ดาราสาวร้องกองปราบรับโอนสำนวนคดีถูกหลาน อดีต รมต.มอมยาข่มขืน เหตุหมดความเชื่อมั่นตำรวจโชคชัย ปัดสร้างเรื่องแบล็กเมล์ ท้าคู่กรณีเอาหลักฐานมาสู้กัน ด้านพี่สาวซัดถึงเปิดหน้าท้าชน ก็ไม่ได้แปลก และไม่ได้แปลว่าเป็นสุภาพบุรุษ แจงสาเหตุทำไมต้องอ้างถึง อดีต รมต.
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 29 ส.ค. ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ พา น.ส.แนน (นามสมมติ) ดารานักแสดง พร้อม น.ส.เฟิร์น (นามสมมุติ) อายุ 25 ปี พี่สาว เข้าพบ ร.ต.ท.สพงษ์ธรรศน์ แก้วจุนันท์ รอง สว.สอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อยื่นหนังสือร้องขอให้กองปราบฯ รับโอนสำนวนคดีที่ น.ส.แนน ถูกนายอภิดิศร์ อินทุลักษณ์ หรือ เอ็ม หลานของอดีตรัฐมนตรีข่มขืนที่พูลวิลลา เมื่อคืนวันที่ 9 ส.ค. ที่ผ่านมา มาอยู่ในความรับผิดชอบ หลังก่อนหน้าเคยเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.โชคชัย แต่คดีกลับไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควรและเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
นายษิทรา กล่าวว่า อยากให้มีการโอนสำนวนคดีดังกล่าวมาอยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจกองปราบฯ เนื่องจากผู้เสียหายไม่เชื่อมั่นในการทำงานของตำรวจ สน.โชคชัย เหตุเพราะมีการทำพยานหลักฐานตกหล่น โดยเฉพาะหลักฐานสำคัญเป็นแชตการสนทนาระหว่างผู้เสียหายกับผู้ถูกกล่าวหา ที่มีการระบุรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด รวมถึงขั้นตอนการสอบสวนผู้เสียหายที่ไม่ละเอียดเท่าที่ควร ทั้งนี้ยืนยันว่าตนและผู้เสียหายส่งหลักฐานเหล่านี้ให้กับทางพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย ครบถ้วนไปหมดแล้ว
น.ส.แนน กล่าวว่า อีกทั้งในวันเกิดเหตุ ขณะที่ตนเดินทางไปแจ้งความนั้น ทางพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย ยังพูดจาไม่ดีกับตัวเอง และพยายามให้ไปตรวจร่างกายใหม่อีกครั้ง ซึ่งห่างจากเวลาเกิดเหตุมาหลายชั่วโมง ทั้งที่ไปตรวจมาแล้ว และเห็นว่าพยายามที่จะแก้ไขสำนวน ซึ่งก็เห็นด้วยที่ผู้บังคับบัญชาให้ย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ที่อื่นก่อน
น.ส.แนน กล่าวต่อว่า กรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าตนเองทะเลาะกับพี่สาวก่อนที่จะเดินทางไปหาเขาพร้อมกับนำโซจูไปเองด้วยนั้น ยอมรับว่ามีการทะเลาะกับพี่สาวจริง แต่ยืนยันว่าการไปพบผู้ถูกกล่าวหาเป็นการติดต่อพูดคุยเรื่องงาน รวมถึงตอนที่รับงานนี้ไม่ได้ขาดสติ ส่วนเรื่องการติดต่อโรงแรมที่พักร่วมกับผู้ต้องหา ยังไม่ขอพูดถึงขอให้เป็นเรื่องในสำนวน ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่มีการสร้างเรื่องแบล็กเมล์ มีหลักฐานทุกอย่าง และอยากบอกว่าถ้าไม่ได้ทำผิดจะโทรศัพท์ติดต่อมาหาพร้อมกับยื่นข้อเสนอเรื่องเงินเพื่ออะไร เพราะตนไม่ได้อยากได้เงิน แค่อยากได้ความยุติธรรม และความถูกต้อง เอาความจริงเอาหลักฐานมาคุยกัน ตนเองก็มั่นใจในพยานหลักฐานที่มีอยู่เหมือนกัน
ด้าน น.ส.เฟิร์น พี่สาว กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ถูกกล่าวหาพยายามติดต่อน้องสาวตนให้รับงานแสดงมิวสิกวิดีโอ ซึ่งตอนแรกไม่ได้คิดว่าทำไมผู้บริหารถึงมาติดต่องานเอง แต่ก็ได้เสนอประวัติ และผลงานของผู้เสียหายให้ และตกลงรับงานไป ส่วนกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาอ้างว่าการออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ และ พาดพิงถึงตำแหน่งอดีตรัฐมนตรีของบรรพบุรุษจนทำให้ตระกูลได้รับความเสียหายนั้น ยืนยันว่า ที่มีการกล่าวอ้างถึงก็เพราะว่าที่ผ่านมาผู้ต้องหาพยายามใช้เครดิตของบรรพบุรุษของตัวเองมากล่าวอ้างตลอดว่ากำลังจะลงสมัครทางการเมือง
“การที่เขาออกมาเปิดหน้าท้าชน ไม่ใช่เรื่องแปลก และไม่แปลว่าเป็นสุภาพบุรุษ เพราะทุกวันนี้ตามสื่อสังคมออนไลน์ต่างก็รู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นใคร” น.ส.เฟิร์น กล่าว
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนกองปราบได้รับหนังสือดังกล่าวไว้ ก่อนส่งต่อให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป