“มิกกี้” สามี “เจนี่” เผชิญหน้าเกรียนคีย์บอร์ดที่โพสต์ข้อความบูลลี่ และคุกคาม “น้องโนล่า” ลูกสาวครั้งแรก ลั่นไม่รับคำขอโทษ ไม่ใจอ่อน เอาผิดจนถึงที่สุด ทุกคนต้องได้รับผิดชอบต่อผลของการกระทำ บอกฟังดูง่ายไปกับเหตุผลที่ทำกับครอบครัวตน ไม่เหนื่อยที่จะต้องขึ้นศาล ไม่ได้รวยและไม่ได้ต้องการเงิน แต่ต้องการให้รู้ว่ามาทำกับครอบครัวตนแบบนี้ไม่ได้
โดนจับอีกรายแล้ว สำหรับเกรียนคีย์บอร์ดที่โพสต์ข้อความบูลลี่ และคุกคาม “น้องโนล่า” ลูกสาวของนางเอกชื่อดัง “เจนี่ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร”หรือ “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ”เป็นเหตุทำให้นางเอกสาว และ ครอบครัวเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง ซึ่งมีกว่า 10 รายที่ เจนี่ ฟ้องดำเนินคดี โดยรายล่าสุดถูกนำตัวมาไว้ที่สน.วังทองหลาง เพื่อชดใช้ความผิดเป็นที่เรียบร้อย
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 07.00 น. วันนี้ (13 ต.ค. 2565) สามีของเจนี่ “มิกกี้ นนท์ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร”ได้เดินทางยังสถานีตำรวจพร้อมกับคุณแม่ “ดร. สิริพร อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร” และเป็นครั้งแรกที่ได้เผชิญหน้ากับคู่กรณี งานนี้มิกกี้เอาจริง ไม่รับคำขอโทษ แต่จะให้รับโทษจะได้ไม่ไปทำกับคนอื่นแบบนี้อีก
“ทุกอย่างก็ให้ว่ากันไปตามกฎหมาย ที่เราอยากมาเจอ หนึ่งเราไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว สองอยากจะรู้สาเหตุว่าอะไรทำให้เขาทำอย่างนั้น เท่าที่คุยกับเขา ก็เป็นกลุ่มๆ นึงที่พอคนนึงเริ่ม ฉันก็ทำบ้าง เราโตๆ กันแล้วมันจะถูกโน้มน้าวไปตามลมขนาดนั้น เขาอายุมากกว่าผมอีก เท่าที่คุยทุกคนอายุ 30 อัปกันหมดแล้ว คุณควรจะมีจุดยืน มีมนุษยธรรมในตัวคุณเองด้วย
ก็ตามสเต็ป ทำผิด ขอโทษ รู้สึกผิด ตอนทำไม่ได้คิด เป็นไดอะล็อกนี้อยู่แล้ว มันฟังดูง่ายไปไหมกับเหตุผล เห็นเขาทำก็เลยทำบ้าง ไม่รู้คึกคะนองรึเปล่าตอนทำ แต่ก็จะมาประมาณนี้ 90% เป็นผู้หญิงหมดเลย (ข้อความที่เรารู้สึกว่ามันรุนแรงไป?) มันไม่น่าจะออกสื่อได้ อย่าให้บอกดีกว่า มันไม่เหมาะสมเผื่อเยาวชนชมอยู่ คนเป็นพ่อเป็นแม่เนอะ ตัวผมเองไม่เท่าไหร่หรอก แต่ลูกกับภรรยาผม เราอยากจะปกป้องครอบครัว ไม่ใช่ใครจะมาว่าเราแล้วก็ไป มันก็ไม่ใช่”
เผยเคสนี้เป็นผู้หญิงตั้งครรภ์ที่ถูกออกหมายจับ
“เห็นเขาบอกว่าอย่างนั้นนะครับ แต่เราต้องแยกการกระทำความผิดกับสภาพร่างกาย การกระทำความผิดก็อีกส่วนนึง เขาอาจจะเพิ่งเป็นคุณแม่ ตอนทำผิดก็เป็นช่วงก่อนที่จะมี แต่ก็อย่างว่า พอทุกคนทำไปแล้วถึงจะเพิ่งรู้สึก พอมาโดนแบบนี้ถึงจะเริ่มรู้สึก
คนนี้เขาไม่ได้ขอร้องว่าอย่าเอาผิดเขา เขาไม่ได้ขอร้องอะไร เราก็ดำเนินเรื่องไปตามขั้นตอน รายนี้เป็นรายที่ถูกจับ ไม่ได้เป็นรายที่มามอบตัว ออกหมายเรียกก็ไม่มาจนต้องพามาเองก็คือออกหมายจับ เขามาจากภาคเหนือ ก็ต้องขอบคุณทางไซเบอร์ ทางปอท. ที่ช่วย เคสนี้จะมาจากทางไซเบอร์ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในประเทศหรือต่างประเทศ มันถึงกันอยู่แล้ว จะมาบอกว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ไม่ได้หรอก เพราะมันมีให้เห็นเยอะแล้ว ไม่ใช่แค่กับครอบครัวผม กับคนอื่นๆ ก็ไม่ควรจะทำแบบนี้”
เผยแรงโน้มน้าวของผู้กระทำความผิดคือเห็นเพื่อนทำก็ทำตามกัน
“เราไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว สิ่งที่เขาแจ้งมาถึงแรงโน้มน้าวผลักดันก็คือคนในกลุ่มที่เพื่อนทำ ฉันทำบ้าง (เราเลยรู้สึกว่าเขาโยนความผิดให้คนอื่น เห็นคนทำก็ทำบ้าง?) เหมือนตอนเราเด็กๆ เพื่อนทำ เราก็ทำตามเพื่อน มันฟังไม่ขึ้นอยู่แล้ว”
ได้ฟังคำขอโทษแล้วไม่มีใจอ่อน ทุกคนต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำ
“ไม่นะครับ ความตั้งใจของเขามันไม่ได้ดีกับครอบครัวเรามาตั้งแต่แรกแล้ว โดยเฉพาะกับลูกและภรรยาผม ถ้าใจอ่อนมันก็… ก็โอเคเราก็รู้สึกนะพอเขาบอกว่าเขากำลังจะแม่คน แต่เราก็ต้องแยกไงเรื่องที่คุณทำความผิดกับครอบครัวผม มันก็ต้องให้เขาได้รับผิดชอบสิ่งที่ทำ
(ยังมีคนมาคอมเมนต์ไม่ดีอยู่อีกไหม?) ผมเรียนตามตรงว่าผมไม่ได้ตาม แต่ก็จะมีคนมาส่งมาให้บ้าง ตอนนี้ไม่เห็นมีอะไรนะ รวมๆ ที่โดนไปมีมากกว่า 10 คน ตัวเลขผมจำไม่ได้ แต่ก็มีออกหมายจับแล้ว จับมาได้แล้ว ส่งฟ้องศาลแล้ว รอขึ้นศาลก็มี รอสืบพยานก็มี”
ไม่เหนื่อยที่จะต้องขึ้นศาล การเสียเวลา เสียค่าใช้จ่ายกับตรงนี้สำหรับครอบครัวตนไม่มีอะไรมาตีค่าได้ ต้องการให้รู้ว่ามาทำกับครอบครัวตนแบบนี้ไม่ได้
“ไม่ครับ จะบอกว่าเราเสียเวลามันก็ไม่ใช่เรื่องที่เราจะมาคิดว่ามันเสียเวลาหรือไม่เสียเวลา สำหรับครอบครัวมันไม่มีอะไรมาตีค่าได้ จะมาคิดเป็นเงินเท่าไหร่ มันตีเป็นมูลค่าไม่ได้อยู่แล้ว เราไม่ได้รวยนะแต่เราไม่ได้ต้องการเงิน เราต้องการให้เขารู้ว่าคุณมาทำกับครอบครัวผมแบบนี้ไม่ได้ มันตีเป็นมูลค่าไม่ได้หรอกกับสิ่งที่คุณทำ
ผมกับภรรยาเราก็คุยกันบ้าง อัปเดตกันบ้าง มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรเอามาคิดเอามาอะไร มันไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ แต่ก็มีคุยมีปรึกษากันบ้าง แต่ก็ไม่ได้เอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นที่คุยกัน ให้ทางกฎหมายจัดการไป”
การดำเนินคดีแยกเป็น 2 ส่วน ทั้งแพ่งและอาญารายไหนสามารถเอาผิดได้ก็ทำเต็มที่
“ต้องแยกเป็นสองส่วน กระทำความผิด พรบ. คอมพิวเตอร์ก็ส่วนนึง ว่ามีโทษยังไงบ้าง กับจะฟ้องเรียกค่าเสียหายก็ต้องส่งต่อไปอีก ก็มีทั้งฟ้องอาญาหมิ่นประมาท ฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย อันไหนที่สามารถทำได้ก็ทำเต็มที่ แต่อย่างที่บอกจะให้เรียกเท่าไหร่มันตีมูลค่าไม่ได้ มันไม่มีประโยชน์อะไร ไม่ใช่ว่าคุณมีเงินแล้วคุณไปว่าเขา แล้วคุณก็จ่ายเงินแล้วมันจะจบ มันไม่ใช่ไง
ส่วนตัวผมเองบางทีผมเข้าไปดูบอลตามเว็บไซต์ มันมีคนพิมพ์ไม่ดี ด่ากัน มันเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อไหร่ที่มันมาถึงเรื่องครอบครัว สตรี เด็ก หรือใครก็ตามที่มันดูแล้วไม่เหมาะสม ถ้าบอกว่าอย่าทำมันไม่มีน้ำหนักหรอก แต่ทำแล้วมันมีสิ่งที่ตามมาอยู่แล้วนะ ฉะนั้นจะทำอะไรมันก็ต้องนึกถึงสิ่งที่จะตามมาด้วย จะให้บอกยังไง เรื่องพวกนี้มันห้ามกันไม่ได้หรอก”