xs
xsm
sm
md
lg

รดน้ำศพ “ม.ล.สุรีย์วัล สุริยง” พ่อขอให้ลูกไปอยู่กับปู่ - ย่า - พี่ - น้อง - แม่ สู่สุคติชั่วนิจนิรันดร์ สามีบอกลาสุดเศร้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พ่อ “ม.ล.สุรีย์วัล สุริยง” เผย 3 ปีเสียลูก 2 คน ไม่เข้มแข็งคงอยู่ไม่ได้ ลั่นลูกไม่เคยพูดตั้งแต่เข้ารพ. จนเสียชีวิต โต้ตอบไม่ได้ สมองเสียไป 3 ใน 4 ส่วน รับอึดมากทนอยู่นานถึง 19 เดือน รักและภูมิใจลูกมาก ขอให้ไปอยู่กับปู่-ย่า-พี่-น้อง-แม่ สู่สุคติชั่วนิจนิรันดร์ ด้านสามีลั่นได้อยู่ดูแลจนวาระสุดท้ายของชีวิต ขอบคุณ 20 ปีเป็นผู้ให้โอกาสมาตลอด

หลังครอบครัวได้แจ้งข่าวร้าย ว่า “หม่อมหลวงสุรีกร” หรือ “หม่อมหลวงสุรีย์วัล สุริยง” เจ้าของฉายา “ราชินีหนังบู๊” วัย 59 ปี ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.45 น. ของวันอาทิตย์ ที่ 25 ก.ย. 2565 จากการเข้ารักษาโรคมะเร็งในรังไข่ ส่งผลทำให้มีอาการเส้นเลือดในสมองแตก จึงเป็นเหตุให้ต้องเข้าทำการผ่าตัดสมองด่วน ตั้งแต่เดือน ม.ค. ปี 2564 ที่ผ่านมา

ล่าสุดวันนี้ 26 ก.ย. 2565 ทางครอบครัวก็ได้จัดพิธีบำเพ็ญกุศล ณ วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน ศาลา 13 โดยมีพิธีรดน้ำศพ ในเวลา 16.00 น. และสวดอภิธรรม เวลา 17.30 น. ตามลำดับ บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความโศกเศร้า มีครอบครัว และญาติๆ รวมไปถึงเพื่อนพี่น้องทั้งในและนอกวงการ มาร่วมแสดงความอาลัย อาทิ ปู ปริศนา กล่ำพินิจ, แชมป์ พีรพล เอื้ออารียกูล และ วิว พงศ์ชนก กันกลับ

ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นพิธีรดน้ำศพ “ม.ร.ว.ธิติสาร สุริยง” คุณพ่อของหม่อมปุ้ม สุรีย์วัล พร้อมกับสามี “เจี๊ยบ ชนันธร บุญราย” ก็ได้ออกมาเผยความรู้สึก หลังต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับ ว่า…
 
ม.ร.ว.ธิติสาร : “ตอนรดน้ำศพ ผมได้กล่าวว่าอย่าวิตกกังวล พ่อยังเข้มแข็งอยู่ ลูกไปสบาย ไปสู่สุคติชั่วนิจนิรันดร์ ไม่ต้องห่วงพ่อ พ่อยังแข็งแรง พ่อรักปุ้มเสมอ พ่อรักปุ้มตลอดเวลา ไปอยู่กับปู่ อยู่กับย่า อยู่กับพี่ อยู่กับน้อง อยู่กับแม่ด้วย

ที่ผ่านมาเขาเป็นลูกสาวที่โอเค ผมดีกันตลอด ไม่มีปัญหา เขารักผมมาก อยู่กันมาตั้งแต่เขาเกิด 59 ปี เขาได้มีโอกาสมาเป็นนักแสดงจากที่คุณคมฆ์ อรรฆเดช เอาไปเล่นเรื่องเพชรตัดหยกนะครับ ผมก็บอกเขาว่าถ้าเกิดตัดสินใจไปแสดงภาพยนตร์ต้อองทำให้โอเคนะ ต้องทำให้ได้นะ อย่าท้อ แล้วเขาก็ฝึกแบบไม่ยั้งไม่คิดเลย ฝึกตลอดเวลา ฝึกทุกกระบวนท่า มีดผาหน้าไม้ฝึกหมด เขาพยายามตามที่ผมบอกว่าไปแล้วต้องดัง ไม่ดังอย่าไป”

ภูมิใจลูกสาวได้ฉายา “ราชินีนักบู๊” ลั่นเดินตามรอยย่าที่เป็นนักแสดงเก่า
ม.ร.ว.ธิติสาร : “ภูมิใจครับ ราชินีนักบู๊ก็ไม่ได้เป็นกันง่ายๆ เหมือนกัน คุณเปิ้ล จารุณี สุขสวัสดิ์ เขาก็เป็นรุ่นพี่ ผมก็บอกว่าให้คำมั่นสัญญากับเขาว่าไปแล้วต้องดังนะ ย่าเขาก็เป็นนักแสดง ย่าคือป้าทอง (สุลาลีวัลย์ สุวรรณทัต) เพราะฉะนั้นย่าทำอะไรไว้ปุ้มต้องเดินตามย่า เขาก็ทำตามนั้น

ตอนเขาต้องฝึกบู๊ ผาดโผนก็เป็นห่วงครับ ตั้งกระสอบทรายไว้ใต้ต้นมะม่วงเลย มีที่เอามาควงที่เล่นกับ ฉี เส้าเฉียน ก็เอามาควงอยู่ที่บ้านนั่นแหละ มีดคู่นี้ผมยังเก็บอยู่ที่บ้านเลย ยังเก็บไว้เป็นที่ระลึกอยู่ ลูกคนนี้เป็นความภาคภูมิใจ เขามีความอุสาหะจริงๆ เข้มแข็ง อดทน มีอะไรไม่พูด เขาเป็นคนไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยบอกไม่ค่อยเล่าด้วย จนบางครั้งต้องคอยถาม ปุ้มมีอะไรบอกพ่อนะ พ่อแก้ไขได้ เขาก็จะบอกว่าไม่มี ไม่เป็นไร บอกอยู่แค่นี้”

เสียดายถ้าไร้โรค ก็คงได้อยู่ด้วยกันอีกหลายปี
ม.ร.ว.ธิติสาร : : “เขาก็ไม่เคยบาดเจ็บอะไรมาก ไม่มี เขาก็ระวังตัวเหมือนกันเรื่องนี้ ไม่ถึงกับบาดเจ็บมีแผลอะไรไม่มี เขาเป็นคนระวัง อย่างเล่นเรื่องหนึ่งกับสรพงศ์ ชาตรี ปีนบนหลังคารถไฟ แล้วรถไฟกำลังวิ่งด้วย เขากล้าเล่นได้ยังไง ไม่มีสแตนอินด้วย แล้วฟิล์มนี้ต้องส่งไปญี่ปุ่น ญี่ปุ่นต้องซูมภาพเข้าไป ถามมาว่าสแตนอินหรือเปล่า ญี่ปุ่นไม่เชื่อว่าเล่นเอง แต่เขาเล่นเอง เขาเป็นคนกล้ามากจริงๆ เสียดายว่าจริงๆ เขายังต้องอยู่กันอีกหลายปีนะ ถ้าเกิดไม่มีสิ่งที่มันเกิดขึ้น แต่เราก็ต้องทำใจ ถ้าเขาไม่มีโรคที่อยู่ๆ เป็นแบบนี้นะ ไม่มีโรคร้ายในตัวเขาก็ยังอยู่กับเรา

พี่ชายเขาเสียไปเมื่อปี 2563 เขารักกันมากนะ ปี 2563 พี่ชายเขาเสียชีวิตที่อเมริกา เขาเป็นคนนำร่างกลับมาประเทศไทย เขาไปรับร่างพี่ชายเขาที่สุวรรณภูมิ แล้วก็มาไว้ที่วัดพระศรีมหาธาตุนี่แหละ แล้วพอปี 2564 ปุ้มป่วยแบบวิกฤตเลย เจี๊ยบโทร.มาบอกผม ว่าพี่ปุ้มคอลโทรลตัวเองไม่ได้ ทำยังไง ปุ้มป่วยมาทั้งหมด 19 เดือนเต็มๆ ผมในฐานะเป็นพ่อ นิยามคนอื่นเขาบอกว่า คนเรา 3 ปี มีลูก 2 คน แต่ของผม 3 ปี เสียลูก 2 คน แล้วผมจะรู้สึกยังไง ถ้าผมไม่เข้มแข็ง ผมอยู่ไม่ได้ ทุกวันนี้ผมอายุ 84 ยังขับรถเอง ยังขับรถได้”
 
สามีเผยได้อยู่ด้วยกันจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
เจี๊ยบ : “คืนก่อนที่พี่ปุ้มจะเสีย ก็มีผม มีพี่น้อง มียุ้ย มีน้องว่าน ที่เป็นหลาน เราอยู่เคียงข้างกันตามสัญญา ที่คุยกันไว้ตลอด ว่าเราจะอยู่ด้วยกันจนถึงลมหายใจสุดท้าย พี่ปุ้มก็พยายามที่จะต่อสู้กับอะไรต่างๆ ที่เข้ามาหาเข้า พยายามที่จะสื่อสารให้เรารู้ด้วยการกระพริบตาหรือขยับปากบ้าง แต่ด้วยภาวะต่างๆ พี่ปุ้มก็ค่อยๆ อ่อนลงๆ แล้วก็เสียไปตอนช่วง 03.45 น. ซึ่งก็เต็มของพี่ปุ้มเขาแล้ว เวลานั้นที่อยู่กับเขา ตามคำมั่นสัญญา มันมีค่ามากที่สุด ที่สุดในชีวิตของผมเลย ที่มีโอกาสอยู่กับเขา จับมือเขา บีบนวดเขาจนถึงวาระสุดท้ายที่เขาไป

พี่ปุ้มกับผมเราคบกัน อยู่ด้วยกันตั้งแต่ปี 1999 มันเหมือนกับสองชีวิต เพราะตอนที่อยู่นิวยอร์ก พี่ปุ้มเรียนหนังสือ ผมทำงาน ก็ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จนย้ายกลับมาอยู่เมืองไทย ซึ่งพี่ปุ้มย้ายมา เพราะนายประวิทย์ มาลีนนท์ ต้องการให้มาช่วยทางด้านทีวี ผมเองก็มีหน้าที่การงานอยู่นิวยอร์ก ก็ไม่อยากจะกลับ แต่ด้วยความที่ปุ้มเขาจบทางด้านนี้ เราก็ต้องเสียสละว่าให้เขากลับ พอกลับมาก็โชคดี ที่นายประวิทย์ เสนองานให้เราด้วย

ซึ่งพอมาอยู่เมืองไทย มันก็เหมือนอีกโลกหนึ่ง ที่พี่ปุ้มคือลีดเดอร์ เราคือคนตาม พี่ปุ้มเป็นคนที่สตรอง เป็นคนที่แข็งแกร่ง หลายๆ อย่างทุกวันนี้ที่เราประสบความสำเร็จมา เป็นเพราะพี่ปุ้มสอนผม สอนถึงเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต เรื่องการทำงานที่เต็มร้อย เรื่องการไม่เอารัดเอาเปรียบ ซึ่งมันก็เหมือนกับเกราะป้องกันเรา ที่เราทำงานมาจนทุกวันนี้”

ขอบคุณคู่ชีวิตกว่า 20 ปี ที่ให้โอกาสตน ย้ำสิ่งต่างๆ ที่ภรรยาได้ทำให้สังคมน่าภูมิใจที่สุดแล้ว
เจี๊ยบ : “ส่วนมากจะขอบคุณเขา ขอบคุณชีวิต 20 กว่าปี ที่ปุ้มได้ให้โอกาสเราหลายๆ อย่าง จากคนที่เป็นแค่นักกีฬา ได้มาทำข่าวกีฬา ได้มาออกหน้าจอ ได้มาเป็นพิธีกร ซึ่งมันเหมือนกับอะไรที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่พี่ปุ้มก็ทำให้เป็นไปได้ แม้แต่งานที่ทำทุกวันนี้หลังจากเกษียณจากช่อง 3 แล้ว พี่ปุ้มก็ยังเป็นคนไปฝากให้กับเจ้านายเขา ให้เราได้ทำงาน มันเหมือนกับว่าเราซัปพอร์ตซึ่งกันและกันมาตลอด

วันสุดท้ายก็บอกเขาว่าไม่ต้องเป็นห่วง เราได้ทำหน้าที่เต็มที่แล้ว อะไรต่างๆ ที่เราได้ทำด้วยกันมา ปุ้มได้ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ในเรื่องกีฬาต่างๆ มันก็ทำให้ปุ้มเขาเป็นคนที่มีคุณค่า ที่จริงเคยสัญญากันไว้ว่า อยู่ให้ถึง 60 นะเราสองคนเนี่ย ผ่าน 60 ไปแล้วถือว่าเราเท่าทุนแล้ว เลย 60 ก็คือกำไรของชีวิต ปุ้มก็ขาดไปอีกนิดเอง ก็ถือว่าสิ่งต่างๆ ที่เขาทำให้กับสังคม มันน่าภูมิใจที่สุดแล้ว”

เผยจุดเริ่มต้นป่วย
เจี๊ยบ : “พี่ปุ้มเริ่มจากการเป็นมะเร็งที่รังไข่ ซึ่งตรวจตอนแรกไม่พบแล้วไม่ได้ติดตามเท่าไหร่ พอไม่ได้ติดตามมันก็เลยไปคอร์สเกี่ยวกับเรื่องของเลือดเดินต่างๆ แล้วมันก็มีส่วนทำให้เลือดไปที่สมอง เหมือนเราหยิบท่อน้ำทางนี้กับทางนี้ มันโปร่งๆ แล้วบิออกมา มันเลยกลายเป็นเริ่มต้นของปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้พี่ปุ้มต้องผ่าตัดสมอง พอผ่าตัดสมองเสร็จก็ผ่าตัดรังไข่ออก แต่ตอนผ่าตัดสมองมันทำลายประสาทของพี่ปุ้มไปเยอะ ทำให้เขาพูดไม่ได้ สื่อสารไม่ได้”
 
ม.ร.ว.ธิติสาร : “เขาตอบรับไม่ได้เลย ตามองอยู่แต่ไม่ได้โต้ตอบอะไร ถามอยู่ ปุ้มฟังพ่อนะมีอะไรปุ้มเข้าใจให้กระพริบตา เขาก็กระพริบตาให้ จะสื่อกันอยู่แบบนี้ ไม่เคยพูดออกมาเลยตั้งแต่เข้าโรงพยาบาลจนถึงเสียชีวิต ไม่ถึงเจ้าหญิงนิทราแค่โต้ตอบไม่ได้ สื่อจากทางอื่นแล้วเราก็เข้าใจว่าเขารับรู้ ถามว่าสมองเขาทั้งหมด 4 ส่วน เสียไปแล้ว 3 ส่วน ซึ่งมันฟื้นไม่ได้ถ้าเขาไม่มีเรื่องต้องผ่าสมอง ก็มีแค่รักษามะเร็งอย่างเดียวก็ยังพอรักษาไปได้ พอสมองเป็นแบบนี้แล้วจบเลย ต้องเจาะคอ อาหารต้องให้ทางสาย แต่ปุ้มทนมาก เก่งมาก อยู่มา 19 เดือนกว่า เกือบ 2 ปี ถ้าวันที่ 11 มกรา 66 ก็ 2 ปีเต็มที่อยู่โรงพยาบาล”

ครอบครัวสู้ตลอด ไม่ทำใจ
ม.ร.ว.ธิติสาร : “ไม่มีคำว่าทำใจครับ เราต้องต่อสู้ บางทีเจี๊ยบกับผมพูดกันบางเรื่องก็ไม่เข้าใจกัน แต่ต้องปรับความเข้าใจกัน ทุกอย่างเราทำเพื่อปุ้ม ไม่มีคิดได้เปรียบเสียเปรียบ ไม่มี ผมทำเพื่อลูกทุกอย่าง ทำอะไรก็ได้แต่ไม่อยากให้มานั่งผิดใจกันทะเลาะกัน คือเขาไปดีไปสบาย ส่วนพิธีวันที่ 1 ตุลา มีพิธีพระราชทานเพลิงศพ และสิ่งที่น่าดีใจอีกอย่างคือ ปุ้มได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จากสมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบันถวายพระราชทานผ้าไตร ส่วนอัฐิเอาไปลอยวันที่ 2 ตุลา หลังจากพระราชทานเพลิงแล้ว เพราะพี่ชายเขาก็ลอยที่สัตหีบให้เขาไปอยู่ด้วยกันเพราะเขารักกันมากคู่นี้”

หวังลูกอยู่ในความทรงจำของทุกคนตลอดไป
ม.ร.ว.ธิติสาร : “ให้สุรีย์วัล สุริยงอยู่ในความทรงจำของทุกคนด้วย ตลอดระยะเวลาเขาก็ซื่อสัตย์กับวิชาชีพมาตลอด เป็นคนที่ไม่ได้ประพฤติตัวเสียหาย ไม่กิน ไม่ดื่มสุรา ไม่เล่นการพนัน ทุกอย่างไม่หมด ทำอะไรพี่น้องให้ความรักสมานฉันท์กัน พี่น้องไม่เคยทะเลาะกัน นี่คือสิ่งที่ผมได้กำไรจากตรงนี้ทุกวันนี้อายุเท่านี้ยังต้องเข้มแข็ง”






















กำลังโหลดความคิดเห็น