เผยความรู้สึกถึงความสำเร็จอีกขั้นของน้องๆ ว่ารู้สึกดีใจและภูมิใจมาก
“จากวันจนถึงวันนี้นะครับ คือผมเจอน้องๆ กลุ่ม PROXIE ที่เราแยกยูนิตมา 6 คน จากน้องๆ ที่เขาเข้ามาอยู่ในโปรเจกต์กลุ่ม Brothers ในตอนนั้นเราก็มองไม่เห็นหรอกครับ ว่าจะมีภาพในวันนี้ แต่เราก็หวังว่า เราอยากจะผลักดันให้พวกเขาประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นทางใดก็ทางหนึ่ง จากเดบิวต์เพลงแรก Crazy love (รักบ้าบอ) จนถึงวันนี้ซิงเกิ้ลที่ 2 คนไม่คุย เรารู้สึกดีใจและภูมิใจในตัวพวกเขา เขาค่อยๆ เก็บเกี่ยวความฝันของพวกเขา แล้วมันมาถึงจุดหนึ่งที่เขารู้สึกว่า นี่แหละคือเขาได้เติมเต็มให้กับตัวเอง
แต่ผมก็ยังบอกเขาว่า มันไม่ใช่เพียงแค่นี้ เขาต้องพยายามและพัฒนาตัวเองต่อไปในด้านอื่นๆ โดยเฉพาะสิ่งที่เขาชอบ สิ่งที่เขารัก ต้องพัฒนากันต่อไป ในวันนี้อาจจะได้เท่านี้ เราต้องให้มันได้มากกว่าเดิมครับ แล้วสิ่งที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้ เราก็อยากจะให้เขาเป็นตัวแทนแล้วก็มอบความสุขด้านเสียงเพลง เป็นเอ็นเตอร์เทนเนอร์ที่ดี รวมถึงการที่เขาจะต้องอยู่ในสังคม แล้วทุกๆ ต้องรักเขา”
ทำหน้าที่ดูแลในทุกส่วน ตั้งแต่เบสิกยันสิ่งที่ยากที่สุด
“คือผมอยู่ในทุกๆ อย่างของพวกเขา ทุกๆ ส่วนเลย ต้องบอกว่าไม่น่าจะมีส่วนไหน ที่ผมไม่ได้ดูแล ตั้งแต่สิ่งที่มันเป็นเบสิกที่สุดยันสิ่งที่ยากที่สุด”
ยอมรับไม่ถนัดด้านงานเพลง แต่มั่นใจในการบริหารจัดการ โชคดีมีประสบการณ์ในวงการเยอะ
“คือจริงๆ แล้วงานเพลงผมไม่ถนัดหรอก แต่ผมคิดว่าเราน่าจะสามารถบริหารจัดการได้ การบริหารจัดการ ไม่ได้แปลว่าเราจะต้องเก่งในทุกๆ อย่าง แต่เราจะดึงคนที่เก่งหรือคนที่สามารถทำงานกับเราได้ หรือคนที่คลิก มาทำงานกับเรา ผมว่าตรงนี้มากกว่าคือการนำส่วนผสมต่างๆ มาปรุงเป็นอาหารจานหนึ่ง ที่มันรสชาติดีถูกใจทุกๆ คน ทุกคนกินแล้วรู้สึกชอบ อยากกินแล้วกินอีก ผมคิดว่าแบบนี้มากกว่านะครับ รวมถึงเราโชคดีว่าเราได้ทำงานในวงการนี้ เรามีประสบการณ์บางอย่าง ที่เราสามารถที่จะมอบให้พวกเขาได้ ในเรื่องของแง่คิด แล้วก็ข้อดีข้อเสียต่างๆ แล้วก็ทำให้สิ่งที่เป็นอยู่ มันเหมือนกับเขาจะได้เรียนรู้ในเส้นทางหลักมากขึ้น”
นอกจากบริหารค่ายเพลง ก็ยังเป็นผู้จัดละครด้วย แต่ทุกงานล้วนมีอุปสรรค ไม่ได้ราบรื่นไปเสียหมด
“ตอนนี้มีละครครับ เป็นละครที่ผมทำเองทางช่อง 7 เรื่องลมพัดผ่านดาว ทุกอย่างขรุขระหมดเลย (หัวเราะ) ไม่มีอะไรราบรื่นนะครับ ทำงานทุกอย่างมีอุปสรรค สำหรับงานละครมันเป็นงานชิ้นใหม่ของผม ดังนั้นมันจะต้องเจอคนทำงานคนใหม่ๆ มันก็หลายอย่าง ซึ่งเราก็ทราบดี เพราะผมเองก็มีเพื่อนๆ ที่อยู่ในวงการที่เป็นนักแสดง แล้วตอนนี้ผันตัวมาเป็นผู้จัดละคร เราก็ได้มีโอกาสพูดคุยกัน แล้วเราทราบอยู่แล้ว ว่าเราจะเจออะไรบ้าง แต่เราก็ต้องพยายามที่จะแก้ไขมัน แล้วก็ทำให้งานมันผ่านไปได้ ต้องทำงานต่อให้ได้”
กลับมาร่วมงาน “อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ” ในรอบเกือบ 20 ปี ยังน่ารัก เซ็กซี่เหมือนเดิม
“ก็น่ารัก เซ็กซี่เหมือนเดิม สำหรับพัชราภา จริงๆ แล้วจาก นางสาวจริงใจกับนายแสนดี ก็มีกระแสของแฟนๆ หลายๆ คน เขาอยากจะให้เรากลับมาเจอกันอีก แต่บังเอิญว่าเราอาจจะกลับมาเจอกันช้าไปนิดหนึ่ง เราใช้เวลาเกือบ 20 ปีนะครับ แต่ว่าก็ยังกลับมาเจอกันครับ มาแล้วยังดีกว่ามาช้า มาช้ายังดีกว่าไม่มา”
ขำๆ สต๊าฟหน้าไว้ได้ เพราะมีช่างแต่งหน้ามืออาชีพ
“เราต้องใช้ช่างแต่งหน้า ที่ค่อนข้างจะมืออาชีพมากๆ นะ (หัวเราะ) ที่พอจะพยายามจะสต๊าฟเราไว้ได้ แต่ถ้าเกิดว่าผมเข้าฉากกับเข้ม (หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล) ก็จะต้องจัดแสงคนละแบบแล้วล่ะ เพราะเขาใสปิ๊งมาอยู่แล้ว ผมก็ต้องอัดแสงให้ตัวเองมากขึ้นหน่อย”
คาด “อั้ม” ใจอ่อนรับงาน เพราะน่าจะชอบบท ปีหน้าได้ดูกันแน่นอน
“คือผมเข้าใจเลยครับ เราทราบอยู่แล้ว ว่าการที่คนๆ หนึ่งจะรับงานแต่ละชิ้น ไม่ใช่อั้มอย่างเดียว ผมเองก็เหมือนกัน เราจะต้องดูแล้วดูอีก เราต้องรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่เราชอบ ผู้กำกับกับผู้จัด เขาสามารถที่จะเล่าเรื่องให้เราอยากจะทำงานด้วยหรือเปล่า แล้วเราก็พยายามที่จะเล่าเรื่องให้มันสนุกๆ แล้วก็พยายามที่จะพูดกับเขาเยอะๆ แล้วก็ส่งบทให้เขาอ่าน ผมคิดว่าอั้มน่าจะชอบในบทบาทนี้ครับ แต่อย่าเพิ่งนะครับ อย่าเพิ่งเร่งนะครับ (หัวเราะ) เพิ่งถ่ายได้ยังไม่เยอะครับ น่าจะปีหน้าครับ”
การทำงานร่วมกับคนรุ่นใหม่ไม่ใช่เรื่องยาก แค่ต้องเปิดใจรับฟัง และเอาใจเขามาใส่ใจเรา
“ไม่ยากนะคะ เราต้องเปิดใจ ง่ายๆ เลย เราอาจจะมีมายด์เซ็ตบางอย่าง ที่เราเคยถูกปลูกฝังมา แต่ว่าไอ้แบบนั้นเนี่ย มันไม่ใช่สิ่งที่มันถูกต้องเสมอไป กฎต่างๆ ของวิทยาศาสตร์มันอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ ถ้ามันมีนักวิทยาศาสตร์ที่เกิดขึ้นมาใหม่ แล้วเขาสามารถที่จะลบล้างทฤษฎีเดิมได้ แล้วทฤษฎีใหม่ที่มันเกิดขึ้นเนี่ย มันน่าเชื่อถือมากกว่า แล้วมันพิสูจน์ได้ดีกว่า ดังนั้นเราจึงต้องเปิดใจกับทุกๆ อย่าง แล้วก็รับฟังและมองเขา เราต้องแทนว่าเราเป็นเขา เอาใจเขามาใส่ใจเราเท่านี้เองครับ”