“เฟิร์ส หวัง” เปิดใจเลิฟมากที่ได้ลงประกวดนางงาม เล็งเวทีใหม่ที่รับสาวอายุมากขึ้น ไม่ช้ำถูกคอมเมนต์ชมหรือด่าก็แฮปปี้ ฟุ้งยังอยากเป็นตัวแทนประเทศ สร้างชื่อเสียงให้เมืองไทย
ต้องเรียกว่าเป็นผู้หญิงที่ตระเวนเข้าประกวดเวทีขาอ่อนมาเกือบ 10 ปีเลยทีเดียว สำหรับสาว “เฟิร์ส ภัทราพร หวัง” ที่ล่าสุดกับการผ่านเข้ารอบ 11 คนสุดท้ายเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2022 ซึ่งมาถึงตอนนี้เจ้าตัวก็บอกว่ายังไม่เคยคิดถอดใจที่จะแขวนขาอ่อน เพราะมีเล็งๆ เวทีเอาไว้อยู่เหมือนกัน
“มีคนถามเยอะมาก แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องแขวน เพราะที่มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ที่ผ่านมา ก็ไม่ได้ว่าเราจะต้องลงอีกไหม หรือไม่ลง เพราะเราก็ไม่ได้ผ่านมาหลายปีขนาดนั้นค่ะ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์หน้างานและโอกาสและเวลามากกว่า ถามว่าเข็ดเวทีไหม ตอนนี้ยังไม่มีคำตอบ ต้องดูองค์ประกอบหลายๆ อย่าง แต่ก็มีสิทธิที่จะน้อยลงเพราะด้วยอายุที่มากขึ้นด้วย อย่างที่บอกเราไม่ได้แพลนล่วงหน้าขนาดนั้น สมมติเสร็จประกวดเวทีนี้ ถ้าไม่ได้แล้วยังไงต่อ เรายังไม่มีแพลนตรงนั้น
ถามว่ายังอยากประกวดไหม หนูรู้สึกว่าไม่ได้อยากปิดกั้นมากกว่า ไม่อยากเกร็งว่าใกล้แล้วนะ เผื่อว่าโอกาสมันเข้ามา แล้วเรามองความเป็นไปได้และมันน่าสนใจ เรายังชอบ ยังแฮปปี้อยู่ ณ โมเมนต์นั้นมันก็เป็นไปได้ ก็มีเช็กๆ เวทีดูค่ะ ก็ดูเวทีไหนที่รับอายุที่ค่อนข้างสูงจริงๆ ซึ่งมันก็มี พวกคอมเมนต์ที่ทำให้ช้ำก็ไม่ช้ำแล้ว เอาจริงๆ หนูชิน หนูอยู่วงการนี้ 9-10 ปีแล้ว มันไม่รู้สึกอะไรแล้ว มันรู้สึกแฮปปี้ที่คนจะชม จะด่า มันคือการพูดถึง แล้วเราก็ไม่ได้ทำสิ่งที่ไม่ดี อาจจะไม่ถูกใจ ฉะนั้นจะชมหรือด่าหนูแฮปปี้ ไม่ซีเรียส"
แอบกดดันต้องมาเป็นมาสเตอร์ให้กับเวทีประกวดผู้ชาย
“ตอนแรกก็แอบกดดันนิดนึง เพราะเป็นบทบาทใหม่ด้วย แต่ด้วยความที่มาสเตอร์เรามาเป็นคู่ พอเรามาซัปพอร์ตกันก็สนุกดีค่ะ ก็เอาจากประสบการณ์ตัวเองนี่แหละมาสอน และน้องๆ เองบางทีก็เอาประสบการณ์ของเขามาสอนเราเหมือนกัน ก็เป็นบรรยากาศที่อบอุ่นค่ะ เป็นพี่เป็นน้องกัน ก็มีได้เอาประสบการณ์บนเวทีนางงามมาใช้ในเวทีประกวดนี้ด้วยค่ะ เพราะมันคือการประกวด คือการแข่งขันเหมือนกัน แต่จะเน้นแข่งเป็นทีมมากกว่า
จะผันตัวเองมาเป็นแนวโค้ชจริงจังเลยไหม ก็ขึ้นอยู่กับโอกาสด้วย แต่ก็ชอบนะคะ เพราะได้ชาเลนจ์ตัวเองด้วย มองว่าเป็นการพัฒนาตัวเองไปในทิศทางที่ดีขึ้นค่ะ จริงๆ ถามว่าเกร็งไหมผู้ชายเยอะมาก คือบรรยากาศเปลี่ยนไป ทั้งกองมีแต่ผู้ชายหมดเลย (หัวเราะ) ตอนแรกก็แอบเกร็ง เพราะปกติจะไม่ค่อยได้คลุกคลีกับผู้ชายอยู่แล้วแต่น้องๆ เฟรนด์ลี่ และเป็นทีมด้วย ก็สบายๆ ค่ะ ชิลๆ (ยิ้ม)”
บอกอยากเป็นคนส่งรุ่นน้องนางงามเข้าประกวดบ้าง
“จริงๆ ก็แอบคิดนะ ไหนๆ เราก็มาสุดทางแล้ว และเก็บเกี่ยวอะไรมาเยอะ และเรารู้ว่าน้องๆ จะต้องพบเจอกับอะไร ก็อยากส่งน้องๆ บ้าง พร้อมมากการประกวดมันก็เป็นพล็อตเดิมตลอด ฉะนั้นน้องๆ หน้าใหม่เข้ามาที่ยังไม่มีประสบการณ์ แล้วเราเอาตรงนี้ที่เรารู้อยู่แล้วไปถ่ายทอดหรือเป็นคนดัน มันก็แฮปปี้ไปอีกแบบหนึ่ง ก็สนใจเหมือนกัน หนูคิดว่าสนุกเหมือนกัน รู้สึกว่าตัวเองประกวดมาเยอะแล้ว ฉะนั้นมันก็มีหลายมุมมองที่ไม่ใช่แค่ในเวย์ผู้เข้าประกวด พอมาเป็นคนส่งเราจะรู้ว่าต้องการอะไร สมมติว่าอยากให้คนนี้เตรียมอันนี้ให้ ตรงนี้มันควรจะเป็นยังไง คือเราค่อนข้างเก็บไปเยอะแล้ว มันก็จะดีถ้าเกิดเราได้เป็นคนถ่ายทอด
เด็กที่เข้ามาไม่ได้เน้นเรื่องลุคเลย แต่เราก็ต้องดูบริบทเวทีกับน้องแต่ละคนมันเข้ากันไหม เป็นไปได้ไหม แต่ว่าหลักๆ อยากให้มีความเป็นธรรมชาติ เวลาที่เฟิร์สสอนน้องๆ ที่ผ่านมา คนที่เป็นมาอยู่แล้ว สอนยากกว่าคนที่ไม่เป็นเลย ฉะนั้นแค่พกความมั่นใจ มีความเป็นธรรมชาติ มีแพชชั่นที่อยากจะเป็นนางงามแค่นี้ แต่มันคุยกันได้ เพราะเราก็เริ่มจากศูนย์เหมือนกัน”
บอกยังคงทำงานวนเวียนอยู่กับวงการนางงามและเดินแบบ
“ก็ยังอยู่ในวงการเสมอมา วงการนางงาม ถ่ายแบบ เดินแบบ การกุศล ทำทุกอย่างค่ะ อย่างวันนี้ก็เป็นชาเลนจ์ใหม่อีกบทบาทหนึ่ง ส่วนงานแสดงซีรีส์ทุกคนก็รู้ว่าหนูค่อนข้างอ๊อง คือถ้ามีบทหนูพูดแล้วแข็ง ถ้าเป็นตัวเองมันก็จะไม่มีอะไรผิด ไม่มีอะไรถูก หนูยอมรับ ส่วนเวทีประกวดปีหน้าก็มีไม่เยอะแล้วค่ะ ที่มันเหมาะกับสไตล์เราด้วย ไม่เยอะนะ แต่ถ้ามีโอกาสก็มีเป้าหมายเอามงกุฎเป็นตัวแทนประเทศ หนูคิดว่ามันมีเสน่ห์ของมัน หนูแฮปปี้ เลิฟที่ได้ลงประกวด ทำในสิ่งที่รัก นอกจากให้ตัวเองแล้ว ยังได้ถ่ายทอดให้คนอื่น ไม่ว่าจะเป็นสังคม ชื่อเสียงประเทศด้วย”