จำได้ขึ้นใจสมัยมีโอกาสได้เข้ากรุงมาเป็นนักข่าวใหม่ได้ประมาณสองปี คือมีละครโทรทัศน์เรื่องหนึ่งดังมาก ดังมากถึงขนาดที่ว่าคนอย่างผู้เขียนซึ่งเลิกดูละครโทรทัศน์ หรือละครทีวีไปนานกว่าสิบปียังคุ้นหูกับละครเรื่องที่ว่านี้จนแทบจะเป็นส่วนหนึ่งของแฟนคลับ ‘ดาวพระศุกร์’ ไปโดยปริยาย
ไม่ว่าจะไปไหนมาไหนก็พบก็เห็นว่าร้านค้าร้านขายเปิดดูละครเรื่องดาวพระศุกร์กันแทบทั้งนั้น ละครจบตอนไปแล้ว รุ่งเช้าลากยาวไปถึงสางสายใครต่อใครก็พูดย้อนถึงแต่เรื่องราวความน่ารักน่าสงสารของนางเอก
ทำไปทำมาผู้เขียนจึงผ่านตากับละครแห่งชาติ (ยุคนั้น) เรื่องดาวพระศุกร์เข้าจนได้ และที่จำแม่นมากกว่าใครคือ ‘ดาวพระศุกร์’ ในฉากที่นักแสดงนำหญิงนามนี้ยังเป็นเด็ก
แรกทีเดียวไม่รู้จริงๆ ว่าเด็กหญิงน่ารักแถมแสดงได้ดี เข้าถึงบทบาทคนนี้ชื่อเรียงเสียงไร มารู้เมื่อเธอโตเป็นสาวและโลดแล่นในวงการบันเทิงไทยแล้วละครับว่าเธอชื่อ พิ้งกี้ – สาวิกา ไชยเดช
ข่าวคราวของเธอมีมากมายในสื่อต่างๆ ทว่าผู้เขียนก็ได้แต่ ‘รับรู้’ ไม่ได้ ‘จดจำ’ หรือ ‘ฝังหัว’ เหมือน ‘ดาวพระศุกร์น้อย’ ที่เคยได้ดูผ่านๆ เมื่อเกือบสามสิบปีก่อน
ภาพจำของเธอคือดวงตาหม่นเศร้าซึ่งเข้ากันเหลือเกินกับความทุกข์โศกของตัวละครที่เธอสวมบทแสดง จุดนี้เองที่จำเธอได้มาจนผู้เขียนเลยวัยเกษียณเรียบร้อยแล้ว แม้ตลอดระยะเวลาจะรับรู้ข่าวสารความเคลื่อนไหวว่าเธอมีงานในวงการบันเทิงมากมาย แต่ไม่เคยดูไม่เคยติดตาม
จนต่อเมื่อข่าวใหญ่ล่าสุดของเธอ
ตกใจครับ!
ไม่รู้จักมักจี่เป็นการส่วนตัว แต่เพียงแค่ ‘ภาพจำ’ ในสมัยเป็น ‘ดาวพระศุกร์น้อย’ เห็นข่าวปุ๊บผู้เขียนรู้สึกอึ้งทันที
เรื่องทุกเรื่องมันย่อมมีที่มาที่ไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของละคร ภาพยนตร์ บนเวทีคอนเสิร์ต แน่นอนว่ารวมถึงในชีวิตจริง
เพิ่งอ่านคำสัมภาษณ์ แพท-พาวเวอร์แพท แนะนำ ‘น้อง’ เรื่องต้องเรียกคืนสภาพจิตใจเพื่อปรับตัวเองให้ได้สำหรับชีวิตในแต่ละวันต่อการรอคอยอนาคตที่วันหนึ่งต้องมาถึงแน่ๆ ซึ่งผู้เขียนเองก็คิดเห็นเช่นกันด้วย
ผิด – ถูก เป็นไปตามความจริงแท้ของมัน เพียง ‘ภาพจำ’ ในหนหลังนั้น ทำให้ต้องย้อนนึกถึงเธอ
‘ดาวพระศุกร์น้อย’ ในดวงตาหม่นเศร้า