xs
xsm
sm
md
lg

“ลูกน้ำ พาเมล่า” ชีวิตไม่ง้อผู้! มีความสุขที่ได้อยู่คนเดียว วางแผนใช้เงิน - รับมือวัยทอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ลูกน้ำ พาเมล่า” เล่าหันหลังให้ความรักไม่เกี่ยวผิดหวังจาก “แห้ว รีเจนซี่” แต่เป็นเพราะสนใจการอยู่คนเดียวมา 10 กว่าปีแล้ว ใครเข้ามาจีบให้หยุดไว้ที่เพื่อนหมด ไม่เหงา ไม่กลัวความผิดหวัง พอได้อยู่กับตัวเองจริงๆ เวลา 24 ชั่วโมงคือไม่พอ แนะทุกคนให้หันมารักตัวเอง โดยฝึกให้ตัวเองไม่เป็นทุกข์วันละ 1 ชั่วโมงจนเป็นนิสัย อย่าให้ราคากับความทุกข์

โด่งดังสุดขีด สำหรับนักร้องยุค 90 “น้ำ พาเมล่า เบาว์เด้นท์” ก่อนที่ต่อมาเจ้าตัวจะตัดสินใจเข้าพิธีวิวาห์กับ “แห้ว รีเจนซี่” แต่ไม่นานก็เลิกรากันไป โดยเจ้าตัวได้เปิดใจว่าที่เป็นโสดทุกวันนี้ ไม่เกี่ยวว่าผิดหวังเรื่องความรักในครั้งนั้นจนหันหลังให้ความรัก แต่เป็นเพราะตนสนใจในเรื่องของการใช้ชีวิตอยู่คนเดียว

"ใช่ ตั้งใจไว้แล้ว หลังจากที่ทดลองเป็นโสดมาสักพักใหญ่ๆ 10 ปีแล้ว เราก็รู้สึกว่ามันก็สบายดี ชีวิตเรามันเข้าทาง ไม่มีปัญหา เพราะเราปรารถนาที่จะปฏิบัติในฐานะที่เป็นฆราวาส เราก็ไม่มีคู่คล้องกรรม ไม่มีอะไรต้องห่วงค่ะ มันก็มีความสุข สงบดี

ทุกคนที่เราได้เจอก็เป็นเพื่อนกันหมดเลย ซึ่งความรู้สึกตอนเป็นเพื่อนเป็นอะไรที่น่ารักมาก เราจะไม่มีการคาดหวังอะไรจากเพื่อน คือได้หมดตรงนั้น เป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อกันที่เรารู้สึกว่าชีวิตตรงนี้เราพอแล้ว มีความสุขแล้ว ใครที่เข้ามาจีบทุกวันนี้เป็นเพื่อนกันไปหมดแล้ว ไม่มีใครเข้ามาจีบแล้ว (หัวเราะ) เพราะทุกคนจะรู้หมดแล้วว่าคนนี้คือไม่เอา ไม่คบเป็นแฟนหรอก คือเขาก็จะเปลี่ยนเราให้เป็นเพื่อนไปเอง (พาผู้ชายเข้าวัด?) พาเข้าไปแล้ว เดี๋ยวติดใจ"

ไม่ได้หันหลังให้ความรักเพราะ “แห้ว รีเจนซี่” จึงไม่อยากมีคู่ แต่เพราะสนใจศึกษาเรื่องของการอยู่คนเดียวมา 10 กว่าปีแล้ว
"ไม่ใช่ค่ะ คือเราสนใจในเรื่องของการมาคนเดียว ไปคนเดียวมาพักใหญ่ เรารู้สึกว่าพอไม่ได้มีแฟน พอเลิกคบใครสักคนในฐานะคนรักหรือคู่ชีวิต เราก็มาสำรวจตัวเองว่ามันเป็นยังไง เราไม่ต้องมานั่งกังวล แก้ไข หรือว่าปรับเปลี่ยนอะไร ทุกอย่างมันเป็นไปตามธรรมชาติของเราเอง ไม่ทำให้ใครลำบากใจด้วย รู้สึกว่ามันโอเค สุข สบาย เบา

แต่กว่าจะเป็นแบบนี้ได้ ก็ใช้เวลาในการฝึกตัวเองอยู่นะคะ ปกติมนุษย์จะต้องมีเพื่อนอยู่ด้วยเสมอ อย่างน้ำเราเจอเรื่องที่หนักๆ มาพอสมควร เราอยากที่จะหยุด แต่เราจะหยุดได้อย่างไร ในเมื่อเรายังเปิดโอกาสให้ตัวเองคุยกับคนนั้นคนนี้ก็ไม่ได้หยุด เลยสั่งตัวเอง บอกตัวเองว่าเราจะหยุด ลองดูนะว่าถ้าเราหยุดจริงๆ แล้วชีวิตเราจะเป็นยังไง

ปรากฎว่าหนึ่งปีให้หลังเราเบา เราสบาย เราสุข ไม่ได้แปลว่าคนที่มีคู่มันหนัก หรือลำบากนะคะ คนที่มีคู่ดีๆ ส่งเสริมกันมันก็เป็นเพื่อน เป็นคู่ชีวิตที่ดีต่อกันมันก็ดีมากแล้ว แต่สำหรับเรามีความรู้สึกว่าเราไม่จำเป็นต้องอยู่ตรงนั้น อยู่คนเดียวได้ไหมก็ทดลองจนคิดว่าอยู่ได้นี่ ทุกวันนี้อยู่มา 10 กว่าปีแล้ว และมันก็อยู่ได้ยาวอย่างดี และโอเคมากๆ เลย"

ไม่เหงา ไม่กลัวความผิดหวัง ลั่นพอได้อยู่กับตัวเองจริงๆ เวลา 24 ชั่วโมงคือไม่พอ
"ไม่กลัวความผิดหวัง ไม่ได้กลัวความเสียใจค่ะ เพราะว่าชีวิตประจำวันมันต้องเจอเรื่องแบบนั้นอยู่แล้ว แต่ว่าเราตั้งรับยังไงแค่นั้น สมมติว่าเราอยู่คนเดียว เราก็สามารถรับมือ แก้ไขได้ มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเรื่องของอารมณ์ กับคนที่อยู่ใกล้ๆ เลย ฉะนั้นเราแก้ไขสิ่งที่อยู่ในชีวิตประจำวันไปตามปกติ

ถามว่ามีเหงาไหม ไม่มีนะ อยู่คนเดียวไม่เคยเหงาเลย สำหรับน้ำ 24 ชั่วโมงไม่พอ เรามีงาน สมมติวันที่อยู่บ้านก็จะเป็นวันเสวยสุขของเรา ตื่นสาย นั่งจิบกาแฟ นั่งระบายสี นั่งวาดรูป นั่งสมาธิ สวดมนต์ ถ้าว่าง 2-3 วันก็ไปวัด ถ้าว่างนานกว่านั้นก็ไปเที่ยวเขาใหญ่ ไปเขาค้อ อยู่กับตัวเอง มีความรู้สึกว่ามีความสุขมากทุกครั้งที่เราได้อยู่กับตัวเอง เหมือนกับสำรวมจิตใจว่าเมื่อวานเราทำอะไรผิดไป ใช้อารมณ์กับใครหรือเปล่า เราต้องแก้ไขนะ อย่าทำให้ใครเดือดร้อนหรือลำบากใจเพราะเรา ซึ่งถ้าทำไปเรื่อยๆ มันกลายเป็นนิสัยเป็นความเคยชินว่ามันจะไม่มีปัญหาอะไรเลย"

หากคิดจะอยู่คนเดียวต้องเริ่มวางแผนตั้งแต่วันนี้
"ต้องมีการวางแผนค่ะ เตรียมการ เรามีกลุ่มทางที่วัดเหมือนกันค่ะ ในเรื่องของการเงินที่เราต้องใช้จ่าย มีการแบ่งสรรปันส่วนเก็บไว้แล้ว ระหว่างว่างที่ทำงานก็ทำไปด้วยเก็บไปด้วยเรื่อยๆ ต้องทำค่ะ เพราะทุกอย่างต้องใช้ปัจจัย น้ำจะแบ่งเงินไว้ว่าเรามีภาระอะไร อย่างน้ำไม่มีภาระอะไรแล้ว ส่วนค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ก็ต้องแบ่งไว้ และส่วนในเคสที่ไว้รักษาเวลาเราไม่สบายก็ต้องเก็บไว้ให้ตัวเอง ไปเที่ยวก็ต้องมีบ้าง และเป็นก้อนหลักๆ ที่เบิกไม่ได้ ถอนไม่ได้ เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเราจะมีงานไปถึงตอนไหน แม้กระทั่งคนที่มีรายได้ประจำก็ต้องแบ่งเอาไว้นะ ส่วนหนี้จ่ายจนกระทั่งจนมันเบาบางลง เหลือเท่าไหร่ก็มานั่งบวกลบคูณหาร ว่าจะมาเก็บตรงนี้ไม่ให้ตัวเองเครียดเกินไป เงินก้อนก็เก็บไว้เผื่อเจ็บป่วย"

เป็นแม่ชีถือเป็นความฝันอันสูงสุด แต่เลือกที่จะยังไม่ทำเพราะรู้สึกว่าตอนนี้ตนเป็นฆราวาสได้ประโยชน์มากกว่า
"เป็นความฝันสูงสุด ซึ่งเราก็ยังไม่รู้ว่าจะทำได้รึเปล่า และจะมีโอกาสได้ทำไหม ถามว่าติดอะไร มันมีความรู้สึกว่าในฐานะที่เป็นฆราวาสเราสามารถที่จะปฏิบัติกิจอะไรบางอย่างที่จะดึงผู้คนเข้ามาร่วมในศาสนาได้ อย่างน้ำจัดงานที่วัดถ้ำกระบอกทุกปี จัดงานวันมหาทาน จัดคอนเสิร์ต ซึ่งถ้าเราเปลี่ยนสถานะมาเป็นแม่ชี เราจะไม่สามารถทำตรงนี้ได้

แต่ ณ วันใดวันหนึ่งน้ำก็ไม่รู้ว่าความใฝ่ฝันอันสูงสุด ถ้าเราพร้อมที่จะละทุกอย่างไปจริงๆ เราก็ไม่รู้มันอาจจะเป็นพรุ่งนี้ ปีหน้า หรืออาจจะ 10 ปี 20 ปี หรืออาจจะไม่มีเลยก็ได้ แต่ไม่เป็นไรในขณะที่เราเป็นฆราวาสเราก็น้อมนำธรรมะมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งสิ่งที่น้ำทำอยู่บางคนก็รู้สึกว่าดี โอเค ทำยังไง เราก็รู้สึกดีใจแล้ว"

แนะทุกคนให้หันมารักตัวเอง โดยฝึกให้ตัวเองไม่เป็นทุกข์วันละ 1 ชั่วโมงจนเป็นนิสัย
"ใช่ สิ่งที่ทำให้เราเป็นทุกข์คือนิสัย บางคนอาจจะไม่รู้ว่าอะไรทำให้เราเป็นทุกข์ นิสัยของเรา เราขี้อิจฉา ขี้งอน ขี้โกรธ ขี้โมโห หงุดหงิด สิ่งเหล่านี้ทำให้เราเป็นทุกข์ทั้งนั้นเลย ถ้าเราละสิ่งเหล่านี้ได้วันละ 1 ชั่วโมง ค่อยๆ ทำ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สักวันหนึ่งมันจะกลายเป็นนิสัย อะไรมากระทบแทนที่เราจะโกรธ เราก็จะไม่โกรธ

เชื่อไหมพอความโกรธหายไปปุ๊บทุกอย่างสว่างขึ้นมาหมดเลย แรงสั่นสะเทือนมันจะละเอียดขึ้น มันจะเบา สงบ แล้วอยู่ตรงไหนมันก็อยู่ได้ ไม่ถือสาไม่อะไร ชีวิตคือมีแค่นี้ มันไม่มีอะไรให้มันต้องไปบีบคั้นมันมาก ถ้ากาย วาจา ใจเรามันพร้อมที่จะคิดดี ทำดี พูดดี ตลอดเวลาสิ่งที่ดีๆ จะสะท้อนกลับเข้ามาเอง บางครั้ง มีสิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้น เราก็คิดว่านี่เป็นหนี้กรรมที่เราต้องชดใช้ มีหนี้เราก็ต้องใช้ อย่าไปหนี ผ่อนใช้ แล้วมันก็หายไป"

มองปัญหาไม่ให้เป็นปัญหา อย่าไปให้ราคาความทุกข์
"บางคนเขาอาจจะเจออะไรในชีวิตมาเยอะ เยอะมากเกินไป อย่างน้ำเมื่อก่อนก็เจอเยอะ สารพัดเรื่องจริงๆ ทั้งข่าวที่ไม่จริง ทั้งข่าวที่เราไม่ได้ทำ หรืออะไรที่เราเจอมาไม่ได้ดังใจ คือมีสิ่งที่ทำให้เราเครียดได้เยอะมาก แต่ถ้าเรามองว่ามันไม่ใช่ปัญหา มันไม่ใช่เรื่องก็ค่อยๆ แก้ไข แต่ถ้ามันจะเป็นไป ก็ปล่อยให้มันเป็นไป ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอย่างงั้นก็จบ แล้วไป จริงๆ มันไม่ได้มีอะไรเป็นปัญหา ถ้าเราไม่มองว่ามันเป็นปัญหา

บางทีเราไปให้ราคา ไปให้แสงสปอร์ตไลต์กับมัน ส่องๆ บางทีคนเขาด่า เหมือนคนโยนขยะเข้าบ้าน เราก็เอาหมอนมาล้อมรอบขยะ ทนุถนอมไว้ แบบเหม็นจังเลย แต่ก็เก็บไว้ เราก็แค่หยิบโยนทิ้งไปก็หมดเรื่อง บางทีคนด่าเราแค่คนเดียว แต่คนชมเราอีกเป็นร้อยคน ถ้าเราไม่ด่ามันก็ไม่มีการกระทบกระทั่ง มีแต่การให้อภัย ทุกคนมีความทุกข์เหมือนเรา ไหนจะต้องแบกร่างกายก็เหนื่อยแล้ว ไหนจะต้องกิน ต้องขับถ่ายมันแย่อยู่แล้ว เราอย่าไปใส่อารมณ์ให้ใครต้องมาเครียดเพราะเรา เจอใครก็ยิ้ม นี่คือสิ่งที่ต้องฝึก ฝึกเยอะๆ จนมันเป็นนิสัย”

แนะสาวๆ พร้อมรับมือกับอารมณ์ในวัยทอง โดยบอกตนก็ใกล้จะเข้าเลข 5 แล้ว
"เราปฏิบัติสัจจะจนเราชิน จนเราชำนาญว่าเราจะไม่โกรธ ทำจนมันเป็นนิสัย มันจะไม่เหวี่ยงเป็นอัตโนมัติ บางทีเราก็โมโหตัวเองนะ ทีนี้วัยทองที่จะมาถึงหรือวัยหมดประจำเดือน คนก็เตือนเราว่ามันจะสวิงนะ แต่เราไม่ได้ปล่อยไปตามอารมณ์ที่มันจะสวิงไง นี่ก็ยังไม่รู้นะ เพราะยังไม่เกิดขึ้น แต่ที่ผ่านมาน้ำเป็นคนที่อารมณ์สวิงมาก แล้วยิ่งเราทำงานวงการตั้งแต่เด็ก เราจะถูกสปอย ถูกตามใจ แล้วเราก็ชิน เอาแต่ใจตัวเอง เป็นเยอะมากเมื่อก่อนคือฉันไม่ผิด ยังไงฉันก็ไม่ผิดและจะหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองได้เสมอ

ตอนนี้คือพอเกิดอะไรขึ้นปุ๊บ คิดเลยเราผิดตรงไหน ตรงนี้พอทำบ่อยๆ ช่วยได้นะ สมมติวันหนึ่งที่ถึงวัยทอง อะไรที่จะเกิดขึ้นเรารู้ทัน เราก็หาอะไรทำให้มันสบายใจ เราชอบล้างจาน ชอบกวาดบ้าน ชอบรีดผ้า แต่ไม่ชอบซักผ้า  เราก็นั่งฟังธรรมะ ธรรมะเป็นสิ่งที่โลกให้เราเป็นของขวัญอยู่แล้ว ทำไมเราต้องไปทุ่มให้กับความเครียด ความเลวร้าย เราต้องมองมันเป็นเพียงแขกที่เข้ามา พอเข้ามาในบ้านเราก็บอกเสร็จธุระแล้วกลับนะ ไม่ให้อยู่นาน กลับเถอะ"

















กำลังโหลดความคิดเห็น