กรณี น.ส.เอ (นามสมมุติ) ศิลปินนักแสดงสาวอายุ 21 ปี เข้าพบ “ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด” หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ หลังถูกหลานของอดีตรัฐมนตรีลวงไปล่วงละเมิดทางเพศ และได้แจ้งความกับตำรวจ สน.โชคชัยแล้ว แต่เกรงว่าคดีจะไม่คืบหน้า เพราะอีกฝ่ายเป็นหลานอดีตรัฐมนตรี และรู้จักกับตำรวจหลายนาย
น.ส.เอ ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนเองเป็นนักร้อง นักแต่งเพลง และนักแสดง ก่อนเกิดเหตุคู่กรณี ซึ่งมีธุรกิจบันเทิงปั้นนักแสดงศิลปินและไอดอล รวมถึงนำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากต่างประเทศ ได้ติดต่อมาจ้างงานผ่านทางไอจี และได้มีการขอให้ส่งโปรไฟล์งานผ่านทางไลน์ จากนั้นก็มีการนัดพบพูดคุยเรื่องงานกันที่ล็อบบี้ของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา ช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. แต่เมื่อไปถึง คู่กรณีกลับพาไปคุยงานที่รีสอร์ตซึ่งเป็นพูลวิลล่า อยู่ในซอยนาคนิวาส 2 โดย ตนไปพบคู่กรณีเพียงลำพัง และดื่มโซจูไป 2 ขวด จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
ขณะที่พี่สาวผู้เสียหายเริ่มผิดสังเกตว่าน้องขาดการติดต่อไป จึงออกตามหาโดยดูจากจีพีเอสในมือถือ จนพบว่าน้องสาวถูกพาไปที่รีสอร์ต และรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย จึงตามไป เมื่อไปถึง พบคนขับรถของคู่กรณี แต่อีกฝ่ายกลับบ่ายเบี่ยงอ้างว่าเป็นเพียงรปภ.และไม่ให้เข้าไปภายใน พี่สาวผู้เสียหายจึงได้แจ้งตำรวจให้ช่วยเข้าไปเคาะห้องพาตัวน้องสาวออกมา แต่ตำรวจไม่ทำให้ เนื่องจากรีสอร์ตดังกล่าวเป็นรีสอร์ตของนายตำรวจใหญ่
จนกระทั่งเวลาประมาณตี 2 ตนเริ่มได้สติ พี่สาวจึงรีบบอกให้ออกมาจากรีสอร์ต และกลับบ้าน เมื่อถึงบ้านตนก็สลบหมดสติจนเช้า และเมื่อตื่นขึ้นมา พี่สาวก็ถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่ตนจำอะไรไม่ได้เลย จึงรู้สึกผิดปกติ พี่สาวจึงให้ตนไปอาบน้ำและสำรวจร่างกายตัวเองให้ละเอียด ปรากฏว่าตนพบว่ามีสารคัดหลั่ง ลักษณะคล้ายอสุจิติดอยู่ ตนจึงคิดว่าน่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น
ต่อมาตนตัดสินใจไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล แพทย์ก็ระบุว่าพบสารอสุจิในช่องคลอดจริง และยังพบตัวยานอนหลับชนิดหนึ่ง แต่ปริมาณน้อยมาก คาดว่าอาจเพราะมาตรวจร่างกายหลังผ่านเหตุการณ์ไปเกิน 24 ชั่วโมงแล้ว แต่ในรายงานผลของแพทย์นิติเวช กลับไม่มีระบุว่าพบยานอนหลับดังกล่าว ทำให้ตนรู้สึกไม่มั่นใจการทำงานของเจ้าหน้าที่
หลังเกิดเหตุ ตนได้โทรศัพท์ไปสอบถามคู่กรณี ก็ยอมรับว่ามีการแอบเอายาบางอย่างใส่ให้ผู้เสียหายกินจริง แต่จำไม่ได้ว่ายาอะไรบ้าง เพราะในขณะนั้น เขาอ้างว่าตนมีอาการคลื่นไส้ พร้อมกับห้ามไม่ให้ตนไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลด้วย ก่อนที่จะบอกว่า ชอบตนและก็ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศ
สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าคิดน้อยไปมาก เพราะปกติเวลาไปคุยงานหรือขายงายเพื่อขอสปอนเซอร์เพื่อมาทำเพลง ก็มักจะคุยในพื้นที่ที่มันเป็นส่วนตัวอยู่แล้ว จึงไม่ได้เอะใจอะไรเลย ประกอบกับฝ่ายชายดูเป็นคนสุภาพ และตลอดการคุยงาน ก็ไม่ได้ทำตัวเจ้าชู้หรือพยายามจะพูดจาในเชิงชู้สาวกับตนเลยจึงคิดว่าไม่มีอะไร แต่พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ตนก็ตัดสินใจลุกขึ้นสู้ เพราะเราคือผู้เสียหาย
ทั้งนี้ ตนนำหลักฐานเข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.โชคชัยในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราไว้แล้ว และพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกคู่กรณีไปแล้ว ทำให้คู่กรณีพยายามติดต่อมา แต่ตนปฏิเสธที่จะพูดคุย และในวันนี้ได้มาติดต่อขอให้ทนายษิทราเป็นทนายเพื่อติดตามคดีให้ต่อไป
ต่อมาในเวลา 15.30 น. วันที่ 24 ส.ค. ที่สน.โชคชัย ทนายตั้ม พร้อมดาราสาว เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.พรทวี สมวงศ์ ผกก.สน.โชคชัย เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี
โดยทนายตั้ม กล่าวว่า ภายหลังหลังเกิดเหตุผู้เสียหายได้พยายามติดต่อสอบถามคู่กรณีว่าในวันเกิดเหตุฝ่ายชายได้ล่วงละเมิดตนเองหรือไม่ ซึ่งฝ่ายชายก็ยอมรับว่าล่วงละเมิดจริงแต่ฝ่ายหญิงยินยอม ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะขณะเกิดเหตุผู้เสียหายไม่รู้สึกตัว แม้แต่หลังเกิดเหตุยังไม่มั่นใจว่าตนเองถูกกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ จึงได้โทรศัพท์ไปสอบถาม และไปตรวจร่างกายพบยานอนหลับชนิดหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าผู้เสียหายถูกมอมยา แต่ฝั่งคู่กรณีพยายามติดต่อและข่มขู่
เมื่อเข้ามาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน กลับถูกตำรวจนายหนึ่ง ซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงรองผู้กำกับพูดจาไม่ดีและสั่งห้ามเป็นข่าวหรือปรึกษาทนายโดยอ้างว่าจะทำให้เรื่องยุ่งยาก ซึ่งการกระทำดังกล่าว ทำให้คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ว่าคดีนี้มีพิรุธ เกรงว่าผู้เสียหายจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ตนจึงตัดสินใจพาผู้เสียหายมาติดตามความคืบหน้าด้วยตนเอง และยืนยันผู้เสียหายจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพื่อไม่ให้คู่กรณีไปกระทำในลักษณะเช่นนี้กับผู้หญิงรายอื่นๆ อีก
พ.ต.อ.พรทวี ผกก.สน.โชคชัย กล่าวว่า ตั้งแต่ได้รับแจ้งความจากผู้เสียหาย พนักงานสอบสวนได้ ปฏิบัติตามขั้นตอนมีการสอบปากคำผู้เสียหายไว้แล้ว แต่ทางผู้เสียหายต้องการให้พนักงานสอบสวน สอบปากคำเพิ่มเติมใน 2-3 ประเด็น จึงสั่งการให้ดำเนินการทันที โดยพร้อมยืนยันตำรวจจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ส่วนขั้นตอนในการออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหาหรือคู่กรณีมาสอบปากคำนั้น ยังไม่สามารถกระทำได้เนื่องจากขณะนี้ยังสอบปากคำผู้เสียหายไม่เสร็จสิ้น