“ลูกน้ำ พาเมล่า” จุดธูป 3 ดอกรักษาสัจจะ ลั่นไม่มีคู่ครองอีกตลอดชีวิต “แห้ว รีเจนซี่” อดีตสามี เป็นคู่คล้องกรรม แต่งไหลตามข่าว ไม่ได้มาจากความรู้สึกทั้งสองคน เก็บเป็นบทเรียนเตือนตนจะไม่ผิดพลาดอีก ลั่นความฝันสูงสุดคือบวช
เคยตกเป็นข่าวใหญ่โตและเซอร์ไพรส์วงการอยู่ไม่น้อย หลังจากที่ “ลูกน้ำ พาเมล่า เบาว์เด้นท์” อดีตนักร้องชื่อดังยุค 90 เจ้าของฉายาสะโพกทอร์นาโด ที่กำลังโด่งดังสุดขีด ตัดสินใจเข้าพิธีวิวาห์ใช้ชีวิตคู่กับ “แห้ว รีเจนซี่” แต่อยู่ด้วยกันได้แค่เพียง 8 เดือน ก็ต้องเลิกรากันไป ล่าสุดลูกน้ำได้ออกมาเปิดใจผ่านรายการ “โต๊ะหนูแหม่ม” พร้อมเผยว่าจากนี้จะไม่มีคู่อีกแล้ว ส่วนอดีตสามีคือคู่คล้องกรรม
“ไม่อยากมีคู่คล้องกรรมอีกแล้ว ถ้าทางโลกมองว่าไม่ประสบความสำเร็จ หนูสอบตก แต่ทางธรรมหนูถือว่าหนูสอบผ่านแล้ว หนูได้เรียนรู้และจบแล้ว ไม่ต้องการอีกแล้ว สิ่งที่เป็นการคล้องกรรมตรงนี้ถ้าเป็นคู่ที่ดีก็จะส่งเสริมกัน แต่ถ้าผิดหวังก็จะเป็นความทุกข์ เราปรารถนาที่จะออกจากทุกข์ เราจึงเลี่ยง ตัด อะไรเข้ามา ก็ขอเป็นกัลยาณมิตรกัน คำว่าคู่คล้องกรรมก็ตรงตัวเลย พ่อแม่ลูกก็เป็นคู่คล้องกรรม สามีภรรยาก็เป็นคู่คล้องกรรม คนมาร่วมชะตาชีวิตเดียวกันก็คู่คล้องกรรม ไม่ว่ากรรมดีหรือไม่ดี
พี่แห้ว เป็นคู่คล้องกรรมในช่วงชีวิตนึง เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไม่ได้ ณ ตอนนั้นอาจเป็นคลื่นความถี่ที่จูนไม่ตรงกัน ตอนนั้นหนูอายุ 28 ไปต่อไม่ได้เพราะไม่ตรงกัน เหมือนรักกันไม่ได้ คนนึงเข้าใจอย่างนึง คนนี้เข้าใจอีกอย่าง คนนึงพูดอย่างนึง แต่อีกคนเข้าใจอีกอย่าง”
แต่งไหลตามข่าว ไม่มีสินสอด ทั้งที่ไม่พร้อมทั้งคู่
“เราเรียนรู้กัน 4 เดือนก่อนมาใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน ที่ตัดสินใจก็ไม่ได้มาจากเราจริงๆ แต่มันเป็นข่าวขึ้นมา เราก็ไปตามนั้น ถามว่าพร้อมแต่งทั้งคู่ไหม เราไม่พร้อมทั้งคู่ เราก็ถามว่าเอาไงดีพี่ มันเป็นข่าวแล้ว แต่เราก็ตัดสินใจว่าไหนๆ เราก็คบกันแล้ว ไม่ช้าก็เร็วอาจต้องแต่งงานกัน ก็ใช้ชีวิตคู่กันเลยแล้วกัน แต่ง 2 พันคู่ตอนนั้น ไม่มีสินสอด ไม่มีอะไรเลย ไปร่วมงานแล้วแฮปปี้เลย”
แต่ง 8 เดือนเลิก เผยฟางเส้นสุดท้าย
“เรามีความรักที่ไม่เพียงพอ ถ้าคนที่เขามีความรักให้กันมาก จะเรียนรู้มากหรือน้อยเขาก็จะให้อภัยกัน จะปรับตัวหากันได้ตลอดเวลา แต่งงานกัน 8 เดือน เราเรียนรู้กันแล้ว วันที่ตัดสินใจที่จะเลิก ไม่ใช่ตัดสินใจครั้งเดียวแล้วเลิก มันมีการกระทบกระทั่งกันมาตลอดอยู่แล้ว จนฟางเส้นสุดท้ายที่คิดว่าไม่ไหวแล้ว คือคนที่อยู่ด้วยกันเขาไม่มีความสุขเลย เหมือนเราเป็นต้นเหตุให้เขาไม่มีความสุขหรือเปล่า แล้วทะเลาะกันตลอดเวลา น้ำก็เลยบอกว่างั้นเราหยุดเถอะ ซึ่งน้ำไม่พูดคำนี้บ่อย ต่างจากพี่เขาจะรู้สึกว่าไม่โอเค เขาก็พูดอยู่เรื่อยๆ เราก็สงสารเขาส่วนนึง แล้วก็คิดว่าทำไมชีวิตเราต้องมาทนกับอะไรแบบนี้ ถ้าพี่ไม่โอเคเราหยุดกันนะ ต่างคนต่างไป เป็นเพื่อนกันดีกว่า พอเลิกกันไปก็ไม่ได้เจอเลยค่ะ ต่างคนต่างเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์”
เก็บเป็นบทเรียนเตือนตน ไม่ผิดพลาดอีก
“ก็ได้เรียนรู้ว่าชีวิตไม่ได้สมหวังไปซะทุกเรื่อง อยู่ที่ว่าเมื่อเราผิดหวังไปแล้ว เรามีวิธีเรียนรู้และตั้งรับยังไง และจะก้าวเดินยังไงต่อไปให้สง่างาม เก็บบทเรียนตรงนี้เอาไว้เตือนตัวเอง สอนตัวเองว่าจะไม่ผิดพลาดแบบนี้อีก เราจะระมัดระวังในการมีความสัมพันธ์ จะไม่กระทบกระทั่งใครอีก จะไม่ทำให้ใครต้องเสียใจ”
ตั้งใจจะไม่มีใครอีกแล้ว บวชเป็นความฝันสูงสุด
“ตอนนี้ไม่มีใครแล้วค่ะ น้ำตั้งใจที่จะไม่มีอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ก็มี หนูก็ปรับให้เป็นเพื่อน ตอนนี้เวลาเห็นคนรูปร่างหน้าตาดีก็แค่มองไม่มีแรงดึงดูดตรงนั้นแล้ว ส่วนเรื่องบวชเป็นความฝันอันสูงสุด ถ้ามีโอกาส ถ้าทำได้ น้ำได้ไปศึกษาเหมือนกับรับใช้แม่ชี รู้สึกว่าชีวิตท่านมีความสุข บอกไม่ได้ว่าอีกนานไหม แต่อนาคตกำหนดไม่ได้ ไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ต่อๆ ไป ณ วันนี้ยังเป็นฆราวาส ยังทำประโยชน์อะไรได้บ้าง น้ำก็อยากทำตรงนี้ต่อไปก่อน
จุดธูป 3 ดอกถวายสัจจะ
“อย่างถ้าเราตั้งใจไว้แล้วว่าเราถวายสัจจะ วันนี้จะไม่โกรธใคร เราก็ทำตรงนี้ไปก่อน วันแรกเราหลุดเสียสัจจะ กลับบ้านจุดธูปทีละดอก 3 ดอก ห่างกัน 20 นาที พิจารณาว่าเราพลาดตรงนี้ หลวงพ่อวางเอาไว้ให้เราเลิกนิสัยให้ได้จริงๆ เพราะเราดื้อมาก สัจจะคือการนำชีวิตเราไปในทางที่ตรงและไม่เป็นทุกข์ ทุกวันนี้เราปฏิบัติสัจจะจนชิน ใครปาดก็จะมองเป็นอีกแบบ มีแต่ความเมตตาให้เขา ส่วนเรื่อง อิจฉา เมาท์มอยเราไม่เอาเลย สิ่งที่ทำให้เป็นทุกข์ จะไม่เอาเลย แทบไม่เกิดขึ้นแล้ว อย่างนั่งคุยกันเรื่องคนโน้นคนนี้ เราจะไม่ร่วมวง ไม่ใช่หน้าที่เราต้องไปตัดสินใคร เราไม่มีสิทธิ์ตัดสินใคร เราไม่รู้หรอกว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น อย่าไปตัดสินคนอื่น”