“ตงตง” ยอมรับกับ “เบส” ตั้งแต่ก่อนคบแล้วว่าเป็นคนเจ้าชู้ แต่พอมีแฟนแล้วก็จะไม่นอกลู่นอกทาง ตลอด 2 ปีที่คบกันไม่เคยมีปัญหาเรื่องนี้ ยอมให้เบสทำอะไรก็ได้แค่ไม่กระทบกับงาน
ออกมาพูดในรายการของตัวเองว่าหากแฟนหนุ่ม “ตงตง กฤษกร กนกธร”เจ้าชู้ “เบส รักษ์วนีย์ คำสิงห์”จะออกมาจัดการเอง ทำเอาตอกย้ำประเด็นเมาท์ว่าคู่รัก “เบส-ตงตง” ไม่หวานเหมือนเดิม ซึ่งที่ผ่านมาตงตงก็ออกมายอมรับว่าตนและเบสไม่ได้หวานกันเหมือนเดิม แต่ก็ยังรักกันอยู่ และกับประเด็นนี้ ตงตงเล่าว่า ก่อนที่จะตกลงปลงใจคบกันตนได้บอกกับเบสและครอบครัวไว้ล่วงหน้าแล้วว่าตนเป็นคนเจ้าชู้นะ
“คือแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ผมก็ต้องเคารพการตัดสินใจของน้อง คือเบสเขาชัดเจน ด้วยความที่เขาเป็นยูทูบเบอร์ คือจะให้ผมทำยังไง คือผมแทบจะไม่ได้ดูโซเชียล ก็ได้ดูไฮไลต์บ้างแต่ไม่ได้ดูเต็มๆ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราได้ฟังมันก็รู้สึกเป็นธรรมชาติของน้อง แต่ผมก็เข้าใจผู้หญิงนะ เขาก็จะทำตามความรู้สึกของเขา เราก็ไม่สามารถที่จะไปห้ามได้
ผมจะบอกทุกคนเสมอนะว่า ผมเป็นคนเจ้าชู้ ผมยอมรับ กับเบสผมก็ยอมรับมาตั้งแต่ตอนแรกเลย พูดกับแม่เขาด้วยว่าผมเป็นคนเจ้าชู้นะ แต่เวลาที่ผมเจอแล้วผมก็จะรู้ว่าควรทำอะไร”
แต่พอมีแฟนแล้วก็จะไม่นอกลู่นอกทาง
“ไม่มีครับ ไม่มีจนถึงสองปีมาแล้ว น่าจะสองปีแล้วก็อยากจะมีแต่ความสุข แล้วผมมาทำงานถือว่าผ่านมา 5-6 ปีแล้ว ผมก็ไม่อยากให้มันมีอุปสรรคเรื่องอื่นๆ เข้ามา อยากจะมีความสุขกว่า ผมไม่ได้หยุดเพราะว่าเบสเป็นคนดุ แต่ผมหยุดเพราะว่าเบสเขาเป็นคนดี สิ่งหนึ่งที่เขาดี ผมรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่กตัญญู แล้วก็เก่ง ตั้งใจในการทำงานแล้วก็ดูแลครอบครัว เขามาด้วยความจริงใจ”
รับ “เบส” หวง ยอมให้แฟนทำอะไรก็ได้แค่ไม่กระทบกับงาน ชัดเจนแต่แรกเป็นคนเจ้าชู้
“ผมว่าผู้หญิงทุกคนก็หวงแหละ เบสเองก็หวง เพราะฉะนั้นผมจะทำอะไรได้ นอกจากแค่ไม่มากระทบกับงานเราแค่นั้นก็พอ บางคนก็จะบอกว่าผมไปเล่นกับคนนั้นคนนี้ แต่ผมอยากจะให้เข้าใจว่าคือผมอยู่ในอาชีพการงานของผม ผมจะทำยังไงได้ ผมก็ต้องเล่นกับคนอื่น เบสเขาก็ค่อนข้างเข้าใจครับ คือเบสบอกว่า ถ้าเจ้าชู้ก็คือจะไม่เอา เขาพูดตรงๆ เขาเป็นคนชัดเจน ผมก็ทำให้เขาเชื่อใจด้วยการที่ในแต่ละวันถ่ายละครเสร็จก็เจอกัน ก็วนลูปอยู่แบบนี้”
ตลอด 2 ปีที่คบกันปรับจูนกันตลอด ส่วนใหญ่จะมีปัญหาเรื่องที่ “เบส” ขี้งอน
“มีครับ มันไม่ใช่แค่ 2 ปีหรอก 4 ปี 5 ปี หรือ 10 ปียังไงมันก็ต้องปรับจูนกันเพราะว่ามันยังไม่ถึงขั้นจะต้องมีครอบครัวขนาดนั้น ผมว่าผมเองก็ต้องยังต้องเรียนรู้อะไรอีกมากมาย เบสเองก็ต้องอยากเรียนรู้อะไรอีกมากมายมันก็ต้องปรับจูนกันอีกเรื่อยๆ แล้วมันก็ต้องมีบ้างที่ทะเลาะกันไม่เข้าใจกันมันก็ต้องปรับจูนกัน มันไม่มีใครหรอกที่จะคบกันแล้วเข้าใจกันเลย 100% มันก็จะต้องมีอุปสรรคหลายๆอย่างเข้ามา
ส่วนใหญ่ที่ไม่เข้าใจกันก็จะเป็นเรื่องของการขี้งอนมันก็เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ครับแต่บางครั้งถ้ามันเยอะไปมันก็ต้องมีการพูดคุยกันบ้าง มันจะต้องลดลงได้ไหม มันประมาณนี้ได้ไหม”
อยากให้แฟนๆ เป็นมุมสวีตมากกว่าจะเห็นภาพทะเลาะกัน แต่ชีวิตคู่มันต้องมีเรื่องทะเลาะกันบ้างก็อยากจะให้เคารพการตัดสินใจของตนด้วย
“ใช่หลักๆ คนที่ดูเราเขาก็จะอยากดูแต่สิ่งที่มันมีความสุข เวลาที่ทะเลาะกันเราก็คงไม่ได้ถ่าย เพราะว่าสุดท้ายแล้วผมว่าเรื่องที่ทะเลาะกันมันก็เป็นสิ่งที่ผมกับเบสอาจจะต้องมาคุยกันปรับความเข้าใจกันแล้วก็ตัดสินใจกันว่ายังไง เพราะฉะนั้นผมก็อยากจะให้เคารพในการตัดสินใจของผม แต่ผมก็เข้าใจนะว่ามีคนรัก ทุกคนก็จะคาดหวังให้เป็นแบบนั้นแบบนี้ แต่ว่าความรักครั้งนี้ของผม ผมไม่สามารถที่จะทำตามในสิ่งที่ทุกคนคาดหวังได้
เพราะฉะนั้นมันก็คงไม่ได้เรียกว่าความรักของผมกับเบส ผมก็เลยอยากจะให้เคารพในการตัดสินใจของผมกับเบส เบสเองคนก็จะมองว่าเอ๊ะ..ทำไมมันไม่เหมือนเมื่อก่อนเลย ทำไมไม่มีโมเมนต์หวานๆ เหมือนเมื่อก่อนเลย คือผมจะบอกเสมอว่า เมื่อก่อนมันอยู่ในช่วงที่เป็นสถานการณ์โควิดแล้วผมกับเบสก็เลยมีเวลาในการที่ใช้ชีวิต ได้ถ่ายคลิปให้ทุกคนได้เห็นเยอะพอสมควร แต่พอตอนนี้สถานการณ์มันดีขึ้นมาแล้วผมเองก็มีงานเข้ามา ไหนจะละครสองเรื่อง เบสเองก็มีละครด้วย ไหนจะถ่ายยูทิวบ์ด้วย เวลาที่เจอกันมันก็น้อยลง โมเมนต์หวานๆ มันก็เลยอาจจะไม่มีให้ เหมือนเมื่อก่อน”
ขอโทษที่ไม่สามารถทำตามความคาดหวังของคนอื่นได้
“สุดท้ายคู่เรากดดันไหม มันก็ไม่ได้กดดันขนาดนั้นครับ เพราะว่าสุดท้ายแล้วผมก็ไม่สามารถทำตามความคาดหวังหรือทำตามความต้องการของใครได้ ก็ต้องขอโทษไว้ด้วย แต่สิ่งที่เราทำได้ก็คือรักกัน แล้วก็มีแต่ความสุขเท่านั้นเอง แม้จะถ่ายโมเมนต์หวานๆ น้อยหน่อย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะว่าผมก็ต้องทำงานด้วย แต่อยากจะให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้มากกว่า
ผมดีใจนะ ผมไม่เคยโกรธใครเลยด้วยซ้ำที่เข้ามาเป็นแฟนคลับ ผมมองว่ามันเป็นสิ่งที่ดีด้วยซ้ำ มากดดันผม ผมก็ไม่เคยโกรธผมเข้าใจด้วยซ้ำ แต่ว่าอยากให้เป็นกำลังใจให้เรามากกว่า ทั้งในเรื่องของการทำงานแล้วก็ในเรื่องของความรักด้วย”
ไม่ว่าใครจะคอมเมนต์อย่างไรก็ตามตนมองว่าเป็นความรัก ความหวังดี
“ไม่กดดันขนาดนั้นครับ เพราะว่าไม่ว่าใครจะเมนต์ยังไง ไม่ว่าใครจะว่ายังไงก็ตาม ผมเชื่อว่าความต้องการของเขาก็คือความรักความหวังดีของเขา แต่ละคนก็หวังดีไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราไม่สามารถที่จะไปห้ามเขาได้ ความคิดเขาเป็นยังไงเราห้ามเขาไม่ได้ แต่สิ่งที่เราจะทำได้นั้นก็อยากให้เข้าใจผมด้วยเข้าใจเบสด้วย ผมยังมองว่ามันเป็นสิ่งที่ดีนะ เพราะว่าสุดท้ายแล้วไม่ว่าใครจะเมนต์อะไรก็ตามมันคือความรักและความหวังดี”