“แซม ยุรนันท์” เปิดใจยังมีความเป็นพระเอก ไม่ชอบให้ใครไม่รัก แต่ตอนนี้รถทัวร์มาจอดหน้าบ้าน เหตุคนอินละครคือเธอ โอดเล่นเรียล ตีบทแตกเกินไป ขนาดเมียยังบอกบางครั้งก็เหมือนในละคร ไม่มีภูมิคุ้มกันเรื่องนี้ แต่แนะพ่อแม่-ลูก ควรดูเรื่องนี้ มีข้อคิดดีๆ เพียบ
คงไม่บ่อยนักที่อดีตพระเอกชื่อดังอย่าง “แซม ยุรนันท์ ภมรมนตรี”จะโดนทัวร์ลงชุดใหญ่ เพราะโดนแฟนๆ ละครที่กำลังอินต่อว่าต่อขานกันเต็มเหนี่ยว จากบทบาทของ ทรงศีล ในละครเรื่อง คือเธอที่กำลังจะอวสานในสัปดาห์นี้ ซึ่งเจ้าตัวถึงกับออกปากว่าเสียวท้องไปหมด แต่ขอให้รอชม เพราะตอนจบอาจมีเซอร์ไพรส์แบบคาดไม่ถึง
“โอ้ย เสียวท้องไปหมด รถทัวร์ไปรอจอดหน้าบ้านเต็มเลยครับ บางทีอาจต้องถอยนะ ขอบอกนะครับว่าอาจจะมีเซอร์ไพรส์ก็ได้ คือตอนสุดท้ายมันจะขมวดปมทุกอย่าง และค่อยๆ คลายว่าจริงๆ แล้วมันคืออะไรกันบ้าง เหลือแต่สิ่งที่มันไม่เข้าใจ หรือปมอะไรที่อยู่ในใจ จริงๆ ถ้ามันคลายล็อกได้ มันอาจจะสมูทก็ได้นะครับ แต่มันอยู่ที่ว่าจะถึงจุดนั้นหรือเปล่า
ได้อ่านคอมเมนต์นะครับ ส่วนนึงก็คิดว่าเราคงอินในบทจนคนเชื่อแบบนั้นไปแล้ว หรือบางคนเชื่อเลยเถิดถึงขนาดว่ายุรนันท์เป็นแบบนั้น แต่บางคนที่เข้าใจก็บอกว่าพี่แซมเรื่องนี้โอเค ถ้าเอาไปเทียบกับเรื่องอื่น ไม่ว่าจะกะรัตรักบ้างอะไรบ้าง คือเราก็เล่นหลายแนว และพอเข้าไปเล่นแล้วเราก็ศึกษาว่าในความร้ายในความดีมันจะมีความต่างเสมอ อย่างเรื่องคือเธอ ถึงแม้ว่าคนจะมองว่าเป็นคนร้าย แต่ในใจเราก็รู้สึกว่าถ้าเราเป็นพ่อ เราต้องทำยังไง ลูกเราเลี้ยงมาเป็นแบบนี้ เราต้องทำให้เขาไปยังไง”
บอกอาจจะเพราะเล่นจริงไปหน่อย แต่อยากให้เข้าใจในความเป็นพ่อด้วย
“แต่ด้วยความที่เล่นให้ดูเรียล จนรู้สึกว่าเป็นพ่อจริงๆ กับญาญ่า (อุรัสยา เสปอร์บันด์) คนก็เลยยิ่งอิน ถ้าเล่นเป็นละครร้ายโช้งเช้งไปคนก็อาจจะเข้าใจว่าคือการแสดง แต่เรื่องนี้ดูแล้วเรียล และพอเล่นกับญ่าจริงๆ ญ่าเขาก็รู้สึกอย่างนั้นว่าเราเหมือนพ่อลูก ซึ่งเขาก็รักเราแต่เขาน้อยใจ เราก็รักลูกแต่ก็น้อยใจว่าลูกรักคนอื่นกว่าได้ยังไง เลี้ยงลูกมาขนาดนี้ พ่อเองพอแม่ตายก็ไม่ได้แต่งงานใหม่ อุ้มชูลูกอย่างเดียว ลูกคือเพชรที่พ่อเจียระไนแล้ว รักที่สุดในชีวิต
เมื่อชีวิตมันหักเหได้มาเจอผู้ชายจากแอปฯ หาคู่ แล้วก็ได้กันจนตั้งท้อง เราอยากให้คนรู้สึกถึงคนเป็นพ่อว่าใจมันก็แตกสลายเหมือนกัน ว่าลูกมันเดินต่อไปข้างหน้าไม่ได้ และเผอิญพระเอกของเรื่องคือมาริโอ้ เมาเร่อไงครับ แต่ถ้าเกิดเราไปมองว่าคือเด็กอู่ซ่อมรถข้างๆ บ้าน ซึ่งลูกอยู่เมืองนอกแล้วหนีกลับมาโกหกพ่อ แล้วมาได้กับเด็กในอู่ซ่อมรถเป็นใครก็ไม่รู้ แล้วก็ท้อง อันนี้เป็นโจทย์ถามพ่อทุกคนว่าเราปล่อยได้เหรอ พอท้องพ่อก็เอากลับมาเลี้ยง ถ้าเขาจะแท้งก็ไม่เกี่ยวกับพ่อ ถ้าจะให้เลือกไว้คนนึงระหว่างแม่กับลูก เราก็ต้องเลือกลูกเรา เราจะเลือกหลานไม่ได้ แต่เผอิญมันเป็นละครไง คนเอาใจช่วย ก็เลยกลายเป็นว่าพ่อไม่ดี
แต่เรามีความรู้สึกว่าในความเป็นพ่อซึ่งในชีวิตมีแค่ลูกเท่านั้น วันหยุดก็ไม่ไปไหน เอาลูกไปเรียนบัลเล่ต์ เล่นกีฬา ดนตรี ชีวิตทั้งหมดทุ่มให้ลูก ผมเชื่อว่าในชีวิตจริงพ่อแม่หลายคนก็เป็นแบบนี้ ไม่งั้นคงไม่เห็นโรงเรียนที่เรียนพิเศษเสาร์-อาทิตย์ ทำไมมีพ่อแม่นั่งเฝ้าลูก ทำไมต้องเรียนนั่นนี่ แต่พอเป็นละครคนก็จะรู้สึกว่าทำไมไม่ตามใจลูก ทำไมไม่ให้ลูกเป็นในสิ่งที่เป็น แต่ผมเชื่อว่าพ่อแม่หลายๆ คนดูเรื่องนี้คงได้เก็บไปคิด แต่ละครเวลานำเสนอจะนำเสนอแบบเห็นชัดๆ แต่ในชีวิตจริงเราก็ต้องกลับไปดูว่าเราเป็นพ่อแม่แบบทรงศีลไหม ผมเชื่อว่ามีอีกเยอะที่เป็นแบบนั้น”
บอกอยากให้ลูกๆ เข้าใจพ่อแม่ด้วย ขอให้เจอกันคนละครึ่งทาง
“ก็อยากให้ลูกๆ ที่ดูละครในวัยนี้ว่าให้เข้าใจความรู้สึกของพ่อแม่ด้วย เพราะในการที่จะตามใจลูกทุกอย่าง บางเรื่องมันก็ต้องมีขอบเขตว่าอะไรที่ทำได้ทำไม่ได้ บางครั้งเด็กอาจจะยังไม่มีไกด์ที่ดี แต่พ่อแม่จะเป็นไกด์ที่ให้ได้ อันนี้มันกำลังสอนใครอีกหลายๆ คนในการที่เราเล่นจริงให้เห็น จนภรรยาผมยังกลับมาบอกว่าบางครั้งแซมก็เหมือนทรงศีลในบางเรื่องนะ เราก็ถามว่าจริงเหรอ จนต้องเรียกลูกมาถาม ลูกก็บอกว่าไม่หรอก แต่พ่อก็จะมีวิธี
ผมว่าถ้าคนดูเรื่องนี้อาจจะกลับมาเจอกันคนละครึ่งทาง พ่อแม่ก็คิดแบบนี้ อยากให้ลูกเป็นแบบนี้ ลูกก็ต้องบอกว่าชีวิตเขาอยากเป็นแบบนี้ แต่สำหรับผมคิดว่าชีวิตเป็นของเขาก็จริง แต่ก็ควรจะต้องมีพื้นฐานที่ดีที่ถูกมาตั้งแต่แรก หลังจากนั้นกระดุมเม็ดแรกมันจะไม่ผิด เมื่อมันไม่ผิดแล้ว มันก็จะไปได้อย่างสวยงาม พอถึงจุดนั้นแล้วคุณพ่อก็อย่าไปรังควาญเขาอีก ให้เขาไปในแบบที่เขาอยากไป”
บอกพ่อแม่อย่าพยายามไปคาดหวังกับลูกมาก
“ผมว่าพ่อแม่ที่รักกันแล้วมีลูกออกมาด้วยความฟูมฟักว่ารักกัน กว่าจะมีลูกออกมา บางคนพ่อแม่ทำกิฟท์ ทำอะไรต่างๆ มากมายเลยนะกว่าจะมี ผมเชื่อว่าทุกคนก็คาดหวังว่าลูกในแบบฉบับของตัวเองจะเป็นยังไง แต่สุดท้ายเมื่อถึงจุดนึงเขาต้องได้เป็นในสิ่งที่เขาอยากเป็น เพราะมันเป็นชีวิตของเขา ยังไงก็ตามพ่อแม่ก็ควรจะปูพื้นฐานที่ดีให้เขาตั้งแต่แรก เพื่อที่เขาจะได้คิดดีเป็น ทำดีเป็น มองเห็นในโลกที่ควรจะต้องเป็น
แรกๆ เราก็ยังไม่รู้หรอกว่าเราจะต้องผลักกันยังไง ลูกผมก็เหมือนกัน เขาควรจะต้องเรียนดนตรีไหม ถ้าพยายามใส่ให้เขาเราก็จะไม่รู้อยู่ดีว่าเขาชอบหรือไม่ชอบ ลูกผมก็เรียนดนตรี เรียนเปียโนทุกคน จนกระทั่งเราเห็นว่ามันไม่สนุกที่เขาจะรับ เราก็เลยมาคุยกับภรรยาว่าพอก่อนไหม เพราะถ้ามันโหลดเกินสนุก สุดท้ายเขาก็จะไม่ชอบอยู่ดี เราก็ต้องเรียนรู้ว่าเขาชอบอะไร แล้วก็เสริมเขา หรือถ้าเขาไม่ชอบอะไร เราก็แนะนำว่าอันนี้มันดีนะลูก ลองทำไหม
ผมคิดว่าถ้าพ่อแม่ไม่ค่อยเติมให้มันก็จะไม่เต็ม เพราะฉะนั้นอย่ามองว่าการที่พ่อแม่คิดอะไรแทนลูก มันเป็นสิ่งที่ไม่ดีเสมอไป เช่นเดียวกันพ่อแม่ก็อย่าคิดว่าสิ่งที่เราอยากได้อยากเป็นเอาไปใส่ลูก อย่าเอาเท้าใครไปใส่ในรองเท้าเรา และพยายามเฉือนนิ้วให้เข้าไปให้ได้ มันต้องพอดีสำหรับคนๆ นั้น ซึ่งนั่นคือความยากของคุณพ่อคุณแม่ที่จะต้องรู้ว่าความพอดีนั้นคืออะไร”
เผยถ้ายังเป็นพระเอกเหมือนสมัยก่อนคงรับไม่ได้ที่โดนทัวร์ลง
“แรกๆ คนก็เข้าใจนะ และเราก็อินว่าเราก็รักลูก แต่ด้วยเหตุผลต่างๆ ที่มันเข้ามา ลูกเขยที่จะเข้ามาแก้แค้นอีก มันก็จะมีความแค้น การเอาชนะ การเอาคืน การที่เห็นลูกเราเห็นผู้ชายดีกว่าพ่อ มันมีหลายๆ อย่าง ซึ่งในรายละเอียดมันอาจจะเล่าในละครไม่ได้ แต่เวลาคุยกับผู้กำกับมันก็จะมีมุมให้เราเล่นได้ เรื่องนี้เราจะคุยถึงเหตุผลกันเยอะ แต่บางเรื่องมันไปใส่เหตุผลในอรรถรสของละครมันก็ไม่สนุก บางฉากพอเล่นเสร็จเดินออกไปเครียดเหมือนกันครับ แต่เรื่องนี้จะเห็นว่าเล่นโอเว่อร์ไม่มากนัก เพราะพยายามเล่นให้จริงมาก มันก็เลยกลายเป็นโดนเกลียดมาก เพราะว่าเล่นจริงเกินไป
ในเชิงละครนะถ้าสมัยที่ผมเป็นพระเอกผมคงนอนไม่หลับ เพราะเรายังต้องมีความเป็นพระเอกที่เราไม่อยากให้ใครไม่ชอบ ความเป็นพระเอกมันก็มีความเป็นพระเอกน่ารัก พระเอกอบอุ่นสมัยเป็นพระเอกผมก็เป็นพระเอกที่เล่นหลากหลายนะครับ แต่พอมาเป็นนักแสดงที่ไม่ใช่เป็นตัวพระนางแล้ว แต่เป็นตัวเดินเรื่องในทุกๆ เรื่องที่เล่น คือถ้าไม่มีคนนี้ เรื่องมันก็ไม่เกิด และพอมันเกิดความไม่เข้าใจขึ้นมันก็เลยยาว ก็ถ้ามันเข้าใจกันตั้งแต่ต้นก็จบไปนานแล้วครับ
เหมือนตอนที่ผมเล่นใบไม้ที่ปลิดปลิว หยุดไป 17 ปีแล้วกลับมาเล่น คือถ้าวันนั้นผมไม่ตบลูก ไม่ด่าเมียว่าเป็นอีกะxรี่ ซึ่งแรกๆ ผมก็ด่าไม่ได้ คุยกับผู้กำกับตลอด คือผู้ชายด่าผู้หญิงอีกะxรี่ คือมันต้องเบอร์ไหนผู้กำกับก็บอกว่าพี่แซมพูดคำว่าแกงกะxรี่ก็ได้ ขอคำนี้หน่อย เราก็บอกว่าแกงกะxรี่ กับกะxรี่มันไม่เหมือนกัน เราก็ต้องเข้าใจ เพราะถ้าเราไม่พุ่งไป นางเอกเขาก็ไม่กลับมาแก้แค้นพ่อ ไม่กลับมาทำอะไรก็แล้วแต่ เรื่องคือเธอก็เช่นกัน ถ้าผมไม่แรง ตัวพระเอกมันก็ไม่ติดคุก ไม่ต้องไปตัดไตทิ้ง ไม่ต้องกลับมาแก้แค้นนางเอกต่อ คือถ้ามันแผ่ว เรื่องก็จบ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องยอมโดนคนเดียว เพราะเราเป็นคนเดินเรื่อง”
บอก “แอน ทองประสม” ไม่ได้เรียกตนเข้าห้องเย็น แต่มีวิธีแนบเนียนกว่านั้น
“ญาญ่ากับมาริโอ้ สองคนนั้นโดนเรียกเข้าห้องเย็นบ่อยๆ แต่ผมไม่เคยนะ แต่แอนเขาจะมีวิธี เขาก็น่ารัก เพราะตอนแรกผมก็จะเล่นเป็นพ่ออีกแบบนึง เล่นเป็นพ่อแบบที่เราเข้าใจ พอถ่ายไปสักพักน้องแอนเขาก็บอกว่าพี่แซมคะ แอนตัดละครมาแล้วบางส่วน พี่แซมลองดูว่าพี่แซมชอบหรือเปล่า พอเปิดดูที่เขาตัด เราก็เข้าใจหมดเลยว่าแอนกำลังจะสื่ออะไร (หัวเราะ)
ก็บอกว่าโอเค พี่คงต้องเพิ่มแหละ เพราะถ้าพี่ไม่เพิ่ม เรื่องมันจะพุ่งไม่ได้ ถ้าพ่อแสนดีกว่านี้อีกนิดนึง ญ่าก็จะดูเป็นเด็กไม่ดีขึ้นมาทันที ก็จะกลายเป็นเด็กใจแตก พ่อทั้งรักทั้งอุ้มชู แต่ทำไมยังไป ถ้าพ่อไม่เข้าใจและผลักลูกออกไป เรื่องมันก็ไม่เกิดครับ เขาจะมีวิธี เราก็ต้องคุยกันในลักษณะว่ารักลูกแบบนี้ ทำแบบนี้ไม่ได้นะ คือทำแบบนี้มันทำลายความเป็นพ่อของเรามากเลย เราก็จะมีเหตุผลของเรา
แต่พอเขาตัดเป็นละครออกมา เพราะเราไม่รู้ไง สมัยที่เราเล่นเป็นพระเอก เราจะรู้หมดเพราะเราเป็นคนเดินเรื่อง แต่ตอนนี้เราเป็นตัวซัปพอร์ต เราเป็นคนใส่น้ำจิ้ม ถ้าเราใส่ไม่พอมันไม่อร่อยครับ พอแอนตัดมาให้ดูก็ได้เลย พี่จัดให้”
บอกขอให้ดูละครแล้วย้อนดูตัว
“คือทุกครั้งที่เล่นละครก็อยากให้ทุกคนย้อนดูตนนะครับ อยากจะให้รู้ว่าบทสรุปของคนๆ นึง บางคนอาจจะสาปแช่งอยากให้ทรงศีลตายไปเลยก็ได้ อยากให้เป็นบ้า อยากให้ติดคุก วิธีนี้อาจจะมีการนำเสนอว่าคนเราบางเรื่องบางจุดมันเล็กนิดเดียว แต่เรามองไม่เห็นกัน แล้วไปห่ำหั่นกันเพื่ออะไรก็ไม่รู้
สุดท้ายปมนี้อาจจะถูกขยายไปว่า มันมีแค่นี้เองเหรอ แล้วทำไมเราถึงไม่ทำกันมาตั้งแต่แรก เส้นผมมันบังภูเขาเลย เราสู้กันเกือบตาย สุดท้ายมันก็เพื่อความรักไม่ใช่เหรอไม่ใช่เพื่อความร่ำรวยอะไร จะมาฆ่ากันเพื่ออะไร แล้วจะมีความเอาชนะกันทำไมในเมื่อมันมีอยู่เท่านี้เอง
ถามว่ามีภูมิคุ้มกันกับการทัวร์ลงไหม ไม่หรอกครับ สุดท้ายผมยังยืนยันว่าทุกคนมีคำว่าคือเธอในตัวแสดง และคือเธอของทรงศีลมันคือสายขิมเท่านั้นเลยนะ แต่ทางมันอาจจะคดเคี้ยวหรือไม่ถูกไม่ต้องแต่ทั้งปวงทรงศีลรักลูกมาก”