xs
xsm
sm
md
lg

“ณวัฒน์” ยัน “ค่ายแสงรวี” ฟ้อง “อิงฟ้า” 1,245.5 ล้านจริง ไม่ไกล่เกลี่ย ยอมจ่ายที่ 0 บาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ณวัฒน์” ยัน “ค่ายแสงรวี” ฟ้อง “อิงฟ้า” เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,245.5 ล้านบาท ด้าน “ทนายสาคร” ลั่นเตรียมสู้กลับอีกฝ่ายด้วยเรื่องของการทำสัญญาที่ไม่เป็นธรรม มองอิงฟ้าถูกเรียกค่าเสียหายละเมิดสัญญาวันละ 1 ล้านบาทไม่มีวันเกิดขึ้นได้จริง ไม่ไกล่เกลี่ย ยกเว้นกรณี 0 บาท วอนค่ายสู้กันแค่ตรงนี้ อย่าไปลงกับคนอื่นอีก หลังมีแฟนคลับถูกฟ้องคดีอาญา ในข้อหาหมิ่นประมาท

จากกรณีที่ค่ายเพลงแสงรวี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ต้นสังกัดเก่าของ “อิงฟ้า วราหะ” ฟ้องเรียกร้องค่าเสียหาย หลังจากที่ อิงฟ้า ได้รับตำแหน่ง มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2022 จำนวนทั้งสิ้น กว่า 1,200 ล้านบาท โดยที่ผ่านมา ค่ายแสงรวี ได้ออกมาชี้แจงว่าทางค่ายไม่ได้ฟ้องเรียกร้องค่ายเสียหายกับ อิงฟ้า ในจำนวนตามที่เป็นข่าว

วันนี้ (9 ก.ย.65) “อิงฟ้า วราหะ” ได้ควง “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” ประธานและผู้ก่อตั้งเวทีการประกวดมิสแกรนด์ พร้อมด้วย “ทนายสาคร ศิริชัย” ตั้งโต๊ะแถลงข่าวพร้อมโชว์หมายฟ้องพร้อมสัญญา ยืนยันว่า ทางค่ายแสงรวีได้ยื่นฟ้อง อิงฟ้า เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,245.5 ล้านบาท

ณวัฒน์ : “ตอนนี้กำลังเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในบางส่วนแล้ว บางคนก็อาจจะสงสัย ตั้งแต่เราได้สัญญามาเราก็อ่านโดยละเอียด ซึ่งเราเพิ่งได้ทำความเข้าใจ แต่สิ่งที่เราอยากจะยืนยันเลยก็คือมูลค่าที่เรียกมาค่อนข้างสูง บางสำนักข่าวบอกจำนวนไม่ได้มากขนาดนั้น แต่ของเรายืนยันว่ามีจำนวน 1,200 กว่าล้าบาท โดยมี 2 ยอด มียอดที่เรียก ณ วันที่มีการจัดการสำนวน เกือบ 50 ล้านบาท หลังจากนั้นอีกทุกๆ วัน วันละ 1 ล้านบาท

ทนายสาคร : “คดีนี้มีการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2565 เราสรุปสั้นๆ ถามว่าทุนทรัพย์มันขนาดไหน ทุนทรัพย์ขนาดที่โจทก์ยื่นฟ้อง เรียกร้องคือ 49.5 ล้าน เป็นค่าเสียหายต่างๆ เช่น การที่น้องไปออกงานอยู่ 42 วัน ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค. จนถึงวันที่เขาฟ้องก็คือ 13 มิ.ย. เขาคำนวณเป็นมูลค่าไป 84 ล้าน ฉะนั้นเขาต้องได้ครึ่งนึงก็คือ 42 ล้าน บวกกับวันที่น้องได้รางวัลจากการประกวดมิสแกรนด์ฯ อีก 5 ล้าน เขาขอหารครึ่งนึง คือ 2.5 ล้าน และเขาเรียกร้องในส่วนที่น้องไปกล่าวพาดพิงว่าอยู่กับเขาแล้วการกินอยู่ไม่ดี ต้องทานมาม่า เป็นการเปรียบเปรยถึงความเป็นอยู่อีก 5 ล้าน รวมทั้งหมดเป็น 49.5 ล้าน ในขณะขึ้นฟ้อง

และเขาเรียกร้องทุนทรัพย์ในส่วนของค่าเสียหายในอนาคตทางกฎหมายเพราะค่าเสียหาย อนาคตนับจากวันฟ้อง วันที่ 13 มิ.ย. จนถึงสิ้นสุดสัญญาก็คือ 22 ก.ย.2568 คำนวณเป็นวันละ 1 ล้านก็เป็น 1,196 ล้านบาท คือคำขอท้ายฟ้อง รวมทั้งหมดทั้ง 49.5 ล้านบาท กับ 1,196 ล้านบาท ก็รวมเป็น 1,245.5 ล้านบาท นี่คือข้อเท็จจริง ที่เขาฟ้องเป็นทุนทรัพย์จริง”

ณวัฒน์ : “ต้องยืนยันว่าตัวเลขที่พูดมาเป็นตัวเลขผูกพันที่เราจะนำขึ้นสู่ศาล เราพูดอะไรออกไปเราพูดเฉพาะข้อเท็จจริง 100 % เบ็ดเสร็จแล้ว 1,245.5 ล้านบาท แล้วคดีนี้ดูจากรูปการณ์ในการต่อสู้แล้วคิดว่าน่าจะจบคดีหลังจากเลยสัญญาไปอีกนานแสนนาน มันคงไม่ได้จบในวันที่ 12 ก.ย.2568 ตามสัญญาที่จะหมด

ตอนนี้มีการฟ้องร้อง “อิงฟ้า” แค่คนเดียว
ทนายสาคร : “ตอนนี้เขาฟ้องอิงฟ้าคนเดียว ในส่วนของบริษัทมิสแกรนด์ฯ เขาสงวนสิทธิ์ที่จะฟ้อง เขาเคยโนติสมาแล้ว แต่เขาไม่ได้ฟ้องมาในคดีเดียวกัน แต่เรียนว่าเขาเซ็นสัญญากับมิสแกรนด์ฯก่อนที่เขาจะได้แจ้งเตือน ตัวมิสแกรนด์ฯ ไม่รู้ว่ามีสัญญามาก่อน แม้แต่ตัวน้องเองยังไม่รู้แล้วมิสแกรนด์ฯ จะรู้ได้ยังไง”

ณวัฒน์ : “แต่ผมก็รู้สึกโล่งใจนะ เมื่ออ่านสัญญาแล้วไม่มีข้อห้ามประกวดนางงาม ผมมั่นใจว่าสิ่งที่ห้ามเขาใส่จนหมดแล้ว ไม่ได้ห้ามประกวดนางงาม ไม่ได้ห้ามเป็นนักการเมือง ไม่ได้ห้ามเป็นเชฟไปปรุงอาหาร เราเดินตามกฎหมายทุกอย่าง ในกรณีนี้ผมเป็นแค่ที่ปรึกษา”

ไม่เคยมีการพูดคุยต่อรองกับคู่กรณีเลย
อิงฟ้า : “ไม่ได้พูดคุยค่ะ แต่ที่ผ่านมาเคยติดต่อขอดูสัญญากับเขามา 3 ครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับมา”

ณวัฒน์ : “ของผมก็พูดคุยผ่านสื่อว่าอยากจะเชิญเจ้าของบริษัทมาเจอผมบ้าง แต่ทุกครั้งก็ยังไม่มีอะไรนอกจากหมายที่ส่งมา เราก็เพิ่งไปอ่านสัญญาไปพร้อมๆ กันที่น้องไปเซ็นเอาไว้หลังจากที่น้องถูกฟ้องแล้ว สัญญามาพร้อมหมายศาล ตัวอิงฟ้าเองตลอดมาพยายามที่จะติดต่อ เขียนจดหมายเพื่อจะขอความอลุ่มอล่วย ขอดูเนื้อหาสัญญาเพื่อจะได้ปฎิบัติตัวได้ถูกต้องตามสัญญา แต่ไม่มีการตอบกลับเลย น้องเลยไม่รู้เนื้อหาสัญญา การซ้อนเงื่อนของการสิ้นสุดอายุสัญญา เขาห้ามอะไรบ้าง อะไรทำได้ทำไม่ได้ น้องไม่รู้”

เผยเตรียมสู้กับอีกฝ่ายด้วยเรื่องของการทำสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ผิด พ.ร.บ. ว่าด้วยข้อสัญญาไม่เป็นธรรมปี พ.ศ. 2540
ทนายสาคร : “เรามองว่าสิ่งที่โจทก์เรียกร้องมา ในเรื่องของข้อสัญญา ตั้งแต่น้องทำสัญญามาเขาไม่ได้ให้คู่ฉบับหรือสำเนาสัญญา โดยน้องก็ไม่ได้รู้ว่าเนื้อหารายละเอียดเป็นอย่างไร เคยมีหนังสือทวงถามไปแล้วก็ไม่ได้ ฉะนั้นเมื่อเรามาดูสัญญาโดยตรวจสอบตามข้อกฎหมาย ปรากฎว่าสัญญานี้น่าจะเข้าข่ายสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยข้อสัญญาไม่เป็นธรรมปี พ.ศ. 2540 คำว่าไม่เป็นธรรม ในข้อห้ามสัญญา 1 เป็นสัญญาว่าจ้างนักร้องและการแสดงที่เกี่ยวกับการเป็นนักร้อง ไม่ได้ระบุว่าห้ามไม่ให้น้องไปประกวดนางงาม ก็คือไม่มีข้อห้ามในการไปประกวดเวทีมิสแกรนด์ฯ

สอง สัญญาว่าจ้างนักร้อง นักแสดง แต่กลับไประบุข้อห้ามหลายอย่างที่มันนอกเหนือสัญญาไป เช่น ห้ามไม่ให้เป็นพิธีกร แสดงละคร แสดงภาพยนตร์ ถ่ายแบบ เดินแบบ หรือรับจ้างโฆษณาให้บุคคลอื่นผ่านช่องทางสื่อทุกรูปแบบเว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากคู่สัญญา หมายความว่าให้น้องเป็นนักร้อง ไม่ให้น้องทำกิจการอื่นที่จะดำรงชีพได้ อันนี้เรามองว่าสัญญานี้ไม่เป็นธรรม 

อีกข้อได้ซ้อนปมสิ้นสุดอายุสัญญาไว้ หมายความว่าเมื่อครบกำหนด 12 ปีภายในสัญญา ถ้าไม่มีการตกลงกันขอให้สัญญานี้ต่อไปอีก 10 ปี ซึ่งเป็นการระบุเงื่อนไขในสัญญาให้สัญญาเดินต่อไปโดยไม่มีที่สิ้นสุด แสดงว่าจะต้องตายจากกันไปข้างหนึ่งถึงจะหมดอายุสัญญา ตรงนี้เป็นลักษณะของสัญญาที่ไม่เป็นธรรม หากถ้าพบสัญญาที่ไม่เป็นธรรมจะใช้บังคับไม่ได้ จะบังคับได้แค่ในกรณีที่เป็นธรรมตามควรแก่กรณีเท่านั้น อันนี้คือข้อกฎหมาย”

ณวัฒน์ : “สิ่งนึงที่เราจะเอามาโต้แย้งตามหลักการในสัญญาเลยก็คือไม่มีข้อห้ามในการประกวดนางงาม ไม่มีตัวไหนที่ระบุว่าห้ามประกวดนางงาม”

ทนายสาคร : “เราสู้ในพื้นฐานที่น้องไม่ได้รับความเป็นธรรมในสัญญา และเราจะสู้เพื่อให้เป็นตัวอย่างสำหรับศิลปินคนอื่นๆ ในลักษณะเดียวกัน มันมีกรณีแบบนี้เยอะครับ วันนึงเราเป็นเด็กบ้านนอก เราไปเซ็นสัญญากับค่ายไหนแล้วเราไม่ได้เห็นสัญญาเลย แล้วสัญญานั้นไม่เป็นธรรม กฎหมายน่าจะเข้ามาคุ้มครองตรงนี้

มองความเสียหาย ที่ “อิงฟ้า” ถูกเรียกวันละ 1 ล้านบาทไม่มีวันเกิดขึ้นได้จริง
ทนายสาคร : “เราต่อสู้ว่าเรื่องนี้คู่สัญญาคือโจทก์ไม่ได้รับความเสียหายถึง 1,200 ล้านจริง เราให้การต่อสู้ว่าเป็นการเรียกร้องค่าเสียหายตามอำเภอใจ และคิดคำนวณเอาเองโดยไม่รู้ว่าน้องจะได้รับ เท่ากับเรียกร้องมาแบบไม่ได้หลับได้นอนกัน คือต้องทำงานทุกวัน วันละ 1 ล้านบาท ฉะนั้นความเสียหายนี้ไม่เกิดขึ้นจริง เราจะต่อสู้ว่าแม้น้องจะอยู่กับคู่สัญญา อยู่ในสังกัดเขาจนครบอายุสัญญาเลยก็คงไม่ได้เงินเท่านี้ จะได้ถึง 5-10 ล้านหรือเปล่า”

ณวัฒน์ : “ถ้ามีมูลค่าระดับนั้นที่ผ่านมานับปีไม่ถ้วนแล้วน้องก็คงจะต้องหางานวันละ 1 ล้านบาท มันไม่สอดคล้องกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้”

“อิงฟ้า” เผยรายได้ตอนอยู่บริษัทเดิม ได้เงินเดือนละ 10,000 บาท ในฐานะพนักงานทำงานออฟฟิศไม่ใช่ศิลปิน
อิงฟ้า : “ตอนช่วงที่อยู่กับเขาถ้าพูดถึงงานในส่วนของศิลปินมันไม่มีเลย จะอยู่เหมือนเป็นพนักงานออฟฟิศ รับเงินเดือนเดือนละ 10,000 บาทเท่านั้นค่ะ อยู่กับเขาที่ได้รับเป็นเงินเดือนพนักงานออฟฟิศมาได้เกือบปี ณ ตอนนั้นเขาไม่ได้มีการพูดคุยถึงแนวทางการเป็นศิลปินเลย และยังมีอีกหลากหลายข้อความที่เขาชี้แจงมาที่มันไม่เป็นความจริง เช่น เรื่องการเรียน ที่เขาบอกมีการซัปพอร์ตในส่วนของค่าเทอม แต่ที่เขาแจ้งว่าส่งเราเรียนจนจบ ก็ต้องขอแจ้งนะว่าเราไม่ได้เรียนจบปริญญาตรีนะคะ เขาไม่ได้จ่ายเรียนจบ แค่เกือบๆ ตอนนี้เราก็กำลังจะเริ่มเรียนใหม่ นับ 1 ใหม่ในอายุ 27 ปี

ในส่วนของที่บอกว่าค่าเสียหายในการทำศัลยกรรมต่างๆ จะมีรายละเอียดที่ไม่ตรงตามที่เขาแจ้ง เดี๋ยวจะต้องไปชี้แจงในชั้นศาลอีกที”

ทนายสาคร : “(มองเป็นสัญญาทาสไหม?) ผมไม่กล้าใช้คำนั้น มันเป็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรมตามกฎหมาย พ.ร.บ. ในเรื่องของข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ. 2540 มาตรา 4”

วอนคู่กรณี “อิงฟ้า” สู้กันแค่ตรงนี้ อย่าไปลงกับคนอื่นอีก หลังมีแฟนคลับถูกฟ้องคดีอาญา ในข้อหาหมิ่นประมาท
ณวัฒน์ : “ผมอยากจะขอร้องคู่กรณีว่าที่ฟ้องมาตอนนี้ก็เยอะอยู่ เราอยู่ในที่สาธารณะ อยากให้ออกมาชี้แจงกันบ้าง อย่าเพิ่งไปลงกับคนอื่น กับแฟนคลับ นักข่าว กับคอมเมนต์ เพราะว่าบางทีมันอาจจะแค่นิดๆ หน่อยๆ อย่าไปเพิ่มประเด็นดีกว่า ถ้าพุ่งประเด็นมาเอาที่เราแล้ว เราก็ยินดีที่จะต้องต่อสู้กันตามกฎหมาย ไม่อยากให้คนอื่นมาเดือดร้อนกับเรื่องนี้ด้วย

เพราะว่าตอนนี้มีแฟนคลับถูกฟ้อง เรื่องถึงโรงพัก เป็นอาญาฐานหมิ่นประมาทด้วย ผมขอร้องนิดนึงว่าอย่างน้อยให้คิดว่าเราเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เราอยู่ร่วมโลกเดียวกัน วัตถุประสงค์คือตรงนี้ ไม่ใช่ตรงอื่น อย่าเพิ่งไปทำคนอื่นถึงแม้ว่าคุณจะมีสิทธิ์ อยากจะให้ผ่อนปรนให้กันและกันบ้างสำหรับคนที่เขาไม่ได้อยู่ในวงล้อมจริงๆ”

“ณวัฒน์” เชื่อมั่นความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ควรปล่อยให้คนๆ นึงไปมีชีวิตที่ดี
ณวัฒน์ : “และอยากจะขอร้องอีกฝ่ายอีกอย่างก็คือ เราต้องกลับมาคุยกันในเรื่องของความเป็นจริง น้องอายุ 27 ปีถึงนับ 1 ได้ น้องเพิ่งนับมาได้ไม่ถึง 5 เดือน อุปสรรคในชีวิตที่ใหญ่ขณะนี้คือชิ้นที่คุณกำลังหยิบยื่นให้กับน้อง ถ้าความรัก ความปรารถนาดีมีอยู่จริง หลักฐานความเป็นธรรมมีอยู่จริง รู้สึกได้ว่าควรจะให้คนๆ นึงไปมีชีวิตที่ดีขึ้นดีกว่าที่อยู่กับใคร การประสบความสำเร็จของน้องจะมากล่าวอ้างอะไรมันค่อนข้างที่จะฟังยาก เพราะน้องเพิ่งอยู่กับทางเราแค่ 4 เดือนกว่า 

แต่ก่อนหน้านั้นน้องอยู่กับที่อื่นมา 7-8 ปี เป็นเวลาที่มากเกิน ควรจะที่ไปสู่ดวงดาวจนข้ามไปดาวดวงอื่นแล้ว ตอนนี้อย่าคิดอะไรเยอะเลยครับ ปล่อยน้องให้น้องไปมีชีวิตของตัวเองผมว่าน่าจะเป็นกุศลด้วย น่าจะเป็นความสุขในบั้นปลายชีวิตของทุกคน อย่าคิดอะไรให้มันเยอะเกินไป ผมยังยืนยันจุดเดิมว่าจะช่วยน้องเต็มความสามารถ ผมเชื่อมั่นอยู่อย่างนึงว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ความพยายามไม่เคยทรยศคน”

ไม่ไกล่เกลี่ย นอกจากต่างฝ่ายต่างถอย ในการจ่ายในราคา 0 บาท
ณวัฒน์ : “มันตอบไม่ได้นะครับว่าความจริงเท่าไหร่ สำหรับผมสูงสุดคือ 0 บาทที่น้องจะจ่ายได้ แล้วเราก็ไม่ไกล่เกลี่ยด้วย เพราะเราคิดว่าเราจะขอยืนอยู่ในจุดที่เหมาะจริงๆ อาจจะไกล่เกลี่ยได้ในแบบที่ต่างคนต่างถอยไป แล้วก็ 0 บาท มากกว่านั้นเจอกันที่ศาล”

ทนายสาคร : “จะมีที่ศาลนัดมาเจอพร้อมกันในวันที่ 26 ต.ค. 2565 เวลา 9.00 น.”

“อิงฟ้า” โอดเป็นบทเรียนชีวิต ทำให้สูญเสียโอกาสไปหลายอย่าง
อิงฟ้า : “มันก็เป็นบทเรียนสำหรับเรา และอยากจะให้กรณีนี้เป็นตัวอย่างให้กับเยาวชนอีกหลายคนที่เมื่อเจอสถานการณ์แบบเรา ก็อาจจะต้องคิดไตร่ตรองให้รอบคอบมากกว่านี้ เพราะเราเองก็เสียโอกาสมาเยอะ จริงๆ ป่านนี้อาจจะไปได้ไกลถึงไหนต่อไหนแล้วก็ได้ แต่ก็ไม่เป็นไร ถือเป็นบทเรียน เราเองก็ต้องสู้เพื่อขอความเป็นธรรมให้ตัวเองด้วย เพราะเรามีครอบครัวที่จะต้องดูแล”













กำลังโหลดความคิดเห็น