วันนี้(26 กันยายน 65 ) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลได้ทำการนัดตรวจหลักฐานในคดีที่พนักงานอัยการ ยื่นฟ้อง “นายกิตติเชษฐ์ ไชยเดช” พี่ชาย พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดชกับพวกรวม 19 คน โดย 2 ใน 19 มี พิ้งกี้ และ “คุณแม่สรินญา ไชยเดช” ในความผิดฐานโดยทุจริต โดยหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนฯ ,ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฉ้อโกง
ในวันนี้ เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ได้เบิกตัว พิ้งกี้ แม่และพี่ชายพร้อมกับพวกรวม 19 คนจากเรือนจำมายังศาลอาญา โดยในนัดตรวจพยานหลักฐานในวันนี้ ศาลได้มีคำสั่งเลื่อนการตรวจพยานหลักฐาน และสอบคำให้การคดีสำนวนพิ้งกี้ เเละคดีฉ้อโกงแชร์ Forex-3D ซึ่งมี “อภิรักษ์ โกฎธิ”ผู้บริหาร แชร์ Forex-3D มีพี่ชายพิ้งกี้ กับพวกรวม 5 คนเป็นจำเลยเป็นวันที่ 29 พ.ย. 2565 เนื่องจากเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดีมีจำนวนมาก ราว 500 แฟ้ม ทำให้ ทนายจำเลย จำเป็นต้องใช้เวลาตรวจสอบ
ขณะที่จำเลยทั้งหมดได้เดินทาง มายังห้องพิจารณาคดี ที่ 908 เพื่อเซ็นเอกสารรับทราบกรณีเลื่อนตรวจพยานหลักฐาน และสอบคำให้การ พบ พิ้งกี้ที่ตอนนี้ตัดผมสั้นเท่าบ่า ไม่สวมใส่รองเท้า เดินจูงมือมากับแม่ พร้อมชูมือทำท่าสัญลักษณ์ โอเค ให้ผู้สื่อข่าว
จำเลยทั้ง 19 กับพวกไม่ได้ประกอบกิจการซื้อขายหรือเทรดเงินตราต่างประเทศ (Forex) จริงตามที่กล่าวอ้างและธนาคารแห่งประเทศไทยยังไม่เคยมีการให้ใบอนุญาตแก่บุคคลหรือ นิติบุคคลใดเพื่อให้บริการลงทุนโดยเก็งกำไรจากการซื้อขายหรือเทรดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex) ในประเทศไทยอีกด้วย
ประกอบกับจำเลยทั้ง 19 กับพวกได้อาศัยโอกาสจากความมีชื่อเสียง หรือความน่าเชื่อถือที่เป็นดารานักแสดง นักร้อง บุคคลในวงการบันเทิง บุคคล ในวงการสังคมชั้นสูงหรือไฮโซ และรวมถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ จำเลยทั้ง19 กับพวกดังกล่าว ในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ และเมื่อจำเลยทั้ง 19 กับพวกได้รับเงินจาก ประชาชนผู้ร่วมลงทุนไว้แล้ว ได้นำเงินจากประชาชนรายนั้นหรือรายอื่นๆ มาจ่ายผลประโยชน์ตอบแทน หมุนเวียนให้แก่ประชาชน
โดยจำเลยทั้ง 19 กับพวกมิได้นำเงินไปลงทุนหรือประกอบกิจการอย่างใดให้ได้รับผลตอบแทนคืนให้แก่ประชาชนได้ในอัตราเช่นนั้น แต่มีเจตนาหลอกลวงประชาชนที่หวัง จะได้รับเงินตอบแทนในอัตราสูงให้นำเงินมาลงทุนกับตน ด้วยการใช้วิธีจ่ายเงินตอบแทนให้ในอัตราสูงเป็นเครื่องล่อใจ และอาศัยความน่าเชื่อถือของพวกของจำเลยทั้ง 19 ที่เป็นดารานักแสดง นักร้อง บุคคล ในวงการบันเทิง บุคคลในวงการสังคมชั้นสูงหรือไฮโซ และรวมถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย
สร้างความน่าเชื่อถือให้กับจำเลยทั้ง 19 ในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ และโดยการหลอกลวงดังกล่าวทำให้ประชาชนผู้เสียหายหลงเชื่อถูกหลอกลวงอันเป็นการกระทำ ความผิดฐานโดยทุจริต หรืออันเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระกัน รวม 9,824 กรรมโดยได้ไปทรัพย์สินซึ่งเป็นเงินรวมผู้เสียหายจำนวน 9,824คน และมีการกู้ยืมเงินรวมกันมีความเสียหายรวม 2,489,820,321.52บาท
