ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้ไฟฟ้าเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตคนเรามากขึ้น ทั้งในชีวิตประจำวันหรือการทำงาน เมื่อไรที่ขาดไฟฟ้าก็ไปก็อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ จึงได้มีการผลิตพลังงานทดแทนจากธรรมชาติมากมายทั้งพลังงานจากแสงอาทิตย์ พลังงานลม รวมถึงพลังงานน้ำ ซึ่งทั้งหมดที่ว่านี้เป็นพลังงานที่ต้องใช้ต้นทุนสูงและค่อนข้างลำบากในการติดตั้ง เครื่องปั่นไฟจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะเคลื่อนย้ายและติดตั้งใช้งานง่าย เป็นที่นิยมทั้งในงานอุตสาหกรรม และงานเกษตรกรรม โดยมีรูปแบบยอดนิยมที่คนมักนำมาเปรียบเทียบกันคือเครื่องปั่นไฟดีเซลและเบนซิน
โดยความแตกต่างหลักของเครื่องปั่น 2 ชนิดนี้คือ เครื่องปั่นไฟดีเซลจะใช้น้ำมันดีเซล และเครื่องปั่นไฟเบนซินจะใช้น้ำมันเบนซิน ซึ่งยังมีจุดแตกต่างอีกหลายอย่าง ดังนี้
1. เครื่องปั่นไฟดีเซล
เครื่องปั่นไฟดีเซลเป็นตัวเลือกเชื้อเพลิงที่ติดไฟได้น้อยที่สุด จึงมีความปลอดภัยกว่าเครื่องเบนซิน และเป็นเครื่องปั่นไฟที่ค่อนข้างทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็มีขนาดที่ใหญ่ และหนัก ทำให้เคลื่อนย้ายค่อนข้างลำบาก ตัวเครื่องส่งเสียงดัง และสร้างมลพิษได้มากกว่าเครื่องปั่นไฟเบนซิน แต่ก็ให้กำลังที่มากกว่าด้วยเช่นกัน เหมาะกับการใช้งานเป็นระยะเวลานาน เช่น การใช้ทุกวัน เพราะกระแสไฟที่ได้มีความสม่ำเสมอ ราคาไม่แพง ตัวเครื่องมีความทนทาน อะไหล่หาซ่อมง่าย แต่เนื่องจากค่อนข้างเคลื่อนย้ายลำบาก จึงเหมาะกับการใช้งานอยู่กับที่
2. เครื่องปั่นไฟเบนซิน
เครื่องปั่นไฟเบนซินเป็นเครื่องยนต์ที่รองรับการใช้งานได้ทั้งน้ำมันเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ 91-95 ราคาถูก ดูแลรักษาง่าย เหมาะกับการใช้งานภายในบ้าน งานขนาดเล็ก และเหมาะสำหรับการเคลื่อนย้ายเพราะมีขนาดไม่ใหญ่และน้ำหนักค่อนข้างน้อย รวมถึงไม่ค่อยมีเสียงรบกวน จึงสามารถนำออกจากบ้านไปยังสถานที่ก่อสร้างและออกไปที่จุดตั้งแคมป์ในพื้นที่คนเยอะที่แออัดเพื่อใช้งานได้ แต่น้ำมันเบนซินก็เป็นสารไวไฟที่มีอายุการเก็บรักษาสั้นกว่าเชื้อเพลิงประเภทอื่น จึงไม่เหมาะกับการใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานาน ต่างจากเครื่องปั่นไฟดีเซล
ไม่ว่าจะเป็นเครื่องปั่นไฟดีเซลหรือเบนซิน ถ้าอยากให้อยู่ทน อยู่ด้วยกันนานก็มีวิธีดูแลรักษา ดังนี้
• เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ศึกษาดูคู่มือว่าเครื่องของเราต้องการน้ำมันกี่ลิตร หากใช้ทุกวันก็ควร 2-3 เดือนครั้ง แต่ถ้านาน ๆ ใช้ก็ควรเปลี่ยนไม่เกิน 6 เดือนหรือทุก 500 ชั่วโมง
• ทำความสะอาดไส้กรองอากาศ ทุก 6 เดือน
• เช็กสภาพน็อตทุกตัวก่อนใช้งาน เช็กความแน่นหนาของน็อตทุกตัว หมั่นตรวจดูว่ามีการเสื่อมสภาพหรือไม่
• เช็กสายไฟขั้วแบต ดูให้น็อตยึดสายไฟขั้วแบตเตอรี่แน่นอยู่เสมอ
• ดึงสายสตาร์ทให้ตึงมือก่อนกระตุกหรือกระชาก ควรดึงสายตึงมือให้ตัวกระเดื่องเกาะสตาร์ท แล้วค่อยกระชาก เพื่อป้องกันตัวกระเดื่องเกาะสึกหรอเสื่อมสภาพเร็ว
• ถ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงออกจากถังเมื่อไม่ได้ใช้เป็นเวลานาน โดยเฉพาะกับน้ำเมันเบนชีนที่เสื่อมสภาพเร็วกว่าน้ำมันชนิดอื่น
• เป่าฝุ่นเช็ดทำความสะอาดตัวเครื่องหลังใช้งานเสร็จ เพื่อความสะดวก พร้อมในการใช้งานครั้งต่อไป