“ธัญญ่า อาร์สยาม” แฮปปี้ทำดั้งใหม่มาแล้วชีวิตเปลี่ยนไปเป็นคนละคน สวยขึ้น ใครเห็นก็รักก็หลง หวังชีวิตพลิกขึ้นแท่นนางเอก 100 ล้าน “เลิฟเลย 101” โวจากเจอแต่เรื่องร้ายๆ ตอนนี้ชีวิตเจอแต่พลังบวก เป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่สวยที่สุดในชีวิต พร้อมเปิดตัวอาชีพใหม่ เป็นนางรำบวงสรวง
สวยขึ้นผิดหูผิดตาเลยสำหรับนักร้องลูกทุ่งสาว “ธัญญ่า อาร์สยาม” หรือ “ธัญญ่า ดาราภัช ทวินันท์” ที่ยอมรับว่าที่สวยมีออร่าขึ้นเพราะไปทำจมูกใหม่ ต้อนรับภาพยนตร์ที่เป็นนางเอกเต็มตัวครั้งแรกในเรื่อง “เลิฟเลย 101” ที่กำลังจะเข้าฉายในวันที่ 8 กันยายนนี้
“ไปทำจมูกมาค่ะ ผลตอบรับจากแฟนๆคือดีมากๆ ได้รับคำชม ยอด tiktok คือฮือฮามาก ยอดคอมเมนต์ ยอดกดไลก์ ยอดคนดูคือเยอะมากๆ เซอร์ไพรส์ เขาบอกกันว่าเราสวยขึ้นหน้า หน้าเปลี่ยนไปเลย เป็นคอมเมนต์ในเชิงบวกทั้งหมด ก็รู้สึกแฮปปี้ พอใจกับจมูกนี้มาก
ด้วยความที่เราถึงวันที่เราโตขึ้น ก็อยากจะสวยขึ้นก่อนทำคือเราดูอย่างแรกเลยคือทำแล้วต้องเสริมโหงวเฮ้งใบหน้า มีคนทักเสมอๆ ว่าช่วงสัก 25 ปีให้เราทำจมูก แล้วจะเป็นช่วงพีกในชีวิตของเรา ทำให้ดวงเปลี่ยน จะเปิดรับทรัพย์ ทำให้เป็นคนใหม่ หน้าใหม่ที่ออกคม ออกแขก อีกส่วนคือด้วยจังหวะที่ตอนนี้เรามาสายการแสดงมากขึ้นด้วย พอไปอยู่ในกล้องแล้วหน้าเราไม่ชัด ก็เลยทำเพราะอยากให้หน้าเราดูมีมิติขึ้น เราก็อยากอัปความสวยเพื่อหนังเรื่อง เลิฟเลย 101 ด้วย เป็นนางเอกเรื่องแรกของเรา อยากให้แฟนๆ ที่มาเจอเราในฐานะที่เราเป็นนางเอกหนัง ไปเจอผู้ใหญ่แล้วเขามองมาแล้วรู้สึกว่าเราสวยขึ้น มันก็จะต่อยอดเป็นผลดีกับงานของเราที่จะมีเข้ามาได้”
หวังทำมาแล้วหนุนดวงได้เป็นนางเอก 100 ล้าน ฟุ้งทำจมูกใหม่มาแล้วชีวิตเปลี่ยนมาก มีเสน่ห์ คนรักคนชอบ
“จะบอกว่าทำจมูกมาแล้วชีวิตเปลี่ยนไปเลยไหมมันก็พูดไม่ได้ 100 % เพราะด้วนโควิดเริ่มซา งานเราเลยมีเข้ามามากขึ้น หนังก็กำลังจะได้เข้าฉาย ที่รู้สึกว่าเปลี่ยนไปอย่างชัดเจนเลยก็คือยอดไลก์ในโซเชียลที่คนเข้ามากันถล่มถลาย มาชอบมารักเราบอกว่าหลงไม่ไหวแล้ว จะเป็นคอมเมนต์เชิงบวกไปหมดเลย ก็รู้สึกว่าประทับใจมาก เหมือนช่วงนี้เรามีแต่พลังบวกเข้ามา เราก็พยายามดึงพลังตรงนั้น ดึงสิ่งดีๆ เข้าตัว เราเห็นได้ชัดเลยว่าทำมาแล้วเสริมเสน่ห์ให้กับเรามากๆ ดึงดูดคนเข้ามาได้เยอะจริงๆ ไปไหนมาไหนก็จะได้รับแต่คำชม ได้รับความรักตลอด ชีวิตที่ผ่านมาเราผ่านเรื่องร้ายๆมาเยอะแล้ว ตอนช่วง 23-24 ปีของเรา เรารู้สึกว่ามันหนักมาก ก็เชื่อลึกๆ ว่าหลังจากนี้จะมีสิ่งดีๆ เข้ามาเรื่อยๆ หลังจาก เราอายุ 25 ปีเต็ม ขอให้ได้เป็นนางเอก 100 ล้านจากหนังเรื่องนี้”
นอกจากทำจมูกใหม่ ยังมูเตลูลงนะหน้าทองเสริมออร่า
“ก็ไม่รู้ว่าเราจะดีใจหรือเสียใจดีกับฟีดแบ็ก หลายคนบอกจำเราไม่ได้เลย เราเปลี่ยนไปมาก เขาบอกว่าเราดูเปลี่ยนไปเลย ดูสวยขึ้นเหมือนไม่ใช่คนเดิม คนเดิมจะหน้าธรรมดา บ้านๆ เราเองก็ลองส่องกระจกดูตัวเองว่าพอทำจมูกมาแล้วมันเปลี่ยนไปขนาดนั้นเลยเหรอ ขอบคุณทุกคำชมเลย แต่เอาจริงๆ นอกจากทำจมูกมาแล้ว เราก็มูด้วย ลงนะหน้าทอง มูขอให้เรามีออร่า
แต่จากที่เราวิเคราะห์แล้ว ที่ดูเปลี่ยนไปมากๆ อาจจะด้วยเพราะรูปร่างที่เปลี่ยนไปของเรา ก่อนหน้านี้เราอ้วนไง หน้าบานด้วยไขมัน ตอนนั้นน้ำหนักขึ้นเยอะมากจนมีข่าวว่าท้องรึเปล่า จากนั้นเราก็เลยปฎิวัติตัวเองให้ผอมลง 10 กิโลภายใน 2 เดือน ก็ตั้งใจลดเต็มที่ เพราะงานกำลังจะเริ่มแล้ว เราก็หักดิบ ใจแข็งลดน้ำหนัก ทานแต่ข้าวเช้า ระหว่างวันกินน้ำให้เยอะที่สุด ฉี่บ่อย ทานผลไม้ถ้ารู้สึกว่าทนไม่ไหวแล้ว งดของหวาน ของมันไปเลย แต่จะมีฟรีเดย์ 2 สัปดาห์ครั้ง อยากกินอะไรจัดเลยเต็มที่ มันก็ทรมานอยู่เหมือนกัน พอรูปร่างดีลงตัวแล้วก็ไปทำจมูก ปรับรูปหน้าทำให้หน้าเราชัดขึ้น มันเลยดูหน้าเราเปลี่ยนไป”
ตอนนี้พอใจกับรูปร่าง หน้าตาแล้ว บอกเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่สวยที่สุดในชีวิต
“ตอนนี้พอใจในรูปร่าง หน้าตาตัวเองแล้ว จากนี้ก็อยากจะบำรุงผิว ให้เรียบเนียน เราไม่ได้ติดสีผิว แทนๆ ก็ได้ หลักๆ คือรูปร่าง อยากจะรู้สึกว่าใส่อะไรก็สวย เพราะเราผอมแล้ว ใจอยากให้ลงอีก 2 กิโล เป้าที่ตั้งไว้คือ 43 กิโล ตอนนี้เราเป็นเวอร์ชั่นที่ตัวเองดูดีที่สุด สวยที่สุดในความเป็นเราในชีวิตแล้ว”
เปิดตัวอาชีพใหม่ เป็นนางรำบวงสรวง
“ไม่เชิงว่าเป็นอาชีพใหม่ ด้วยความที่เราศรัทธาในปู่พญานาค เรารำเพราะเรามีความเชื่อ ใครศรัทธาก็จะรู้ว่าท่านชอบในความบันเทิง เราร้องเพลงเป็น เรารำได้ ก็ทำถวายท่าน เวลาขอพรแล้วมันก็เกิดสิ่งนั้นขึ้นกับเราจริงๆ คนเห็นภาพเรารำ แล้วเราดันไปให้ตัวเลขที่ถูกขึ้นมาในทุกงวด
คนเลยเหมือนมีเราขึ้นมาใหม่อีกภาพจำใหม่อีกภาพนึงว่า ธัญญ่า คือรำบวงสรวง เขาก็เลยมีการจ้างเราไปรำบวงสรวงตามที่ต่างๆ ก็เลยมีงานชนิดนี้เกิดขึ้นกับเรา งานก็มีมาเรื่อยๆ แต่เราไม่ใช่เจ้าแม่นะ เรายังไม่ได้พัฒนาตัวเองไปขนาดนั้น เท่าๆที่ตามก็ไม่ได้จะให้แม่นทุกงวดอะไรขนาดนั้น ก็เรื่อยๆมากกว่า”
แนะเคล็ดลับขอพร ทำโดยไม่ต้องขอ ขอเท่าที่พอดี บอกลองมาหมดแล้วขอมากไปก็ไม่ได้
“ส่วนใหญ่เราจะไปรำถวายเองมากกว่า เราอยากทำให้ท่าน เราทำโดยไม่ต้องขอ ท่านก็ให้เรามาเอง มีสิ่งดีๆเกิดขึ้นมากมายกับเราหลังจากที่ทำแบบนี้ แต่ก่อนเคยขอ เราอาจจะอยากได้มากไป ขอมากไปก็ไม่ได้นะ เป็นกิเลสอีก เราลองมาหมดแล้ว เราต้องขอให้อยู่ในความพอดี
เรามีความเชื่อลึกๆ ว่าถ้าท่านเห็นว่าเราไม่มี ท่านก็ให้เอง ช่วงนี้ทำบุญหนัก ทำบุญเยอะ ร่วมสร้างซ่อมแซมวัด วัดไหนขาดแคลนเราก็ไปช่วยเหลือ เพราะรู้สึกว่ายิ่งทำยิ่งได้ เราทำบุญจนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไปแล้ว มันอิ่มเอมใจ เป็นความสุขที่บริสุทธิ์ เราให้โดยไม่ได้คาดหวังอะไร เราให้เพราะอยากให้เขาใช้ประโยชน์ ได้รับความสุข แค่ได้รับคำอวยพรกลับมามันก็ชุ่มชื่นหัวใจแล้วค่ะ“