“ซาร่า ชัชชญา” เผยหมอสันนิษฐานวูบบนรถไฟฟ้าเพราะพักผ่อนน้อย และขาดออกซิเจน ส่วนเรื่องโดนป้ายยา พี่ๆ ที่รู้จักแค่พูดให้กำลังใจ ไม่อยากให้คิดมาก ลั่นตอนนี้รอคลิปจากตำรวจเพื่อเอาไปยื่นกับทางมหาวิทยาลัยเพื่อขอสอบใหม่
หลังจากที่วูบหมดสติบนรถไฟฟ้า จนทำให้คนในวงการและแฟนคลับเป็นห่วง “ซาร่า ชัชชญา เจริญจันทร์” นางเอกช่อง 8 ที่กำลังมีผลงานซีรีส์ “เจนนี่ กลางวันครับ กลางคืนค่ะ” ก็ได้เล่าเหตุการณ์ที่วูบบนรถไฟฟ้าให้ฟังละเอียดยิบ พร้อมบอกถึงสาเหตุที่ตนอาจจะพักผ่อนน้อย ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าโดนป้ายยา
“เริ่มแรกคือเราขึ้น BTS เพื่อจะไปสอบที่มหาวิทยาลัย ที่ท่าพระจันทร์ ปกติไปประจำอยู่แล้ว ก็นั่งจากคูคตไป 5 แยกลาดพร้าว แต่พอขึ้นไปบนรถไฟฟ้าแล้วรู้สึกง่วง ปวดท้อง ปวดหัว จะอ้วก หายใจไม่ออก ด้วยความที่วันนั้นคนเยอะมาก เราได้ยืนตลอดจนถึง 5 แยกลาดพร้าว ระหว่างทางคนก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ เรารู้สึกหายใจไม่ออก พยายามจะดึงมาสก์ออกมาเพื่อหายใจ
พอถึงสถานี 5 แยกลาดพร้าวเราก็เตรียมตัวลง เพราะรู้สึกไม่ไหว จะอ้วกจริงๆ ก็ยกกระเป๋าออกจากไหล่เราแล้วภาพก็ตัดไปเลย ล้มใน BTS รู้สึกตัวอีกทีคือมีพี่พลเมืองดี 2 คนยกเรามา เราลืมตาขึ้นมาแบบเบลอๆ เขาก็พยุงเราออกมา แล้วเขาก็ขึ้นรถไฟไปต่อ ตอนนั้นเราสติไม่ค่อยจะมี ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ก็มีพี่ๆ พนักงาน BTS แห่กันมาช่วย พาไปห้องพยาบาล ให้กินน้ำแดง ดมยาดมจนอาการดีขึ้น แล้วเราก็นึกขึ้นได้ว่าเราต้องไปสอบ พอดูเวลาแล้วรู้สึกว่าอาจจะไปทัน เลยรีบวิ่งขึ้นรถไฟไป ไปได้ถึงสถานีบางโพ ก็ไปไม่ทันแล้ว เพราะมันเลทได้แค่ 30 นาที เลยกลับมาสถานี 5 แยกลาดพร้าวเพื่อขอดูกล้องวงจรปิด เราต้องเอาคลิปวิดีโอเพื่อไปเป็นหลักฐานยืนยันว่าเรามีอุบัติเหตุจริงๆ
เขาก็บอกว่าไม่ได้ ต้องไปแจ้งความก่อนว่าขอดูกล้อง เพราะมันมีข้อกฎหมาย พรบ.คอมพิวเตอร์ ก็เลยทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยภายในวันนั้น แล้วก็กลับบ้านอาบน้ำ เพราะมันร้อน ฝนตก แฉะไปทั้งตัว เสร็จแล้วก็ไปหาหมอ”
หมอวินิจฉัยว่าอาจจะพักผ่อนน้อย หรือ ขาดออกซิเจน ส่วนเรื่องป้ายยาเป็นเรื่องที่พูดกันเพื่อไม่ให้ตนคิดมาก
“หมอวินิจฉัย 2 กรณี คือพักผ่อนน้อย กับ ขาดออกซิเจน กับกรณีป้ายยา เป็นการพูดคุยกันกับพี่ๆ ที่เขาเป็นห่วง เขาโทร.เข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น อาการเป็นยังไง เขาก็ให้กำลังใจว่าอย่าไปคิดมาก มองในแง่ร้ายก็อาจจะโดนป้ายยา ซึ่งเป็นคำพูดที่เหมือนเขาไม่อยากให้เราคิดมาก เราเองก็ไม่รู้หรอกว่าป้ายยามันคืออะไร เพราะเราก็ไม่เคยเป็น ขนาดเป็นลมเรายังไม่เคยเป็นเลย เพิ่งมารู้ก็กับเหตุการณ์นี้ว่าเป็นลม วูบ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง
กรณีป้ายยา คุณหมอที่สนิทกับคุณแม่เขารู้แหละว่าเราเป็นอะไร เขาก็บอกไม่ต้องคิดมาก ถ้าคิดในแง่ร้ายก็คืออาจจะโดนป้ายยา เราไม่รู้หรอกว่ามันมีจริงไหมหรือไม่มีจริง เราเป็นเด็กวัยรุ่น เราไม่รู้ว่าสมัยก่อนที่มันมีจริงรึเปล่าก็ไม่รู้ แล้วมันเป็นยังไง ที่พูดเรื่องป้ายยาขึ้นมาเป็นคำพูดที่เขาให้กำลังใจว่าถ้ามองในแง่ร้าย อย่าไปคิดมากว่าเราจะป่วย”
ลั่นหากโดนป้ายยาจริง ตนก็ได้ทำลายหลักฐานไปแล้วตอนอาบน้ำ
“ไม่ได้คิดเลยไปอาบน้ำ คือพออาบน้ำไปแล้วต่อให้มันจะมีแบบนั้นเกิดขึ้นมันก็ไม่ทันแล้ว วันนั้นเราใส่สเวตเตอร์ตัวใหญ่ แล้วมันร้อน แล้วมาตากฝนอีก ถ้าไม่สบายไปอีกมันจะงานหนัก เลยกลับบ้านไปอาบน้ำ แล้วก็ไปหาหมอตรวจ หมอก็บอกว่าถึงมันจะเกิดขึ้นจริงมันก็ตรวจไม่เจอหรอก เพราะเราได้ทำลายหลักฐานไปหมดแล้ว ซึ่งหมอที่ตรวจบอกว่ามันไม่มีหรอกเรื่องป้ายยา การป้ายยามันเป็นคำพูดที่หลายๆ คนพูดกับเรา ซึ่งเรายังพูดกลับไปเลยว่าแล้วป้ายยามันเป็นยังไง
บอกกับคนที่คิดว่าตนโดนป้ายยาจริงๆ
“การที่เราจะโดนทำร้าย เราไม่รู้หรอกว่ามันจะมาในวิธีไหน เป็นไปได้เราก็ควรจะดูแลตัวเองให้ปลอดภัย ต่อให้อยู่ในที่ที่มันไม่เสี่ยงเราก็ไม่รู้หรอกว่ามันมีจริงหรือไม่มีจริง เราพิสูจน์ไม่ได้ ก็อยากให้ทุกคนดูแลตัวเองกันดีๆ ไม่ว่าจะไปอยู่ในสถานที่ที่เราคิดว่าเราปลอดภัยแล้วแต่จริงๆ มันอาจจะไม่ปลอดภัยก็ได้
เราไม่รู้เลยว่าร่างกายเราจะเต็มร้อย จะโอเคมากแค่ไหน พร้อมที่จะออกไปเผชิญโลกรึเปล่า ก็อยากจะให้ทุกคนระวัง ดูแลตัวเองให้ดีๆ บนรถไฟฟ้ามันเป็นที่ที่ไม่ถ่ายเท แล้วช่วงนี้อากาศก็เปลี่ยนแปลงตลอด ถ้าเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก มีอาการแบบเราให้บอกคนข้างๆ ขอความช่วยเหลือว่าเราหายใจไม่ออก ให้ลงสถานีที่ใกล้ที่สุด เราไม่รู้เลยว่าถ้ายังนั่งต่อไปเราอาจจะวูบ หัวกระแทกพื้น”
ตอนนี้ยังไม่ได้คลิป ซึ่งตนรออยู่เพื่อจะไปยื่นเรื่องกับมหาวิทยาลัยเพื่อขอสอบใหม่
“ยังเลยค่ะ ต้องรอเรื่องจากพี่ๆ ที่สถานีตำรวจ ให้พี่ร้อยเวรไปเอาให้ซึ่งเราไม่รู้ว่าเขาไปเอามาให้เรารึยัง ต้องรอประมาณ 7 วัน ก็ต้องเอาคลิปที่ได้จากซีดีที่พี่ตำรวจไปเอามาให้ไปยื่นว่าเราเป็นลมจริงๆ นะ รวมถึงมีข่าวออกมาก็คงพอจะเป็นหลักฐานให้ได้ว่าเราเป็นลมจริงๆ ในส่วนใบรับรองแพทย์ เราไม่ได้เป็นอะไร ทุกอย่างปกติ แค่เราไปตรวจเช็กเพื่อความมั่นใจว่าเราไม่ได้ป่วยเป็นโรคอะไร ต่อให้เราจะเอาใบรับรองแพทย์ไปยื่นเขาก็บอกให้ไม่ได้ว่าเราป่วย เราก็แอบกดดันนะ เราเป็นลม เราจะไปบอกที่มหาวิทยาลัย ที่เขาคุมสอบว่าเราเป็นลมยังไง เราไม่ได้รถชน ขาหักนิ
ก็ถามกับทางมหาวิทยาลัยไปเหมือนกันว่าถ้าจะขอสอบใหม่ต้องทำยังไง เป็นไปได้ก็อยากจะให้เรื่องมันเร็วที่สุด ทางมหาวิทยาลัยเขาไม่ได้ซีเรียสว่าเราจะต้องเร็วแค่ไหน แต่มันต้องภายในเทอมเพราะต้องทำคะแนน เราก็เองเครียดมาก เพราะคะแนน 25% อยู่ที่ข้อสอบ เลยต้องทำนั่นทำนี่ เพราะเราซีเรียสกับเรื่องคะแนนสอบจริงๆ เพราะถ้ามันหายไปเราอาจจะได้อีกเกรดที่ไม่ดีเลย”
เตือนแฟนๆ เวลาขึ้นรถไฟฟ้า
“เราไม่รู้เลยว่าร่างกายเราจะเต็มร้อย จะโอเคมากแค่ไหน พร้อมที่จะออกไปเผชิญโลกรึเปล่า ก็อยากจะให้ทุกคนระวัง ดูแลตัวเองให้ดีๆ บนรถไฟฟ้ามันเป็นที่ที่ไม่ถ่ายเท แล้วช่วงนี้อากาศก็เปลี่ยนแปลงตลอด ถ้าเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก มีอาการแบบเราให้บอกคนข้างๆ ขอความช่วยเหลือว่าเราหายใจไม่ออก ให้ลงสถานีที่ใกล้ที่สุด เราไม่รู้เลยว่าถ้ายังนั่งต่อไปเราอาจจะวูบ หัวกระแทกพื้น
ก็อยากจะตามหาพี่พลเมืองดี 2 คนที่ช่วยเราไว้ ถ้าไม่ได้เขาเราก็อาจจะหัวฟาดพื้นไปแล้วก็ได้ ฝากตามหาด้วย เพราะพี่เขาช่วยเราไว้มากจริงๆ เราโชคดีอีกอย่างที่วันนั้นคนเยอะมาก เราล้มไปแล้วไม่ลงพื้น พี่เขารับไว้ทันพอดี เลยไม่เป็นอะไรมาก”