“มาริโอ้-อนันดา” เป็นผู้เป็นคนขึ้นมาเพราะ “หม่อมน้อย” หากไม่ผ่านมือ คงยากที่จะมาอยู่จุดนี้ ไม่เคยเจอใครในชีวิตอุทิศตนทุกวินาทีเพื่อสอนลูกศิษย์ขนาดนี้ ชาติหน้าขอให้เกิดเป็นอาจารย์-ลูกศิษย์กันอีก
เป็นสองพระเอกที่มีความผูกพันกับ “หม่อมน้อย หม่อมหลวง พันธุ์เทวนพ เทวกุล” บรมครูด้านการแสดง โดยเฉพาะหนุ่ม “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” ที่ถูกหม่อมน้อยตัดสายสะดือให้แจ้งเกิดในภาพยนตร์ “อันดากับฟ้าใส” โดยอนันดาได้เปิดใจพร้อมกับ “มาริโอ้ เมาเร่อ” ลั่นหากไม่ผ่านมือหม่อมน้อย คงยากที่จะมายืนจุดนี้
มาริโอ้ : “รู้อาการป่วยประมาณ 2 เดือนครับ ตอนถ่ายหนังยังไม่ทราบครับ ไม่ทราบเลย หม่อมยังแข็งแรงดี และก็ยังมากำกับอยู่ตลอดครับ”
อนันดาเล่นหนังเรื่องแรกกับหม่อมน้อย เป็นผู้เป็นคนได้เพราะหม่อม
อนันดา : “เล่นหนังกับหม่อมเรื่องแรกครับ ท่านก็คล้ายๆ จะเป็นพ่ออีกคนหนึ่ง ตอนเด็กๆ เป็นเด็กซน เด็กดื้อ ไม่เอาไหนคนหนึ่ง แม่ก็มาฝากไว้กับหม่อม ตอนนั้นพ่อแม่จะส่งไปอยู่ที่โรงเรียนประจำที่ดาร์จีลิง อินเดีย แล้วพ่อแม่เห็นว่าก็ให้โอกาสนี่แล้วกันว่าถ้าให้โอกาสอยู่กับหม่อม ท่านจะทำให้เป็นผู้เป็นคนขึ้นหรือเปล่า ก็ต้องขอบคุณท่านที่ทำให้เป็นผู้เป็นคนได้มาถึงทุกวันนี้ได้ก็โอเคครับ
ส่วนคำสอนที่อยู่ในใจ อย่างที่ผมพูดในงานกาล่า six characters มายาพิศวง คือท่านได้สอนให้รู้จักคำว่าศรัทธา เราต้องศรัทธาต่ออาชีพ เราต้องรู้ว่าสิ่งที่เราถ่ายทอดออกไปให้ผู้ชม มันเป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์นะ จิตวิญญาณของตัวละคร ถ้าเราเชื่อว่ามีจริง มันก็เป็นสติในการทำงานตั้งแต่เด็กจนโต ทั้งนี้ก็ต้องยอมรับว่ามันไม่ใช่ทุกอย่างที่หม่อมสอนว่าด้วยศรัทธา และเราก็ทำมาโดยตลอด มันก็เกิดปัญญา”
ยกเป็นต้นแบบ สอนให้อยู่กับปัจจุบัน
อนันดา : “ครับ แน่นอน คือหลายอย่าง เราอยู่ด้วยมาตั้งแต่เด็ก ไม่ใช่ว่าเราสามารถตกผลึกทุกอย่างที่ท่านสอนมาให้เป็นปัญญาได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ท่านสอนคือเป็นข้อดีในชีวิตการทำงาน สอนให้รู้จักธรรมชาติ อยู่กับปัจจุบัน ก็เป็นคำที่ผมนำมาใช้ชีวิตอยู่ทุกวันนี้”
ไม่เคยเจอใครในชีวิตอุทิศตนทุกวินาทีเพื่อสอนลูกศิษย์
อนันดา : “มีหลายอย่างที่ท่านทำแล้วเป็นแรงบันดาลใจให้เราทำงานอยู่ทุกวันนี้ มีศรัทธาต่องานที่เราทำ ผมไม่เคยเจอใครในชีวิตผมเลยที่อุทิศตนทุกวินาทีของชีวิตเพื่อศาสตร์นี้ เพื่อเป็นครูสอนเราทุกคน ก็ใช้ตรงนี้เป็นแรงบันดาลใจ ในการทำงาน”
มาริโอ้เผยหม่อมสอนทำให้เข้าถึงบทบาท ต้องรักในงาน
มาริโอ้ : “จริงๆ คล้ายกับของพี่อนันดา คือหม่อมจะสอนให้เราไม่ได้เรียนแค่พาร์ตแอ็กติ้งอย่างเดียว แต่สอนให้เรารู้จักตัวเอง เวลาผมเรียนกับหม่อม หม่อมจะสอนให้นั่งสมาธิ มีการเรียนคล้ายๆ โยคะ คือการฝึกร่างกายและจิตใจให้พร้อมในการที่เราเป็นนักแสดง ก็กลายเป็นผมชอบนะครับ วิธีการทำสมาธิ ก็เป็นอะไรที่ทำให้เราในฐานะนักแสดงก็ทำให้เข้าถึงบทบาทง่าย มีสมาธิมากขึ้น”
นอกเหนือจากการแสดง ก็เรื่องการใช้ชีวิต นอกจากการแสดงหม่อมสอนเรื่องของการใช้ชีวิตประจำวัน การประพฤติตัวด้วย ซึ่งสำคัญมากๆ คือเรื่องการรักงานของเรา หม่อมทำให้เห็นตลอดว่าการเต็มที่กับการทำงาน ทำหน้าที่ของหม่อมเต็มที่เต็มร้อย บางทีเกินร้อยด้วยครับ”
ดุเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด
มาริโอ้ : “จริงๆ หม่อมเป็นคนดุ แต่ลึกๆ ทุกอย่างที่หม่อมดุ คือเพื่อให้ทุกอย่างออกมาให้ดีที่สุด หม่อมด่าเรา เราก็เก็บไปใช้ เก็บไปทำให้ดีขึ้น ถ้าเราดีหม่อมก็ไม่ว่า”
อนันดา : “ผมโดนตั้งแต่เด็ก ผมเลยชิน เรารู้อยู่แล้วว่าเจตนาของท่านคือเจตนาดี เอาตรงๆ ตอนท่านป่วยเรายังยุให้ท่านดุเราอยู่เลย ดุหน่อยสิหม่อม คือคนที่อยู่ใกล้ชิดก็จะรู้อยู่แล้วว่าการดุของหม่อม เจตนาก็เพื่อจะสอน”
เป็นเกียรติมากที่ได้ร่วมงาน
มาริโอ้ : “ผมไปเยี่ยมอยู่เรื่อยๆ ลูกศิษย์ทุกคนก็เข้าไป”
อนันดา : “อย่างผมไม่นับตอนท่านป่วยหนัก คือเข้าไปเยี่ยม ซึ่งตอนนั้นผมรู้สึกท่านปล่อยวาง ท่านยังเพลินกับตอนไปเชียงใหม่อยู่เลย คือแฮปปี้มาก ซึ่งท่านคงรู้แหละว่าสิ่งที่ท่านสอนกับลูกศิษย์ทุกคนมันอยู่ในใจทุกคนอยู่แล้ว ช่วงท้ายผมก็รู้สึกว่าทุกคนอยากเห็นท่านสบายมากกว่าครับ เราโชคดีได้เป็นศิษย์ของหม่อม ตอนผมมาเป็นศิษย์ท่านตอนแรก ท่านก็ไม่ได้บอกว่าท่านเป็นครู ด้วยความจำเป็นคือผมต้องเล่นอันดากับฟ้าใส ก็เลยเป็นเหมือนเด็กคนแรกที่ท่านสอน จากนั้นก็มีคนมาฝาก ฝากคนนี้คนหนึ่ง บางคนก็มาเองเลย ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้เรียนกับท่าน ก็เป็นเกียรติมากๆ ทำให้เป็นเราในวันนี้ มันเป็นไปได้ยากมากที่ยืนอยู่จุดนี้ ถ้าไม่ได้ผ่านมือท่านมา”
มาริโอ้ : “หม่อมสอนเสร็จหม่อมจะทำอาหารให้กิน มันเป็นอะไรที่เด็กทุกคนที่เป็นศิษย์ต้องเคยกิน เมื่อกี้ที่เรานั่งกันอยู่ก็มีคนพูดว่าคิดถึงสปาเกตตี้ แต่ว่าเดี๋ยว นิว ชัยพล จะทำมาให้กิน นิวบอกขโมยสูตรมาแล้ว”
อนันดา : “แต่ผมว่ายากนิดนึงนะ เพราะเท่าที่เห็นคือรสมือจริงๆ”
ชาติหน้ามีจริงขอเป็นลูกศิษย์อีก
อนันดา : “หลักๆ คือขอบคุณครับ”
มาริโอ้ : “ผมบอกหม่อมว่าถ้าชาติหน้ามีจริงขอเป็นลูกศิษย์หม่อมอีก”
มาริโอ้ : “เรื่อง six characters มายาพิศวงหม่อมตั้งใจกับเรื่องนี้มากๆ หม่อมอยากจะทำมานาน พอหม่อมได้มีโอกาสทำ ก็ตั้งใจมากๆ เป็นหนึ่งในหนังที่เราซ้อมกันเยอะที่สุด ก็อยากให้ทุกคนดูผลงานสุดท้ายของอาจารย์ท่านด้วย หม่อมก็ดีใจที่หนังได้มีโอกาสไปชิงรางวัล ทุกคนก็พูดว่าเหมือนหม่อมรอวันหนังเข้าฉาย รอวันหนังเข้าโรงพยาบาลวันแรกครับ”
อนันดา : “พี่อ๊อฟ (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) ก็เล่าให้ฟังว่าท่านไปแบบสบายเลย ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นคือบอกว่าท่านไปสงบครับ”