xs
xsm
sm
md
lg

“หนูแหม่ม-บ๊อบบี้” มีทุกอย่างครบ หวังเพียงอยากเล่าประสบการณ์ชีวิตให้ลูกบุญธรรม ไม่คาดหวังต้องทดแทนบุญคุณ!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“หนูแหม่ม-บ๊อบบี้”​ เผยชีวิตตอนนี้แฮปปี้มาก มี “แอลลี่” เป็นลูกบุญธรรมหนึ่งคน และมี “น้องจิ๊กซอ”​ รวมถึงเด็กๆ คนอื่นๆ ที่รับอุปการะไว้อีก บอกไม่หวังว่าโตขึ้นต้องมาดูแลพวกตน เพราะตอนนี้ตนทั้งคู่ก็มีความสุขมากพอแล้ว อยากมอบโอกาสให้เด็กๆ และอยากบอกเล่าประสบการณ์ชีวิตให้บ้าง

ถึงกับต้องเบรกกันเลยทีเดียว สำหรับคู่รักสุดน่ารัก “หนูแหม่ม สุริวิภา กุลตังวัฒนา” และ “บ๊อบบี้ โรเบิร์ต พูนพิพัฒน์” ที่ฝ่ายชายออกปากห้ามภรรยาว่ายังไม่อยากให้รับเด็กมาเป็นลูกบุญธรรมเพิ่ม เพราะตอนนี้ก็มี “น้องแอลลี่” เป็นแก้วตาดวงใจแล้ว ส่วน “น้องจิ๊กซอ” ก็รับดูแลอุปการะเป็นค่าเล่าเรียนไป

หนูแหม่ม : “บ๊อบบี้กลัวมาก กลัวใจหนูแหม่ม กลัวว่าหนูแหม่มจะใจร้อนและทุ่มเท คือเราได้น้องแอลลี่แล้ว เราก็รู้สึกว่าน้องจิ๊กซอน่าจะได้รับโอกาสที่ดี พอเราพูดคำนี้เขาก็บอกว่าหยุดคิดเดี๋ยวนี้นะแหม่ม ถ้าคิดจะเอาน้องจิ๊กซอมาอยู่ที่บ้านเรา มันเหมือนแยกออกจากพ่อแม่จากครอบครัวเขา เราก็เลยไม่ไปต่อ เราก็ให้พ่อแม่ของน้องจิ๊กซอดูแล แต่เราไปดูที่บ้านเขา เราอยากรู้ว่าเขาเป็นอยู่ยังไง หรือครอบครัวเขาดูแลกันแบบไหน ซึ่งหายห่วงไหม (หันไปหาบ๊อบบี้)”

บ๊อบบี้ : “หายห่วงแล้ว โอเค”

หนูแหม่ม : “พ่อแม่และญาติๆ น้องจิ๊กซอดูแลน้องดีมาก มันเลยทำให้เรารู้สึกว่าเรายิ่งอยากจะสนับสนุน เพราะเขาเลี้ยงลูกของเขาดีอยู่แล้ว เราก็ขอสนับสนุนด้านอื่นๆ อย่างเช่น น้องจิ๊กซออยากเรียนอะไรที่เป็นพิเศษ หรือโอกาสไหนที่หนูชอบ ตอนนี้สิ่งที่น้องจิ๊กซอชอบก็คือหนูอยากเป็นยูทูบเบอร์ เราก็พยายามที่จะปั้นน้องให้เป็นยูทูบเบอร์ ไอ้เราก็ไม่มีประสบการณ์เรื่องยูทูบเบอร์เลย ก็กำลังหาว่าจะทำยังไงต่อดีกับน้อง คือน้องพร้อมที่จะทำงานแล้ว แต่เรื่องติ๊กต๊อกต้องให้คุณแม่พาเล่น เพราะหนูแหม่มก็ไม่อนุญาตให้น้องมีแอ็กเคานต์ของตัวเอง”

เผยมีเด็กที่รับอุปการะอยู่เรื่อยๆ แต่ “น้องจิ๊กซอ” โดดเด่นที่สุด
หนูแหม่ม : “ก็จะส่งเรื่องของการเรียนค่ะ แล้วก็กิจกรรมอย่างอื่น อย่างเช่น ว่ายน้ำ เรียนภาษาอังกฤษ เพราะน้องยังเล็กมากค่ะ ยังไม่ได้ใช้เงินอะไรเยอะ ถ้ารับอุปการะแบบน้องจิ๊กซอมีอยู่เรื่อยๆ แต่ว่าจิ๊กซอจะโดดเด่นนิดนึง เนื่องจากน้องจิ๊กซอเป็นเด็กที่มีอะไร มีความน่ารัก มีเสน่ห์ต่อผู้พบเห็น จิ๊กซอโดดเด่นที่สุด เราก็จะมีแบบนี้อยู่เรื่อยๆ แต่ถ้าอุปการะเป็นบุตรบุญธรรมมีแค่น้องแอลลี่คนเดียว

พอมีข่าวออกไป มีแบบนี้เข้ามาเยอะไหม ไม่มีค่ะ เพราะเราก็เลือกค่ะ มันเหมือนธรรมะจัดสรร มันเหมือนบุญสัมพันธ์กันทำให้เราเจอกัน แต่ก็ต้องเช็กประวัติค่ะ ก็เหมือนเราไปเองค่ะ ไปบ้านจิ๊กซอไปขอรู้จักพ่อแม่ ขอรู้จักปู่ย่าตายาย”

บ๊อบบี้ : “ดูว่าเขาอยู่ที่ไหน บ้านเป็นยังไง”

หนูแหม่ม : “เราเห็นก็อบอุ่นมาก เป็นบ้านที่ทั้งปู่และย่าตกหมึก จับปู หากุ้งไว้รอเลย ต้อนรับเราอย่างดี เราไปสวนมะพร้าวบ้านเขา พ่อก็ฟันมะพร้าวไว้รอเราเลย กินสดๆ จากต้นเลย”

เผยอยากมอบโอกาสดีๆ ให้ ไม่ได้กดดันว่าโตขึ้นต้องมาดูแลพวกตน
หนูแหม่ม : “ความคิดของการอยู่สองคนก็ยังเป็นเหมือนเดิม แต่อันที่เพิ่มมาคือเรารู้สึกว่าเราได้มีส่วนให้ หยิบโอกาส อาจจะไม่ได้ให้อะไรที่มันมากมาย แต่เรากำลังหยิบโอกาสหรือหาช่องทางให้มันเหมาะกับเขา อย่างจิ๊กซอ 5 ขวบ เราเองกว่าจะหาโอกาสเจอแบบนี้เราก็ใช้เวลาหลายปีกว่าจะเจอตัวเอง แต่เรื่องของอื่นๆ เรารู้อยู่แล้วว่าความคาดหวังของเราไปเป็นจุดที่ต้องรอให้เด็กๆ มาดูแลนะ ไม่ได้มองแบบนั้นค่ะ”

บ๊อบบี้ : “ไม่ได้มองแบบนั้นเลย ไม่ได้กดดันอะไร”

หนูแหม่ม : “ถามว่ามีคน DM มาขอให้ช่วยอุปการะใครไหม หนูแหม่มว่าหนูแหม่มโชคดีที่คนเขาก็รู้ว่าพวกเราคิดและลงมือทำแบบไหน ก็เลยยังไม่เจอคนที่ไม่ดี แต่ก็ไม่ได้อยากเจอนะ (หัวเราะ) เราโชคดี คือเราไม่ถึงกับบุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดีไง เขาจะเป็นแนวนางฟ้า อันนั้นชัดมาก แต่ของเรา เราเป็นคนเลือกค่ะ”

เผยตอนนี้ “บ๊อบบี้” หลง “น้องแอลลี่” มากจนแทบไม่อยากออกจากบ้านไปไหน
บ๊อบบี้ : “สำหรับน้องแอลลี่จะเป็นนักกีฬาหรือจะเป็นเชฟได้ทุกอย่าง เป็นลิซ่า แบล็กพิงก์ก็ได้ แล้วแต่แอลลี่ชอบอะไร เราจะสนับสนุน”

หนูแหม่ม : “แอลลี่จะเป็นเด็กพลังเยอะ ชอบเอาต์ดอร์”

บ๊อบบี้ : “เขาเรียกอึดใช่ไหม ไม่กลัวแดด ไม่กลัวร้อน พลังเยอะ แอลลี่เป็นเอ็นเนอร์จี้ใหม่ในบ้าน”

หนูแหม่ม : “บ๊อบบี้จะเป็นคนที่รัก ตอนนี้ถามว่าหลงไหม เขาหลงมาก ไม่ไปไหน ไม่ออกจากบ้าน จะต้องดูลูกก่อน สมมติเราไปเอาต์ดอร์ต่างจังหวัด เขาก็จะบอกว่าให้เอาลูกไปด้วย แต่น้องก็ยังเล็กไง จะเอาไป เราต้องหอบหิ้วไป คือเราสองคนมีความสุขเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือเราได้มอบสิ่งที่เรามี หนูแหม่มว่ามันมีคุณค่าสำหรับชีวิตหนูแหม่มค่ะ หนูแหม่มไม่กล้าฝันจริงๆ ที่จะพูดคำนี้ แต่มันมีประสบการณ์ชีวิตของเราที่มีเยอะมาก ที่เราอยากจะถ่ายทอด หรืออยากจะมอบให้เป็นทางลัดของใครบางคน

แต่เราไม่มีลูกที่จะมอบ แต่เราได้โอกาสนั้นมา เพราะฉะนั้นน้องสองคนเหมือนของขวัญเหมือนกัน แต่เราก็ยังไม่กล้าคาดหวังว่าโอกาสหรือประสบการณ์เรา เขาจะอยากได้ไหม เราก็ต้องชั่งใจดู แต่จริงๆ ชีวิตเราสองคนมันเต็มพอแล้ว เราถึงพร้อมที่จะเอาใครเข้ามา เราไม่ได้ต้องการเรียกร้องอะไรจากพวกเขาแล้ว นี่คือโบนัส เราไม่ได้บอกว่าน้องโตมาต้องทดแทนหม่ามี๊ ไม่เคยบอกว่าน้องต้องรักหม่ามี๊นะ ไม่เคยคิด เรารู้สึกว่าข้างในเราสองคนมีมากพอแล้ว ฉะนั้นอะไรที่มีเพิ่มมาที่เราเลือกมันคือโบนัสค่ะ













กำลังโหลดความคิดเห็น