“ตู่ ปิยวดี - มาวิน” ฉลองวิวาห์หวาน หลังรอโควิดซาเกือบ 2 ปี จัดเต็มชุดเจ้าสาวปักเพชร 300 เม็ด 100 ล้าน หวังให้งานเป็นที่จดจำ เชิญแขกแน่น 800 คนเพราะเพื่อนเยอะ แพลนมีลูกทันที ใช้วิธีวิทยาศาสตร์ เพราะอายุเยอะแล้ว แถมไม่ได้ฝากไข่ อยากได้แฝดหญิง แต่ตอนนี้อะไรก็ได้
หลังต้องเลื่อนมานานเกือบ 2 ปีเพราะโควิด ล่าสุด วันที่ 9 ต.ค. 65 คู่รักคนบันเทิง อย่าง “ตู่ ปิยวดี มาลีนนท์”และ “มาวิน ทวีผล” ก็ได้ฤกษ์จัดงานฉลองมงคลสมรสเรียบร้อยแล้ว โดยก่อนจะเริ่มพิธีในช่วงค่ำ ทั้งสองคนก็ได้ควงกันมาพบปะกับสื่อมวลชน ที่ห้องเรสซิเดนซ์ ชั้น M โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ เพื่อเปิดใจถึงเส้นทางรักอันยาวนาน พร้อมกับเผยที่มาของชุดเจ้าสาวปักเพชร ที่ใช้เพชรเหลี่ยมหัวใจ (heart shspe) กว่า 300 เม็ด รวมมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท
ตู่ : “ตอนแรกคิดว่าจะไม่ตื่นเต้น แต่ว่าตื่นเต้นมากประมาณหนึ่ง (หัวเราะ) คือตอนหมั้นพิธีการจะค่อนข้างเยอะมาก”
มาวิน : “พิธีหมั้นจะค่อนข้างเกร็งกว่า แต่วันนี้รู้สึกว่าเหมือนเรามาเจอเพื่อนๆ มาเพื่อเฉลิมฉลอง เพื่อปาร์ตี้ ก็จะรีแลกซ์กว่า”
ตู่ : “สบายๆ แต่ก็ตื่นเต้น เราเว้นไปเกือบ 2 ปีค่ะ”
มาวิน : “ประมาณ 1 ปี 10 เดือนครับ คือระยะที่โควิดระบาดหนักๆ ช่วงนั้นเลย”
ตู่ : “เรารอมาสักระยะหนึ่ง มันก็จะเริ่มคลาย จัดได้ 200-300 คน แต่ด้วยความที่เราเป็นคนเพื่อนเยอะมาก ก็เลยรอให้มันคลี่คลายสุดๆ เพื่อให้ทุกคนมาแล้วก็สบายใจด้วยค่ะ สเกลวันนี้ก็น่าจะประมาณ 800 คนค่ะ”
ธีมงานของแขกเป็นสีโทนธรรมชาติ ส่วนเจ้าบ่าวเจ้าสาวเปลี่ยน 4 ชุด และเป็นแบรนด์ไทยทั้งหมด
ตู่ : “มีกำหนดแค่ธีมสีอย่างเดียวค่ะ จะเป็นสีออกเขียว เทา เบจ เป็นสีธรรมชาติ ส่วนเราสองคนก็จะเปลี่ยนทั้งหมด 4 ชุดค่ะ ซึ่งจะเป็นแบรนด์ของไทยทั้งหมดเลย เป็นความตั้งใจตั้งแต่ตอนเลือกชุดแต่งงาน ว่าจะให้แบรนด์ไทย เพราะตู่รู้สึกว่าคนไทยน่าจะเป็นคนที่รู้จักสรีระของเรามากที่สุด ถ้าเกิดเป็นของฝรั่ง มันต้องมานั่งแก้โน่นนี่นั่น ถ้าใช้แบรนด์ไทยเขาสามารถปักลายให้มันไปตามทรงเราได้เลย ก็เลยเลือกแบรนด์ไทยทั้งหมดค่ะ คือจะมีชุดนี้หนึ่งชุด แล้วก็ชุดที่ยืนหน้าแบ็กดรอป แล้วก็จะมีชุดที่เดินเข้างาน แล้วก็ชุดอาฟเตอร์ปาร์ตี้ค่ะ”
ชุดเดินเข้างานสุดอลังการ ปักเพชร 300 เม็ด ใช้น้ำหนักครึ่งกะรัต ไปจนถึง 2 กะรัต
ตู่ : “คือพอตู่เริ่มทำชุดแต่งงาน ก็คือเริ่มคุยกับสไตลิสต์ทุกคนเหมือนเป็นเพื่อนกันเลย แล้วเขาก็เลยมาแชร์เรื่องราวของเขาให้เราฟัง 2 ปีที่แล้วตอนที่ไปตัดชุดงานหมั้นแต่ง คุณแม่ คุณภัทรสิริ ก็ยังมีชีวิตอยู่ พอผ่านมาถึงตอนนี้ ท่านเสียไปแล้ว ทางคุณนิวที่เป็นดีไซน์เนอร์ ก็เลยเล่าให้ฟัง ว่าคุณแม่เคยทำชุดๆ หนึ่งให้กับมาดามฝรั่งเศสคนหนึ่ง ซึ่งปักด้วยเพชรจริง เราก็เลยได้ไอเดียขึ้นมา ว่ามันได้ด้วยเหรอ ในไทยคิดว่ายังไม่เคยมีใครทำ
เผอิญทำร้านเพชรอยู่แล้ว ก็เลยถามหุ้นส่วนว่า มันเป็นไปได้ไหม การที่เอาเพชรจริงไปเย็บติดกับชุด เราจะหาเพชรจำนวนเยอะมากขนาดนั้นได้ยังไง เขาก็บอกว่าน่าจะใช้ประมาณ 200 เม็ดขึ้นไป ซึ่งเราก็รู้สึกว่าเราจะทำได้ไหม แต่พอคุณกับเพื่อนเขาเทรดเพชรอยู่แล้ว ก็เลยไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเราเลยค่อยๆ คุยว่าเราหาเพชรได้แน่ๆ แต่การที่จะยึดติดกับชุดจะทำยังไง ก็เลยต้องทำกะเปาะพิเศษขึ้นมา เพราะปกติกะเปาะธรรมดามันไม่มีที่ให้เข็มสอดได้ คือต้องทำใหม่ทั้งหมดเลย
การเย็บก็ต้องใช้ด้ายที่เหนียวเป็นพิเศษ เพื่อมั่นใจว่าจะต้องไม่หลุดออกจากชุดสักเม็ดเดียว เริ่มแรกเราวางไว้ที่ 200 เม็ดค่ะ แต่พอใช้ไปจริงๆ ปักแค่ครึ่งด้านหน้าแล้วมันแปลกๆ ก็เลยต้องไปเพิ่มครึ่งหลังทั้งหมด ก็กลายเป็นประมาณ 300 กว่าเม็ดค่ะ ก็มีน้ำหนักตั้งแต่ครึ่งกระรัตไปถึง 2 กะรัตค่ะ ขนาดไม่เท่ากัน”
ชุดนั้นชุดเดียว มูลค่า 100 ล้าน ต้องมีคนเฝ้าหน้าห้อง ห้ามใครเข้าออกก่อนได้รับอนุญาต
ตู่ : “ใช่ค่ะ ชุดนั้นชุดเดียว (ต้องมีคนดูแลเป็นพิเศษไหม?) มีค่ะ วันนี้เราก็มี Security มาช่วยดูแล ก็เฝ้าหน้าห้องค่ะตอนนี้ (หัวเราะ) ห้ามใครเข้าออก เป็นห้องต่างหากที่เราไว้เก็บชุดอย่างเดียวเลย ไม่มีใครเข้าออกทั้งสิ้นค่ะ"
อยากให้เป็นที่จดจำ คนจะได้ไม่ลืมงานแต่งของเรา
ตู่ : “งานแต่งงานมันเป็นงานในฝันของผู้หญิงทุกคน เลยอยากจะหาจุดจำในงานของเรา ให้ทุกคนจำงานเราได้ ก็เลยคิดว่าอันนี้มันน่าจะเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ลืมงานเรา”
มาวิน : “ส่วนผมไม่เอาสักเม็ดเลยครับ ไม่เอาเลยครับ ผมเดินเบาๆ สบายๆ ดีกว่าครับ”
ชุดสวยถูกใจเกินกว่าที่คิดไว้มาก แต่คงเลาะเพชรออกไม่เก็บไว้ทั้งชุด ใส่เสร็จปุ๊บนำออกจากงานทันที
มาวิน : “เลาะออกเถอะครับ อย่าเก็บไว้เลยครับ (หัวเราะ)”
ตู่ : “พอถอดชุดเสร็จปุ๊บ Security ก็จะนำออกจากงานไปเลยค่ะ จะได้ไม่ต้องระวัง ส่วนเรื่องความสวย เอาเป็นว่าเกินที่คิดไว้มาก เกินที่คาดหวังไว้เยอะมาก”
ก่อนจะออกมาเป็นงานวันนี้ มีการปรับเปลี่ยนไปเยอะ เพิ่มสิ่งที่อยากได้เข้าไปเรื่อยๆ
ตู่ : “ก็พอคิดอะไรได้เรื่อยๆ เพราะมันก็ห่างเกือบ 2 ปี ก็จะเติม จะบอกแพลนเนอร์ไปเรื่อยๆ ว่าเราเติมอันนี้ได้ไหม จะเพิ่มไปเรื่อยๆ”
บอกเตรียมชุด นานกว่าเตรียมงาน ต้องรักษาหุ่นให้เท่ากับ 2 ปีที่แล้ว เพราะชุดเป็นโครงอันเดิม
ตู่ : “ชุด จริงๆ อันที่ยากคือต้องรักษาหุ่นให้ใส่ชุดนั้นได้ เพราะชุดจะเป็นโครงของเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ก็ต้องพยายามรักษาหุ่นให้ใส่ได้ เพราะทุกแบรนด์ตั้งใจทำให้เรามากๆ ค่ะ เราก็อยากจะใส่มันออกมาให้สวยที่สุด”
มาวิน : “เราต้องขมิบร่างกายไว้ให้มันคงรูปให้ได้”
ทุกชุดใช้เวลา 5-6 เดือน แต่ชุดปักเพชรจะนานที่สุด
ตู่ : “แต่ละชุดก็ประมาณ 5-6 เดือน อย่างชุดที่ใส่ตอนนี้ ก็คือปักตาแตก เป็นปกติของชุดแต่งงานอยู่แล้วค่ะ แต่ตอนปักเพชรจะช้าที่สุด คือวันสุดท้าย เพราะเราจะไม่เอาเข้าไปในชุดก่อน เขาต้องระดมช่างมา เพื่อจะปักภายในระยะเวลาอันสั้น เพราะเราไม่ได้เอาเพชรไปทิ้งไว้นานค่ะ”
ชีวิตแต่งงาน 1 ปีกว่าที่ผ่านมา แตกต่างกับตอนเป็นแฟนมาก เพราะไม่ทะเลาะกันเลย
ตู่ : “ต่างมาก เพราะว่าไม่ทะเลาะกันเลย”
มาวิน : “ไม่ทะเลาะกันเลยครับ เพราะตอนห่างกัน มันจะมีจังหวะที่ไม่รู้ทำอะไร โทร.ไปไม่รับสาย ถ้าผมรับไม่ทันเขาจะขึ้นทันทีเลย แต่พออยู่ด้วยกันมันก็ไม่ต้องห่าง ไม่ต้องใช้โทรศัพท์ ตื่นมาเห็นหน้าก็จบแล้ว สบาย”
ตู่ : “แต่งงานแล้วไม่ค่อยทะเลาะกัน แล้วก็คุยกันมากขึ้น เพราะเรารู้สึกว่าชีวิตเราน่าจะไปอีกสเต็ปหนึ่งแล้ว ไม่ใช่แฟนที่ไม่พอใจก็คือเลิก เราเลยจุดนั้นมาแล้ว เป็นจุดที่เราต้องใช้ชีวิตร่วมกันจริงๆ แล้ว”
มีความสุขมากที่ได้เจอหน้ากัน ทั้งตอนเช้าและก่อนนอน
มาวิน : “ผมมีความสุขทุกเช้า ก่อนนอนจะจับแขนเขา ตื่นมาก็หอมเขาทุกวัน มีความสุขมาก”
ตู่ : “เขาเป็นคนชอบสัมผัส ต่างจากตู่จะเป็นคนขี้รำคาญ เขาจะชอบกอด ชอบหอม แต่เราจะพอแล้ว กอดนานไปแล้ว”
มาวิน : “แต่เวลาแมวมากอดถ่ายคลิปมาให้ดู แมวได้แต่สามีไม่ได้”
ตู่ : “ได้บ้าง เวลาตู่ไม่อยู่ก็ไล่เตะแมวในห้องเลย (หัวเราะ) เพราะแกใช่ไหม”
คบ 11 ปี ปรับตัวกันได้แล้ว คุยกัยเยอะมาก ด่าคือด่า ไม่ชอบคือไม่ชอบ
ตู่ : “เนื่องจากก่อนแต่งงานเราคบกันมา 11 ปี ตู่กับวินเราเป็นคู่ที่คุยกันเยอะมาก มีอะไรตู่เป็นคนไม่เก็บ ตู่พูดว่าไม่ชอบอันนี้ แก้ได้ไหม ถ้าแก้ไม่ได้จะถามตัวเองว่าตู่อยู่กับสิ่งนี้ได้ไหม หรือเขาปรับให้เราได้ไหมให้เราอยู่กันได้ จะเน้นคุยกันเยอะๆ ด่าก็คือด่าเลย ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ สมมุติเวลาเขาไม่ค่อยมีสติก็ด่าๆๆ ไป จะบอกเขาว่าพรุ่งนี้ฉันจะตื่นมาถามเธอ ว่าฉันพูดอะไรไปบ้าง”
มาวิน : “อันนี้น่ากลัวมาก ผมต้องจำทุกอย่างที่เขาพูดให้ได้ (ภรรยาดุมากเลยใช่ไหม?) โอ้โห จะเหลือเหรอครับ ที่เขาเล่ามาคิดว่าเขาโชว์ความใจดีหรอครับ”
นานๆ ทีจะมีโมเมนต์เป็นพ่อบ้านใจกล้า เพราะเข้าชมรมกลัวเมีย บอกเชื่อเมียแล้วเจริญ
ตู่ : “มีๆ”
มาวิน : “นานๆ ทีที่รัก (เข้าชมรมกลัวเมีย?) แน่นอนเลยครับผม ขอเป็นประธานสมาคมเลยก็ได้ ผมยอมๆ (ดุแต่ก็รัก?) รักมากครับๆ ดุเพราะอยากให้เราได้ดี เชื่อเมียแล้วเจริญ ผมเชื่อคตินี้จริงๆ ครับ”
คำมั่นสัญญาที่ให้กัน คือต่อให้ไม่แต่งงานกัน ก็จะรักกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ
มาวิน : “จริงๆ เคยให้ไว้ตั้งแต่ตอนที่ไม่รู้จะได้แต่งงานกันหรือเปล่า ว่าต่อให้ไม่ได้แต่งงานเราก็จะรักกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ เขาจะอยู่ข้างผม ผมจะอยู่ข้างเขา แต่พอแต่งงานก็รู้สึกว่ามีความสุขจัง มันดีกว่าที่เราคิด แล้วเหมือนเราโตไปด้วยกัน ทำงานไปด้วยกัน ไม่ต้องแยกจากกันเลย ก็คงอยู่ด้วยกันอย่างนี้ไปตลอดชีวิตครับ อีกอย่างที่อยากตอนนี้คือมีลูกครับ”
ตู่ : “แต่เราก็คุยกันแล้วแหละ ว่าถ้าไม่มีเราก็ต้องมีความสุขนะ แต่ถ้ามีก็ถือว่าเป็นโชคดีของเรา”
เริ่มวางแพลนเรื่องลูก ปรึกษาทั้งหมอที่โรงพยาบาลและหมอดู
ตู่ : “ตอนนี้ก็ปรึกษาคุณหมอค่ะ ทั้งหมอและหมอดู ทั้ง 2 ทาง แล้วก็จะเริ่มจริงจังมากขึ้นหลังจากงานนี้ค่ะ”
มาวิน : “ใช่ ผมรู้สึกว่าตู่เขายังไปไม่สุดเพราะเขาอยากให้งานมันเกิดขึ้นจริง ถ้าเกิดท้องแล้วชุดจะยังไง”
ตู่ : “ใช่ ก่อนหน้านี้กังวลว่าจะท้องหรือจะฉลองแต่งก่อน แล้วโควิดก็ขยับไปมา หลังจากนี้ก็น่าจะจริงจังมากขึ้นค่ะ แต่จริงๆ ก่อนหน้านี้ก็เริ่มปรึกษาคุณหมอแล้วค่ะ”
อยากได้แฝดหญิง เพราะทีละคนคงไม่ทัน แต่ตอนนี้อะไรก็ได้ เพราะหมอบอกเป็นเคสยาก เนื่องจากอายุเยอะเกินเกณฑ์และไม่เคยเก็บไข่
ตู่ : “คุณหมอบอกว่าเคสเราก็เป็นเคสที่ยากเนื่องจากอายุเยอะแล้ว และไม่เคยได้ทำการเก็บไข่อะไรมาก่อน แล้วก่อนหน้านี้เราไม่รู้ว่าจะได้แต่งงานหรือเปล่า เลยไม่ได้แพลนอะไรเลย พอมาถึงจุดที่ต้องเริ่มทำเลยรู้สึกว่า เราอายุค่อนข้างเยอะเป็นเกณฑ์ที่เลยไปเยอะแล้วค่ะ คุณหมอก็บอกว่าเป็นเราที่ค่อนข้างยาก ก็น่าจะวิธีวิทยาศาสตร์”
มาวิน : “ใช้ทุกวิธีเลยครับ เอาหมดเลยครับ อยากได้ลูกผู้หญิงครับ ผมชอบเด็กผู้หญิงมาก”
ตู่ : “ก็ใช้ทุกวิธี ตอนแรกเราไม่อยากได้แฝดค่ะ แต่พอด้วยช่วงเวลาที่เลยมาเยอะ ก็อาจจะรู้สึกว่ามีทีละคนไม่ทัน เพราะเราอยากมีลูก 2 คน ก็เลยคิดว่าอาจจะแฝดเดี๋ยวต้องปรึกษาคุณหมอก่อนว่าร่างกายเราจะไหวหรือเปล่า (แฝดชายหญิง?) จริงๆ อยากได้ลูกผู้หญิงค่ะ แต่ตอนนี้ใครมาก็ได้ค่ะ ขอให้มา”
ความเครียดจากงาน มีส่วนในการเตรียมตัวมีลูก
ตู่ : “ใช่ๆ มีส่วนเพราะไม่ได้หยุดทำงานเลย ตอนนี้เปิดละคร 2 เรื่อง ปีหน้าก็จะเปิดอีกเรื่องหนึ่ง งานค่อนข้างเยอะ ”
มาวิน : “มีส่วนครับ 2 ปีที่ผ่านมาก็ทำเพจกระจายเลย แตกหน่อทำหลายสิ่งอย่างมาก ทั้งร้านอาหารด้วย ละครด้วย ผมว่าเดี๋ยวพอเรื่องงานแต่งผ่านไปก็จะเบาขึ้นเยอะ เพราะช่วงประมาณครึ่งปีนี้วนกับงานแต่งเยอะมาก เมื่อวานยังเพิ่งรู้ว่า บางท่านการ์ดยังตกหล่นเลย ซึ่งเราส่งไปแล้วทำไมไม่ถึง มีปัญหารายวัน ถ้าตรงนี้จบไปได้ เรื่องปัญหาที่กองถ่ายตู่เขามรโปรดิวเซอร์เก่งๆ คอยซัปพอร์ตอยู่แล้ว ส่วนเรื่องเพจผมเป็นคนจัดการเอง คิดว่าน่าจะมีเวลาเตรียมมีทายาท”
ตู่ : “เรื่องเพจเป็นเรื่องที่ค่อนข้างหนักมากของเรา เพราะคนอื่นอาจจะเล่นแค่ช่องทางเดียว แต่ว่าเราทำทั้งเฟซบุ๊ก ยูทิวบ์ ไอจี ติ๊กต๊อก คือเล่นทุกสื่อและลงทุกวัน วินถ่ายเองตัดเอง ก็เลยเป็นอะไรที่ค่อนข้างหนักมาก”
ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ลูกมาปีนี้เลย
ตู่ : “ถ้าเขามาก็อยากให้มาเลยค่ะ เพราะตอนนี้เริ่มคิดเยอะกัน เริ่มคิดคำนวณถ้าเรามีลูกปีนี้ ลูกอายุเท่านี้เราอายุเท่าไหร่ เขาจะรับปริญญาตอนนี้ แล้วเราจะอายุเท่าไหร่ คิดไปถึงวันที่เขาแต่งงานเรายังอยู่ใช่ไหม (หัวเราะ) ก็เริ่มคิดแล้ว”
มาวิน : “อย่างบ้านใหม่ที่เรากำลังสร้างอยู่ เฟอร์นิเจอร์ก็เริ่มคิดแล้ว ว่าถ้าเราจะเอาตัวนี้ แล้วถ้ามีลูกต้องเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไหม หรือต้องยังไงหรือเปล่า”
ด้านเรือนหอเสร็จล่าช้าไปอีก 3 เดือน เหตุรีโนเวตใหม่ทั้งหมด เพราะทำไว้ถ่ายรายการด้วย คาดเข้าอยู่ได้มีนาคมปีหน้า
มาวิน : “เรื่องการออกแบบทำให้ล่าช้าไป 3 เดือน แล้วก็ช่วงนี้ฝนตกหนักจริงๆ ผมซื้อบ้านหลังนี้กำแพงรอบๆ บ้าน ผมทุบทิ้งทั้งหมด ขยายออกทำเป็นตามใจฝันหมดเลยก็เลยใช้เวลาในการทำนานมาก ถ้าตัวบ้านตอนนี้ก็ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ ข้างบนชั้น 2 ก็ทุบ แต่เราต้องการโครงเขาไว้ แต่ก็ดีนะ ข้างๆ บ้านก็ถือโอกาสรีโนเวทไปด้วย”
ตู่ : “เราจะใช้บ้านในการถ่ายรายการด้วย ก็เลยมีการทุบค่อนข้างเยอะเพื่อที่จะให้บ้านหลังหนึ่งมีพื้นที่ถ่ายรายการได้หลายๆ มุม ตอนนี้ก็ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ เพราะเราทุบเยอะ บ้านอื่นเขางงไปหมด มีเพื่อนบ้านที่เป็นนักออกแบบ เขาก็มาถามว่ามีปัญหาเรื่องแบบหรือเปล่า ทำไมถึงทุบไม่เหลือผนังเดิมอยู่เลย ก็บอกเขาว่าไม่ได้ปัญหา แต่อยากทุบจริงๆ(หัวเราะ) ถามว่ามีขีดจำกัดไหม ก็จะเข้าอยู่มีนาคมปีหน้า (2566)”
มาวิน : “ตอนแรกเราแพลนไว้ว่าจะประมาณธันวาคมปีนี้ แต่ขยับไป 3 เดือน ซึ่งไม่เป็นไรครับ ก็เตรียมตัวเพราะว่าก็ดีครับ เพราะเฟอร์นิเจอร์บางตัว บางอย่าง บางรุ่น ก็มีใหม่ ๆ เข้ามา ก็อาจจะเหมาะกับบ้านเรา บางชิ้นก็ต้องรอเพราะนำเข้า”
แพลนฮันนีมูนยังไม่ได้คิด เพราะมีละครอยู่ 2 เรื่อง ไปไหนนานไม่ได้
ตู่ : “ยังไม่ได้คิดเลย แต่ว่าหลังจากแต่งงานมีแพลนว่าจะไปญี่ปุ่น ก็น่าจะไปแค่ญี่ปุ่นก่อน อย่างที่บอกเปิดละครไว้ 2 เรื่อง ไปไหนนานไม่ได้”
มาวิน : “ปีหน้ากะว่าจะไปยุโรป”
เผยความในใจถึงกันและกัน พร้อมซัปพอร์ตทุกความฝันจากนี้
มาวิน : “ผมโชคดีที่ได้เขามา โชคดีจริงๆ เขาน่ารักมาก ผมรักเขามากๆ เขาเป็นกำลังใจที่สำคัญให้ผม ใช่ เขาดุ แต่ที่เขาดุเพราะว่าบางอย่างผมเป็นผู้ชายเกินไป อาจจะละเลยเกินไป ผมรู้สึกว่ามีเขาได้ทั้งเพื่อน ได้ทั้งเมีย ได้ทั้งแม่ ในคนเดียว ครบมากครับ (หัวเราะ)
นี่คือชมๆ ผมดีใจที่มีเขาเป็นผู้นำในชีวิตของผม ผมชัดเจนมากครับ ผมแฮปปี้ ผมมีความสุขมากๆ ครับ ถ้าซึ้งๆ ก็ รักนะที่รัก ปีที่ 14 แล้ว สุดท้ายก็ฝันเป็นจริง วันที่จะจัดงานแต่ง ผมบอกเขาเลยว่า งานนี้มันต้องเกิดนะ อยากให้เขาทำตามใจฝัน เขาจะทำอะไรอะไรทำเต็มที่เลย ผมพร้อมซัปพอร์ตเขาหมด เพราะว่าคือความฝันของเขา แล้ววันนี้ผู้ชายคนนี้ทำให้ได้แล้ว มาถึงตรงนี้แล้ว รักนะคะ”
ตู่ : “สำหรับตู่ ก็อย่างที่ตู่บอกไปก็คือ จริงๆ ตู่ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้แต่งงาน วันที่เขาขอคนที่เห็นคลิปจะทักเลยว่าทำไมร้องไห้เร็วมาก เห็นปุ๊บน้ำตาหยดเลย เพราะอย่างที่บอกว่าไม่เคยคิดเลย ว่าจะมีวันที่เขาจะมาขอเราแต่งงานได้ รู้สึกว่าตั้งแต่แต่งงานกับเขามา ความสุขในชีวิตเรามันเกิดง่ายจัง กินข้าวด้วยกันมื้อหนึ่งมีความสุขมากเลย ความสุขเกิดขึ้นทุกวันและง่ายดายมาก โดยที่ไม่ต้องดิ้นรนหามันมันอยู่ข้างๆ เรา”
เคยคิดคงไม่มีโอกาสโดนขอแต่งงาน เพราะหน้าที่การงานของฝ่ายชายไม่มั่นใจคง
ตู่ : “คือก่อนหน้านี้วินเป็นนักแสดง นายแบบ ซึ่งมันก็เป็นชีวิตที่พูดง่ายๆ คือขึ้นอยู่กับคนอื่นจะมีงานเข้ามาไหม ไม่ได้มีรายได้ที่มันสม่ำเสมอต่อเดือน เข้ามาเท่าไหร่ จนมาเริ่มทำเพจนี่แหละ ที่เรารู้สึกว่าเราค่อนข้างคอนโทรลตัวเองได้ เราเริ่มคำนวณได้ ว่าต่อเดือนมันจะมีรายได้เท่าไหร่ เราควรมีเงินเก็บเท่าไหร่ มันถึงได้มองถึงอนาคตได้ ก่อนหน้านั้นมันเหมือนใช่วันต่อวัน”
มาวิน : “ก่อนหน้าเล่นละครมาเป็น 10 ปี พูดจริงๆ นะครับ คนยังทักผมผิดเลย ทำให้เราไม่มีความมั่นใจในตัวเองไปเลย แล้วเราก็อายุเยอะขึ้นทุกวันเด็กใหม่ๆ เขาก็ต้องขึ้นมา พอเรามาทำเพจเรื่องการกินมันทำให้เราเริ่มมองเห็นทาง ทำสิ่งที่เรารักก่อนเป็นตัวเองเลยให้ทุกคนมาสนุกไปด้วยกัน พอมันเริ่มดีขึ้น ผมขอบคุณโควิดจริงๆ นะ ที่เข้ามาเพราะมันทำให้ผมสู้สุดๆ เลย เพราะว่าไปรีวิวข้างนอกไม่ได้ ช่วยคนสิเอาของเขามารีวิวที่บ้าน เข้าครัวสิ ช่วยคนให้มีรายได้สิ ตอนนั้นมันทำให้มันสตาร์ทตัวตั้งขึ้นมาได้เลย แล้วทำให้เรามั่นคงทำให้เราแตกหน่อไปทำธุรกิจอื่นได้ ไปทำร้านอาหาร”
ตู่ : “คือเริ่มมีเงินก็เริ่มไปลงทุนธุรกิจอื่นๆ”
มาวิน : “เริ่มมั่นใจว่าผมพอเห็นทางว่าได้เขามาอยู่ข้างๆ ผมแน่นอน”
ตู่ : “ตู่กับวินพูดได้เลยว่า เราสองคนเป็นคนที่ทุกอย่างหารครึ่ง เราอาจจะเป็นคนที่เติบโตมามีต้นทุนที่ดีกว่าเขา ดังนั้นตู่ไม่ได้สนใจว่าเขาต้องออกให้เรา ผู้ชายต้องเป็นคนจ่าย คือตู่ไม่ได้เป็นคนอย่างนั้น ขณะเดียวกันตู่ก็ไม่ได้ออกให้เขานะ ถ้าเรากินได้เท่านี้ก็กินเท่านี้ หารครึ่งกัน แต่จะไม่ไปกินแพงๆ แล้วฉันจ่ายให้เธอ ตู่ไม่ทำ งานแต่งงานก็เหมือนกัน ไม่มายด์เลยกับการหารครึ่งกัน แต่ตู่จะไม่ใช่คนที่ออกทั้งหมด เพื่อให้ตู่ได้แต่งงาน”
พอเริ่มคำนวณเงินในบัญชีได้ ก็มองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ว่าเราดูแลเขาได้แน่นอน
มาวิน : “ตอนที่ผมเริ่มคำนวณเงินในบัญชีได้แล้วว่าผมสามารถซัปพอร์ตเขาได้ งานทุกงานที่ผมได้เงินจากการรีวิวมาทั้งหมดครึ่งหนึ่งเป็นของเขา มันเป็นหน้าผมมันเป็นชื่อผมขึ้นมาปุ๊บผมจะโอนให้เขาทันทีเลยผมมีเงินให้เขาทุกเดือน มันมาถึงจุดนี้แล้วที่เราดูแลเขาได้ ผมแฮปปี้ผมเลยกล้าขอเขาแต่งงานครับ มันมีจุดมั่นคงมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์”
ตอนนี้ก็เลยให้เขาทั้งหมดแล้ว
มาวิน : “ได้ครับ (ตะกุกตะกัก) อยู่ๆ ลิ้นเปลี้ยหมดแล้ว ทุกวันนี้ผมก็ให้เขาดูบัญชีอยู่แล้วครับ ผมจะถามเขาว่า ที่รักอันนี้ผมซื้อได้ไหม”
ตู่ : “คือเงินจะอยู่ที่เขา เราจะไม่เป็นครอบครัวที่เงินทุกอย่างจะต้องอยู่กับภรรยา ตู่รู้สึกว่าบางทีเขาอาจจะอยากใช้จ่ายส่วนตัว จะซื้อของอะไรของเค้าเราไม่อยากไปบีบบังคับขนาดนั้น แต่ต้องขออนุมัติ ทำเรื่องเสนอก่อน เหตุผล (อนุมัติยากไหม?) ไม่ยาก”
มาวิน : โอ้โห…ไม่ยาก แต่บอกว่าแล้วแต่เธอสิ ก็ไม่กล้าซื้อเลยครับ บัตรไม่กล้าใช้นั่งนิ่งๆ เลย (ความหมายนี้เท่ากับ?) โนแต่ก็ดีใจที่เขาให้ผมมีเงินเอาไว้จะได้แอบไปซื้อของเล่นกระจุกกระจิกไม่ให้เขารู้”
ตู่ : “เขาจะมีมุมรกของเขาหนึ่งมุม ที่ตู่จะไม่ยุ่งเลย คือตามธรรมเนียมบ้านตู่ แต่งแล้วเขาจะย้ายเข้ามาที่บ้าน ตู่เป็นคนมีระเบียบมากทุกอย่างเป๊ะๆ แล้วพอเขามาอยู่ ก็วางของรกไปหมด แล้วตู่รู้สึกว่าตู่เครียด แต่จะให้เขามาเป๊ะแบบเรา เขาก็จะเครียดเหมือนกัน ก็เลยจัดมุมให้เขาไปมุมหนึ่งเลย ให้ถมเลย ฉันจะมองข้ามไป”
มาวิน : “ขอโทษนะครับ มุมนั้นเล็กกว่าโต๊ะนี้ แล้วดูแมวเธอสิ มีแต่ที่แมวเต็มไปหมด แต่ก็โอเคครับ ไม่เป็นไร ยังดีที่เขาไม่ห้ามผมซื้อเสื้อฮาวาย (หัวเราะ)”
