“ลูกเกด เมทินี” เผยที่ “บอล เชิญยิ้ม” มาดมรักแร้ตน เป็นแค่คอนเท้นต์ที่ตั้งใจทำเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีเลย ยืนยันตนไม่ได้ถูกคุกคามแน่นอน ขอให้แยกแยะก่อนจะทัวร์ลงว่าการคุกคามคืออะไร พร้อมขอแสดงเสียใจกับคุณแม่ทุกคนที่สูญเสียลูกจากเหตุการณ์กราดยิงที่ผ่านมา
ออกมาตอบคำถามที่หลายคนสงสัยแล้วว่าโดนตลกหนุ่ม “บอล เชิญยิ้ม” คุกคามจริงหรือเปล่า สำหรับนางแบบสาว “ลูกเกด เมทินี กิ่งโพยม” ที่มีคลิปออกมาขณะที่หนุ่มบอลกำลังดมรักแร้ จนหลายคนมองว่าซ้ำรอยครั้งที่ “ลีน่า จัง” ดมรักแร้หนุ่ม “ยุ่น ภูษณุ วงศาวณิชชา” จนติดแฮชแท็ก #แบนลีน่าจัง ขึ้นมา เพราะกลายเป็นประเด็นว่านางแบบสาวโดนคุกคาม ทัวร์ก็เลยไปลงที่บอลชุดใหญ่ทีเดียว
ซึ่งสาว ลูกเกด ก็ได้ออกมาเผยถึงเรื่องนี้ในงานแฟชั่นโชว์ Muse by Metinee x centralwOrld Showcase: The Fashion Citizens 2022 ณ โซน Balcony ชั้น 3 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ยืนยันว่าไม่ใช่การคุกคามแน่นอน เพราะเป็นการตั้งใจทำคอนเท้นต์ร่วมกันให้ดูสนุกสนาน
“มันมีหลายกระแสเหรอ เกดก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นกระแส จนเมื่อวันก่อนเกดไปงานที่เซ็นทรัลนี่แหละ และมีนักข่าวมาถาม ก็ยังไม่รู้ว่ามีทัวร์ลง ตกลงบอลมีทัวร์ลงเหรอ สำหรับเกดอยากจะบอกว่าการคุกคามเราต้องแยกแยะ การที่ใครจะมาทำอะไรเราโดยที่ไม่ขออนุญาตและเราไม่ยินยอม ในฐานะที่เป็นผู้หญิงหรือเพศอะไรใดๆ ทั้งสิ้น ถ้ามาทำอะไรที่ไม่เหมาะสมและเราไม่ได้ยินยอมและเราไม่พอใจ อันนั้นคือเป็นการคุมคาม
แต่วันนั้นบอล เชิญยิ้มมาในรายการ fake or not ถ่ายรายการเสร็จแล้วเราสนุกสนานกันมาก และเราคิดว่าเราอยากจะถ่ายคอนเท้นต์ เราจะทำอะไรดี เราก็เอาให้ฮา ให้ตลก เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรที่เกดไม่ยินยอมเลย เพราะเกดก็รู้จักบอลด้วย เพราะฉะนั้นเกดอยากจะให้แยกแยะว่าคุกคามคืออะไร อาจจะดูไม่เหมาะสมอันนี้ก็ต้องขออภัยด้วยถ้าใครดูแล้วรู้สึกว่าไม่เหมาะสมนะคะ
แต่จริงๆ แล้วเราทำเพื่อความสนุกสนาน เป็นคอนเท้นต์ ไม่มีอะไร และต้องดูคลิปให้จบ ไม่ได้มีการถูกบังคับหรืออะไรนะคะ อยากจะรู้เหมือนกันถ้าเกดไปดมจักกะแร้ของบอลจะถือว่าคุกคามไหม (อย่างงกรณีลีน่าจังที่ไปดมรักแร้ ก็ยังโดนแบนเลย) เหรอคะ ก็ไม่อยากให้ถึงขั้นแบนหรอกนะ ก็รู้สึกว่าเราอยากจะทำอะไรที่สนุกสนาน ถ้าใครดูแล้วรู้สึกว่าคุกคามก็ต้องขอโทษตรงนี้ด้วยนะคะ เพราะว่าเกด บอลหรือรายการ fake or not ไม่ได้อยากจะทำให้ใครรู้สึกว่ารู้สึกไม่สบายใจ จริงๆ เราตั้งใจจะทำอะไรที่ขำๆ น่ะค่ะ”
เผยรายการ fake or not เป็นรายการแนว 18+ อยู่แล้ว
“จริงๆ แล้ว fake or not เป็นโลกที่โอเวอร์มากสำหรับคนที่อายุ 18+++ มากๆ เลย เพราะฉะนั้นจะเข้าใจเลยว่าบรรยากาศมันเพิ่งถ่ายรายการเสร็จ และทุกอย่างที่เราคุยกันในวันนั้นมันก็จะเป็นอะไรที่สำหรับผู้ใหญ่ เราก็ไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ยังไงทัวร์ก็อย่าลงเลย เราไม่ได้ตั้งใจทำอะไรให้ใครรู้สึกไม่ดีค่ะ
แต่ก็ยังไม่ได้เจอกับบอล ยังไม่ได้คุยอะไรกันเลย เกดกับบอลจะเจอกันเฉพาะเวลาเราไปทำงานด้วยกัน ไปถ่ายรายการด้วยกัน แต่เดี่ยวคงลองส่งแมสเซจ ลองโทรไปหาบอลดูค่ะ ถามว่ากระทบกระเทือนกับการทำงานไหม เกดคิดว่าด้วยบุคลิคของเกด คนที่ติดตามเกดมาจะรู้ว่าเกดมีหลายคาแรคเตอร์ มันแล้วแต่งานที่เกดทำ อย่างเวลาที่เกดเป็นครู ก็จะเป็นครู เวลาถ่ายละครเกดก็จะอยู่เป็นคาแรคเตอร์นั้น แต่ตัวเกดเองก็จะเป็นคนขำๆ ทะลึ่งๆ นี่คือตัวตนของเกด
อย่าง fake or not ก็จะเว่อร์วัง เพราะว่าต้องไปสู้กับป้าตือ (สมบัษร ถิระสาโรช) มันก็จะมีหลายบทบาท หลายคาแรคเตอร์ ฉะนั้นเวลาดูอะไรก็ต้องแยกแยะคาแรคเตอร์ด้วยนะคะ (ยิ้ม) แต่จริงๆ แล้วเกดก็ไม่ได้เป็นคนที่พยายามทำอะไรเพื่อให้ทัวร์ลงหรือมีกระแสทางลบอยู่แล้ว ไม่มีใครอยากทำอะไรให้ดูไม่ดีหรอก เกดเชื่ออย่างนี้นะคะ”
บอกขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวที่สูญเสียบุตรหลานในเหตุการณ์ถูกกราดยิง แต่ตนก็มั่นใจในโรงเรียนของลูกว่าจะต้องมีมาตรการที่เข้มขึ้นแน่ๆ
“สำหรับเกดกับคุณพ่อน้องสกายไม่ได้รู้สึกเลยว่าเราอยากจะเอาลูกไว้อยู่ที่บ้าน เรารู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นอะไรที่แย่มาก ก็เป็นกำลังใจกับคุณพ่อคุณแม่ที่สูญเสียลูกไปนะคะ แต่จริงๆ แล้วชีวิตต้องเดินต่อไปนะคะ สำหรับเกดก็ต้องไว้ใจโรงเรียนที่ส่งน้องสกายไปเรียน กับสิ่งที่เกิดขึ้นเขาก็ต้องทำให้การรักษาความปลอดภัยของทุกคนที่ไปเรียนให้มันปลอดภัยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นวิธีไหน เขาก็จะต้องดูและทบทวน เพราะมีสิ่งนี้เกิดขึ้น
เหมือนอย่างเวลามีไฟไหม้ เขาก็จะมีซ้อมกันว่าปีละ 2 ครั้งว่าถ้าเกิดสิ่งนี้ขึ้น เราจะทำยังไง มันก็ควรจะมีสิ่งนี้เกิดขึ้น เพราะถ้ามีคนแบบนั้นเข้ามาทำอะไรไม่ดี เด็กๆ ก็จะได้รู้ว่าต้องทำตัวยังไง แต่มันก็พูดยากนะคะ ถ้าเป็นอเมริกาเราจะเห็นข่าวแบบนี้เยอะ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในเมืองไทย ยังไงก็ตามเราควรจะมองเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องจริงจัง เพราะโลกนี้มันมีคนเยอะ
คือเกดไม่ได้อยากจะให้ลูกต้องโฮมสคูลนะคะ น้องสกายเป็นนักว่ายน้ำ และถึงน้องสกายไม่ได้เป็นนักว่ายน้ำ ก็จะไม่ให้โฮมสคูลด้วย เพราะเกดก็ไว้ใจโรงเรียนของน้องสกายว่าระบบรักษาความปลอดภัยของเขาก็จะดี เขาก็จะยกระบบรักษาความปลอดภัยขึ้นไปอีกระดับนึง แต่เรื่องนี้ก็คุยกับลูกอยู่นะคะ เล่าให้ลูกฟัง ก็อธิบายกับเขาว่าสิ่งนี้มันเกิดขึ้น ถ้ามีสิ่งนี้เกิดขึ้นหนูต้องทำยังไง เราก็คุยกันค่ะ และเกดเชื่อว่าที่โรงเรียนเขาก็คุยด้วย”