xs
xsm
sm
md
lg

“เมญ่า รวิสรา” เตือนภัย! ถูกผจก.ดาราเวียดนามเทงาน เสียหายเป็นแสน “แม่สิตางค์” ลั่นเคยเทงาน 20 ล้าน! (ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เมญ่า รวิสรา” แถลงเตือนภัย ถูกผู้จัดการดาราดังที่เวียดนามเทงาน เสียเงินเป็นแสน ช็อกถูกอีกฝ่ายบอกจะทำให้ดาราฝั่งเขาเสียหาย ทั้งที่ตนพาผัวไปด้วย ด้าน “แม่สิตางศุ์” เผยจำไว้ทำงานต้องมีสัญญา เล่าตนก็เคยโดนมาแล้วที่ฟิลิปปินส์ ทำให้เทงาน 20 ล้านมาแล้ว



ถึงขั้นต้องตั้งโต๊ะแถลงข่าวเพื่อเตือนภัยกันเลยทีเดียวสำหรับสาว “เมญ่า รวิสรา”ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าคือเพื่อนสนิทของสาว “แอนนา วรินทร วัตรสังข์”ซึ่งเจ้าตัวก็ได้ควง สิตางศุ์ บัวทอง มาร่วมแถลงข่าวด้วย เคลียร์สาเหตุร่ำไห้กลางไลฟ์ โดนผู้จัดการดาราเวียดนามเทงาน
ทั้งที่เดินทางไปถึงแล้ว และเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว เสียหายหนักหลักแสนกว่าบาท

“ต้องออกตัวก่อนว่าอันนี้เป็นเรื่องราวระหว่างบุคคลกับบุคล ไม่ได้เกี่ยวกับชาติพันธุ์ใดๆ เพราะเป็นเรื่องระหว่างเราที่เป็นคนไทย และกับผู้จัดการของดาราที่เป็นคนเวียดนาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือเมญ่าได้มีโอกาสทำธุรกิจกับทางเวียดนามมาสักระยะนึง แล้วลูกค้าที่ไทยก็บอกว่าขยายตลาดไหม ก็ได้มีการติดต่อเอเจนซี่ ก็คือผู้จัดการของดาราที่เวียดนามนี่แหละ และเขาก็ถ่ายรูปกับดาราไทยเยอะมาก มาทำงานที่เมืองไทยบ่อยมาก และบอกอีกว่าน้องคนนี้กำลังจะได้ร่วมงานกับน้องนางงามชื่อดังคนนึงในประเทศไทย พอเห็นโปรไฟล์เขา และเขาตอบรับนัดเรามา เราก็ดีใจ

เมื่อวันที่ 11 ก.ย. เรามีการตกลงกัน 2 รอบ คือรอบแรกไปที่ลาว ก็ได้พูดคุยว่าจะเอายังไงแพลนเป็นยังไง และเมญ่าขอไปสร้างคอนเทนต์ก่อน ไปศึกษาตลาดดูว่าเวียดนามเขาเป็นยังไงบ้าง ส่วนครั้งที่ 2 ที่จะไปคือไปพร้อมแม่สิตางศุ์ ให้คนเวียดนามเห็นว่าโปรดักส์เราเป็นยังไง พอรอบที่ 3 เราอาจจะทำการเปิดตัวกัน ซึ่งพอคุยกันเขาบอกว่าคนที่โน่นเขาชอบพวกเรามากเลยนะ เพราะเขาชอบพี่แตงโม (ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์)เพราะพวกเราเป็นเพื่อนพี่แตงโม แต่ก็บอกว่าถ้าจะไปพูดถึงเรื่องนี้ก็ไม่สมควร เพราะที่โน่นเขาจะไม่พูดถึงคนที่เสียชีวิตไปแล้ว ก็เลยจะให้เราไปสร้างคอนเทนต์กับน้องดาราคนนั้นก่อน เพื่อให้คนรู้จัก”

ช็อกอีกฝ่ายมาบอกกลัวทำให้ดาราฝ่ายเขาเสื่อมเสีย ทั้งที่ตนพาผัวไปด้วย
“คือวันที่ 11 ก.ย. เราก็ตกลงกันว่าวันที่ 16 ก.ย. ตอนเย็นจะมาเจอกัน และเขาบอกว่าช่วยเอาเงินใส่ซองมาเป็นค่าจ้างให้เขาหน่อย แล้ววันที่ 17 ก.ย. เราค่อยไปเจอน้องตอน 11 โมง พอวันที่ 16 ก.ย. เราบินไปถึงก็โทร.หาเขาคุยอะไรต่างๆ จน 5 โมงเย็นเรื่องเริ่มเกิด ตัวแทนของเรามาบอกว่า เขาไม่อยากร่วมงานกับเราแล้ว เพราะเขามีคอนเนกชั่นอื่นที่ดีกว่า เราก็ตกใจ ก็เลยโทร.ไปหาเขา คำแรกเขาบอกว่า ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ น้องไปร่วมงานกับเมญ่าไม่ได้ เพราะกลัวว่าเมญ่าจะทำให้น้องเสียหาย เขาบอกว่ากลัวเราจะเอาไปออกข่าวว่าเรากับน้องคนนั้นเป็นแฟนกัน คือเราก็บอกว่าผัวเราก็ไปด้วย แล้วจะไปออกข่าวได้ยังไง

เราก็บอกว่าเราเป็นอินฟลูเอนเซอร์มานานแล้วนะ 3 ปี เรารู้ธรรมเนียมปฎิบัติว่าควรจะทำยังไง ซึ่งเราไม่เคยมีข่าวเสียหายเลย และเป็นเรื่องโชคดีมากที่วันที่เราคุยกันมีกล้องวงจรปิดที่บันทึกเสียงได้ว่าเขาพูดว่าอะไรบ้าง เขาบอกว่าไปทำคอนเทนต์คือไปเที่ยวกัน และไปช่วยเหลือคน คือคุณรู้หมดอยู่แล้วว่าคอนเทนต์คืออะไร เราก็บอกว่าทำแบบนี้เราไม่โอเคนะ เขาก็บอกจะไปคุยกับทีมงาน แล้วก็วางหูไป และโทร.กลับมาบอกว่าน้องมาได้แค่บ่ายโมงถึงบ่ายสาม เราก็บอกว่า 2 ชม. มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เราก็บอกว่าเราตกลงว่าจะจ่ายค่าตัวไปแล้ว ทำแบบนี้ไม่ได้ เขาก็บอกมาคำนึงว่า เมญ่าเก็บเงินของเมญ่าเอาไว้เถอะ ตอนนั้นเราฟิวส์ขาดแล้ว เขาก็โทร.มาหาเราอีกรอบว่าบ่ายโมงถึงห้าโมงได้ไหม ตอนนั้นอะไรก็ไม่เข้าหูแล้วล่ะ เราก็เลยบอกว่ายังไงก็ไม่ได้

ทีนี้เราก็โทร.ปรึกษาหลายๆ คน ทั้งแม่แอนนา ทั้งแม่สิตางค์ ก็บอกว่าไปทั้งทีก็ให้ได้อะไรกลับมา ก็เลยส่งข้อความไปหาเขาว่าตกลงตามนี้ และจะทำงาน 1 2 3 4 แบบนี้ ซึ่งเราไม่รู้หรอกว่าภายในบ่ายโมงถึงห้าโมงจะเป็นยังไง ถ้าเสร็จก่อนก็คือจบ เขาอ่านแต่ไม่ตอบ โทร.ไปก็ไม่รับ และจากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ไม่มีคำตอบใดๆ”

ตัดสินแต่งชุดไทยเดินทั่วเมืองเวียดนาม
“แต่เมญ่าก็ปรึกษาผู้ใหญ่ท่านนึง ท่านก็แนะนำให้เราเดินหน้าต่อ เมญ่าก็เดินหน้าด้วยการที่อยากให้คนเวียดนามได้เห็นว่าคนไทยมาเที่ยว เราก็ใส่ชุดไทยไปเที่ยวเวียดนาม ให้คนทั้งเมืองได้เห็น แล้วเขาก็แตกตื่นกัน และเราก็ทำตามเจตนารมณ์ทุกอย่าง คือไปช่วยคนเวียดนาม และจากนั้นก็มีคนติดต่อเข้ามาเยอะเลย เราก็บอกในไลฟ์เลยว่า ถ้าจากนี้มีคนดังท่านไหน หรือว่ามีใครต้องการที่จะดูแลเราในการที่จะไป ติดต่อมาได้เลย เราจะไปพร้อมแม่สิตางศุ์ และจะไปสร้างคอนเทนต์เป็นความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเวียดนาม”

บอกเสียค่าใช้จ่ายไปแสนกว่าบาท แต่พลาดตรงไม่มีสัญญา
“จริงๆ ที่ออกมาวันนี้เพราะว่าอยากออกมาเตือนภัยด้วย เพราะเราไม่อยากให้เขาไปหลอกใคร และไม่อยากให้ใครโดนเขาหลอก และไปครั้งนี้เมญ่าเป็นคนออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมดแสนกว่าบาทค่ะ แต่ไม่ได้อะไรเลย แต่สมมติถ้างานนี้มันสำเร็จ เราจะได้ในเรื่องของแบรนด์ดิ้งขึ้นมา คนก็จะรู้จักเรา จากนั้นเราจะเอาอินฟลูเอนเซอร์ไทย ไม่ว่าจะเป็นแม่สิตางศุ์ พี่แอนนาไปที่โน่น และเอาอินฟลูเอนเซอร์ที่โน่นมาที่ไทยด้วย หรือแม้จะไปที่ลาว ซึ่งน้องที่เป็นอินฟลูเอนเซอร์ของลาวกำลังจะไปเวียมนามเหมือนกัน มันคือความเชื่อมโยงกันระหว่าง 3 ประเทศ

เราพลาดที่เราไม่มีสัญญา เพราะเราจะไปตกลงคุยกันวันที่ 16 ก.ย. แต่เรามีหลักฐานการคุยทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นแชต เป็นคลิปตั้งแต่ตกลงกัน มีทุกอย่างครบ แต่ในเรื่องของการเอาผิด พอมันไม่มีสัญญาตามกฎหมายก็ไม่สามารถเอาผิดได้ แต่สิ่งที่เราต้องออกมาคือเราต้องการเตือนภัย สิ่งที่เมญ่าอยากได้จากเขาไม่ใช่ว่าเขาจะเอาเด็กเข้ามาหรืออะไร ถ้าไม่โอเคก็แค่บอกเหตุผล เรายินดีรับคำขอโทษนะ แต่สิ่งที่คุณจะต้องตอบเราคืออะไรคือสิ่งที่เราจะทำให้คุณเสียหาย คุณค่าของเรามันต่ำต้อยกว่าคุณขนาดนั้นเลยเหรอ ถ้าคุณตอบได้เราก็สามารถร่วมงานได้ เพราะคนเราผิดพลาดกันได้”

บอกถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญในการติดต่องานต่อไป
“จากบทเรียนครั้งนี้คิดว่าการเตรียมงานครั้งหน้าสิ่งสำคัญคือต้องมีสัญญา ปกติที่ผ่านมาถ้าเป็นงานออฟฟิศเชียลเกี่ยวกับสินค้า เราจะมีสัญญา แต่รอบนี้ที่ไปคือในเชิงการคอนเนกชั่น การคอลแลปส์ซึ่งกันและกัน จากนั้นเราค่อยมาคุยเรื่องธุรกิจกัน ซึ่งเวลาไปคุยงานเราก็ต้องมีค่าใช้จ่ายให้เขาด้วยนะคะ ตอนแรกเขาบอกว่าปกติคิด 1 แสนบาท แต่เขาบอกจะช่วยก็ลดให้เหลือ 50,000 บาท แต่ก็ถือว่าโชคดีที่ตกลงไม่สำเร็จก็เลยไม่ได้เสียก้อนนี้แต่อย่างอื่นเสียไปหมดแล้วแสนกว่าบาท ไม่ว่าจะค่าเครื่องบิน ค่าโรงแรม ค่าชุดอะไรทั้งหลายที่เช่ามา

หลังจากเกิดเหตุการณ์เราก็เช็กโปรไฟล์เขาใหม่ แต่เราไม่แน่ใจว่าเขาเคยทำแบบนี้กับใครหรือเปล่า แต่เราคิดว่าถ้าเขาทำกับเราได้ เขาน่าจะทำกับคนอื่นได้ แต่ถึงแม้จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้เมญ่าก็ยังจะไปทำธุรกิจที่เวียดนามนะคะ เราเป็นคนที่ไม่ได้ย่อท้ออยู่แล้ว มันไม่ได้เป็นปัญหาระหว่างชาติ แต่เป็นปัญหาระหว่างบุคคล

ด้าน “แม่สิตางศุื” เปรยว่าตนก็เคยมีปัญหาเรื่องสัญญาจนต้องเทงานมาแล้ว
“เรามีฐานแฟนคลับอยู่ทั่วเอเชียนะ แต่เราเริ่มทำการค้าตอนรับงานที่ฟิลิปปินส์ อย่างที่รับสินค้าของทางเวียดนาม ก็เพราะฐานแฟนคลับเขาก็จะให้เครดิตเมดอินไทยแลนด์ สินค้าออนไลน์ เราก็แค่เป็นเน็ตไอดอลไปถ่ายยืนยันว่าสินค้าตัวนี้เมดอินไทยแลนด์ แต่เป็นของเวียดนามนั่นแหละ

เราก็เคยมีประสบการณ์ตอนที่มีปัญหากับฟิลิปปินส์ เราก็ไม่เคยออกมาพูดเลย เราก็ไม่ได้ผ่านเอเย่น แต่ตัวล่ามสื่อสารผิด คือเราให้สัญญา 2 ปี เราไปโชว์ว่าจะไปเป็นพริตตี้ เปิดตัวน้ำหอมสิตางศุ์ ฉันไม่ได้นอนเลย ร้องไห้ 4 วัน คืนละ 2 ผับ ตกลงกันชั่วโมงละแสนนะ เราก็ต้องการ 20 ล้านสำหรับสัญญา 2 ปี เราก็ตกใจนะ เพราะเห็นมีน้ำหอมแบรนด์เราเต็มเลย แต่เขาก็หาว่าเราเห็นแก่เงิน แต่ไม่ใช่นะ ทำอะไรไม่บอกฉันก่อน ฉันก็เทงานเลย เพราะยังไม่ได้เซ็นสัญญา จำไว้เลยนะ ทำอะไรต้องมีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น”













กำลังโหลดความคิดเห็น