“เต้ ปิยะรัฐ” เผยครอบครัวกันตนา ยินดีช่วยเหลือ “ต๊ะ นิรัตติศัย” จากกรณีล้มละลาย ที่ผ่านมาก็ให้ความช่วยเหลือมาตลอด ไม่อยากให้ต้องหนีหรือหลบๆ ซ่อนๆ อีกต่อไป แต่ไม่รู้อีกฝ่ายจะยอมให้ช่วยไหม
กลายเป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสนใจอยู่ไม่น้อย กับเรื่องที่ทายาทค่ายยักษ์ใหญ่ของกันตนาอย่าง “ต๊ะ นิรัตติศัย กัลย์จาฤก” มีประกาศจากราชกิจจานุเบกษาออกมาว่าล้มละลาย ซึ่งล่าสุดได้เจอตัว “เต้ ปิยะรัฐ กัลย์จาฤก”ในงานอุลตร้าวี เมดิคอล เอสเทธิค เปิดนวัตกรรมความงามการันตีความปลอดภัย ณ รพ.วิภาวดี อาคาร 4 ชั้น 9 เจ้าตัวในฐานะหลานก็เผยว่า จริงๆ แล้วอีกฝ่ายขอแยกออกจากครอบครัวไปร่วม 15 ปีแล้ว เพื่อไปเปิดบริษัทของตัวเอง และเรื่องปัญหาการเงิน ภายในครอบครัวเองก็ทราบเรื่องมานานแล้ว และพยายามหาทางช่วยเหลือมาโดยตลอด เพราะไม่อยากให้ต้องหลบหนีหรือซ่อนตัวอีก
“ภายในครอบครัวเราทราบอยู่แล้วครับ คุณพ่อก็คือคุณจาฤกษ์ก็พยายามแก้ปัญหา ช่วยเหลือมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้วนะครับ แต่ว่าเราก็ไม่สามารถ คือทุกคนโตแล้ว การตัดสินใจของเขาก็เป็นเรื่องที่เราห้ามไม่ได้ แต่เราพยายามเตือนและช่วยเหลืออยู่เงียบๆ ตลอด เพราะว่ามีหลานด้วย ก็เป็นเรื่องที่ครอบครัวเราก็หนักใจ เพราะเรารักกันมาก อยู่บ้านเดียวกันมาตลอด โตมาด้วยกัน แต่มันสายไปที่เราจะแก้ในจุดนี้ในบางเรื่องครับ"
"ที่ผ่านมาครอบครัวมีการช่วยเหลือมาโดยตลอด 10 กว่าปีเลยที่เขาจะไม่อยู่กับเรา น่าจะมี 15 ปีด้วยมั้ง แต่ก็ยังได้เจอบ้างตามงาน เพราะตอนที่ยังไม่ต้องซ่อนตัว เขายังออกงานอยู่บ้างกับลูกๆ ก็จะได้เจอกันตามงาน”
เผยไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่อีกฝ่ายต้องหลบหนี เพื่อซ่อนตัว
“ก่อนหน้านี้เขาขอออกจากครอบครัวไปก่อนแล้วครับ และไปตั้งบริษัทใหม่ แต่เรื่องนี้คือเรารู้กันมานานแล้ว แต่กับเขาเราไม่ได้พูด เพราะเขาหายตัวไปเลย แต่กับครอบครัวเรากันเองก็พูดคุยกันบ้างว่าเราจะช่วยยังไงได้ ถามว่ามีผลกระทบอะไรกับครอบครัวบ้างไหม จะมีผลกระทบสูงทางด้านจิตใจมากกว่าครับ ก็สงสารลูกๆ ของคุณเขา และไม่อยากให้กระทบกระเทือนจิตใจคุณย่า แต่เราก็ทำอะไรมากไม่ได้ ทำอะไรยาก"
"คือคุณปู่ คุณย่ามีลูก 5 คน และคุณอานิรัตติศัยหรือคุณต๊ะ เป็นคนที่ 4 ก็นึกไม่ถึง คาดไม่ถึงว่าจะเป็นผู้ที่สละเรือ และขอออกไปตั้งบริษัทเอง จริงๆ เราทำธรรมนูญครอบครัวด้วยนะ แต่ตั้งแต่ทำ ใจเขาก็ไม่ได้อยู่แล้ว ก็เริ่มรู้ตั้งแต่นานมากแล้วครับ”
ไม่อยากพูดว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกันแล้ว เพราะครอบครัวยังพร้อมช่วยเหลือเสมอ
“ถามว่าจะเรียกว่าตอนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตนาแล้วได้ไหม คือคุณเต้บอกอย่างนั้นไม่ได้ คุณพ่อก็บอกอย่างนั้นไม่ได้ คุณย่าก็บอกอย่างนั้นไม่ได้ เราโตกันมาเป็นยูนิต แต่ไม่ทราบว่าเขาคิดยังไง ตัวคุณเต้เองก็นึกไม่ถึง แต่ที่แยกออกมาก็คือเฉพาะตัวเขา ไม่เกี่ยวกับลูกๆ เขานะ แต่ลูกก็เข้าใจไปในทางที่คุณพ่อเขาปลูกฝังมาแหละ เขาเข้าใจไปทางนั้น แต่เราก็พยายามทำความเข้าใจให้เขาเข้าใจมากขึ้นว่าอะไรเป็นอะไร เขายังเด็ก ต้องค่อยๆ โตขึ้น"
"ถ้าอนาคตจะมีการกลับมารวมเป็นครอบครัวเหมือนเดิมเหรอ ไม่มีปัญหาเลย ตอนนี้เราก็พยายามช่วยเขาอยู่ ถ้าเมื่อไหร่เขาพร้อม เราก็ยินดี แต่ตอนนี้เรื่องมันใหญ่ ก็คือที่ผ่านมาเราก็ช่วยทุกรูปแบบ ช่วยยังไงก็ได้ให้เขากลับมาได้ใช้ชีวิตเหมือนปกติพวกเรา และกลับมาอยู่ในครอบครัวเราได้เหมือนเดิม"
"ถามว่าคุณเต้ทราบไหมว่าเขามีปัญหาเรื่องการเงิน ก็เพิ่งทราบมากที่สุดก็ครั้งนี้ ครั้งนี้หนัก คือตัวคุณเต้เพิ่งทราบว่ามีประกาศออกมาแล้ว แต่ครอบครัวทราบก่อนแล้ว เพราะว่ามีหมายมาที่บ้าน แต่เราก็พร้อมจะช่วยเหลือซัพพอร์ตทุกอย่างแหละ แต่เขาจะให้เราช่วยหรือเปล่าไม่รู้นะ (ยิ้ม)”