xs
xsm
sm
md
lg

“ครูก้อย” ภรรยา “เจมส์ เรืองศักดิ์” เปิดเผยงานวิจัย 5 สาเหตุโรคอ้วนในผู้ชาย เสี่ยงสเปิร์มพัง มีลูกยาก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โรคอ้วน (Obesity)หมายถึงภาวะที่ร่างกายมีการสะสมไขมันในส่วนต่างๆของร่างกายมากเกินปกติจนเป็นปัจจัยเสี่ยงหรือเป็นสาเหตุให้เกิดโรคเรื้อรังที่สามารถส่งผลกระทบต่อภาวะสุขภาพจนอาจเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้โดยองค์การอนามัยโลก (World Health Organization, 2016)ได้กำหนดเกณฑ์ค่าระดับดัชนีมวลกาย (Body Mass Index-BMI)หมายถึงค่าดัชนีความสัมพันธ์ระหว่างส่วนสูงและน้ำหนักตัวโดยคำนวณจากน้ำหนักตัว (กิโลกรัม)หารด้วยความสูง (เมตรยกกำลังสอง)เพื่อใช้เป็นเกณฑ์คัดกรองภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนโดยค่าดัชนีมวลกายที่มากกว่าหรือเท่ากับ 25กก./เมตรยกกำลังสองแสดงว่าเริ่มมีภาวะน้ำหนักเกินและค่าดัชนีมวลกายที่ 30กก./เมตรยกกำลังสองหมายถึงภาวะอ้วนสำหรับประชากรในเอเชียได้กำหนดจุดตัดในการแบ่งกลุ่มค่าดัชนีมวลกายที่ 23กก./เมตรยกกำลังสองหมายถึงภาวะน้ำหนักเกินและค่าดัชนีมวลกายที่ 25กก./เมตรยกกำลังสองแสดงถึงภาวะอ้วน

“ครูก้อยนัชชาลอยชูศักดิ์”กรรมการบริษัทเบบี้แอนด์มัม (ประเทศไทย)จำกัดและครูวิทยาศาสตร์ผู้ก่อตั้งเพจ BabyAndMom.co.thเพจให้ความรู้เตรียมตั้งครรภ์และโภชนาการเสริมภาวะเจริญพันธุ์ตามหลักวิทยาศาสตร์สำหรับผู้มีบุตรได้ค้นคว้าและรวบรวมงานวิจัยที่ศึกษาถึงผลกระทบของโรคอ้วนต่อการมีบุตรยากในผู้ชายดังนี้จากงานวิจัยเรื่อง Obesity, a serious etiologic factor for male subfertility in modern societyที่ตีพิมพ์ในวารสาร Reproductionเมื่อปี 2017เปิดเผยสาเหตุที่ "ภาวะอ้วน"ส่งผลต่การทำลายคุณภาพของสเปิร์มและส่งผลต่อการมีบุตรยากดังนี้
1.โรคอ้วนนำไปสู่ภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ (Obesity leads to hypogonadism)
เป็นภาวะที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนเพศชายหรือเทสโทสเตอโรน (Testosterone)ได้ไม่เพียงพอซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหลักในผู้ชายที่ผลิตโดยลูกอัณฑะหลังได้รับการกระตุ้นจากต่อมใต้สมองมีหน้าที่ในการพัฒนาลักษณะทางกายภาพให้แสดงความเป็นชายคอยควบคุมการทำงานของระบบต่างๆในร่างกายมีส่วนช่วยในการสร้างและรักษามวลกล้ามเนื้อมวลกระดูกรวมไปถึง "ระบบการสร้างสเปิร์ม"อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาบุคลิกทางเพศเมื่อขาดฮอร์โมนชนิดนี้จะส่งผลให้ร่างกายไม่มีแรงความรู้สึกและอารมณ์ทางเพศลดลงและมีการผลิตอสุจิน้อยลงในเพศชายซึ่งนำไปสู่ภาวะมีลูกยากได้
ฮอร์โมนเพศชายทำงานอย่างไร ?
•ฮอร์โมนเพศชายมีความสำคัญต่อแทบทุกระบบในร่างกายของผู้ชายโดยมีหน้าที่ดังต่อไปนี้
•คงความแข็งแรงและรักษามวลกล้ามเนื้อ
•รักษาความหนาแน่นของมวลกระดูก
•มีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดเลือดการสลายไขมันและการสร้างอสุจิ
•ทำให้เกิดขนตามร่างกายและใบหน้า
•ช่วยให้เกิดความต้องการทางเพศเพิ่มขนาดของอวัยวะเพศและอัณฑะเมื่อเกิดอารมณ์ทางเพศ
ฮอร์โมนเพศชายต่ำไม่สมดุลจะเกิดอะไรขึ้น?
ยิ่งอายุมากขึ้นฮอร์โมนชายจะค่อยๆลดลงตามธรรมชาติโดยผู้ชายอายุตั้งแต่ 45ปีขึ้นไปเทสโทสเตอโรนจะลดต่ำลงซึ่งจะส่งผลต่อระบบความต้องการสมรรถนะและการแข็งตัวของอวัยวะการผลิตและสร้างน้ำเชื้อทำให้ส่งผลต่อการมีบุตรยาก
ไม่ใช่แค่เรื่องอายุเท่านั้นปัจจัยหลายๆอย่างทั้งไลฟ์สไตล์อาหารการกินพักผ่อนน้อยความเครียดและการออกกำลังกายหนักหรือน้อยมากเกินไปก็มีผลให้ร่างกายผลิตเทสโทสเตอโรนได้น้อยลงเช่นกันหากฮอร์โมนชายต่ำเกินมาตรฐานจะเรียกว่าภาวะ Hypogonadismซึ่งจะส่งผลกระทบต่อร่างกายและอารมณ์ดังนี้
•ร่างกายอ่อนเพลีย
•อารมณ์หดหู่
•ความต้องการทางเพศหายไป
•การฟื้นฟูของร่างกายลดลง
•จำนวนอสุจิน้อยลง
•สูญเสียกล้ามเนื้อและความแข็งแรงของกระดูก
2.โรคอ้วนเหนี่ยวนำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย (Obesity induces inflammation)
การอักเสบเป็นกระบวนการที่สำคัญมากในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อให้กลับมาเป็นปกติการอักเสบจะเกิดขึ้นเพื่อป้องกันการทำลายเซลล์หรือการบาดเจ็บในร่างกายซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากความเครียดความเจ็บป่วยการรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอรวมไปถึงสภาวะทางจิตที่ไม่ปกติร่างกายจะตอบสนองกับภัยคุกคามนี้โดยการปล่อยสารมาควมคุมให้ร่างกายคงสภาวะสมดุลเอาไว้เรียกว่าสภาวะ Homeostasisโดยร่างกายจะสร้างเม็ดเลือดขาวมาต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมซึ่งเมื่อร่างกายมีการอักเสบมากสภาวะในร่างกายจะมีสารโปรตีนที่หลั่งจากเซลล์ต่างๆในระบบภูมิคุ้มกันที่เรียกว่า Cytokineออกมามากซึ่งสามารถตรวจหาโปรตีนชนิดนี้เพื่อเช็คความอักเสบในร่างกายได้กระบวนการอักเสบเป็นกลไกในการป้องกันสิ่งแปลกปลอมแต่หากมีการอักเสบมากเกินไปก็จะเกิดอันตรายต่อเนื้อเยื่อได้
การอักเสบส่งผลต่อสเปิร์มอย่างไร?
การอักเสบในร่างกายจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของสเปิร์ม (Sperm maturation)เนื่องจากเมื่อร่างกายอักเสบจะส่งผลต่อสภาวะในหลอดเก็บตัวอสุจิทำให้รบกวนการเจริญเติบโตของสเปิร์มและลดความสามารถในการปฏิสนธิของสเปิร์มลงอีกด้วย
จากงายวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal Reproduction & infertilityเมื่อปี 2015ศึกษาพบว่าเมื่อร่างกายอักเสบจะส่งผลให้ร่างกายผลิต ROSหรืออนุมูลอิสระออกมามากและอนุมูลอิสระนี้ส่งผลให้ระบบสืบพันธุ์เพศชายรวมถึงระบบการสร้างสเปิร์มทำให้สเปิร์มด้อยคุณภาพส่งผลต่อการมีบุตรยาก
3.โรคอ้วนเสริมอนุมูลอิสระ (Obesity enhance oxidative stress)
โรคอ้วนส่งผลต่อการสร้างอนุมูลอิสระในร่างกายเพิ่มมากขึ้นซึ่งอนุมูลอิสระจะทำลาย DNAของสเปิร์มลดอัตราการเคลื่อนไหวและลดปฏิกิริยา acrosome reactionคือปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเมื่อสเปิร์มเจาะเข้าผสมกับไข่ได้
.​4.โรคอ้วนลดคุณภาพของสเปิร์ม (Obesity impairs sperm parameters)
โดยจากงานวิจัยพบว่าโรคอ้วนจะลดความหนาแน่นของสเปิร์ม (decreased sperm concentration)ลดอัตราการเคลื่อนไหวของสเปิร์ม (decreased sperm motility)เพิ่มอัตราความผิดปกติของรูปร่างของสเปิร์ม (increased abnormal sperm morphology)
5.โรคอ้วนทำลาย DNAของสเปิร์ม (Obesity increase sperm DNA damage)
จากการศึกษาพบว่าโรคอ้วนส่งผลให้เกิด DNA fragmentationในสเปิร์มมีDNAแตกหักซึ่ง DNAในสเปิร์มนี้คือสิ่งสำคัญที่ชี้วัดคุณภาพของสเปิร์มทั้งในเรื่อง
•อัตราการปฏิสนธิ (fertilization rate)
•คุณภาพของตัวอ่อน (embryo quality)
•อัตราการตั้งครรภ์ (pregnancy rate)
•อัตราการแท้ง (miscarriage rate)
เสี่ยงโรคเบาหวานและหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
การเป็นโรคเบาหวานทั้งเบาหวานประเภท 1ที่เกิดจากเซลล์ตับอ่อนถูกทำลายจากภูมิคุ้มกันของร่างกายทำให้ขาดอินซูลินและเบาหวานประเภทที่2พบบ่อยที่สุดร้อยละ 95ของผู้ป่วยเบาหวานทั้งหมดเกิดจากภาวะดื้อต่ออินซูลินมักพบในผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วนร่วมด้วย สามารถส่งผลต่อชีวิตได้หลายแง่มุมซึ่งหมายความรวมถึงเรื่องเซ็กส์และสุขภาพทั้งนี้มีการประมาณไว้ว่า 50%ของผู้ชายและ 25%ของผู้หญิงที่เป็นโรคเบาหวานมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเซ็กส์บางประการปัญหาดังกล่าวสามารถเป็นได้ตั้งแต่การเบื่อเซ็กส์และการมีความต้องการทางเพศต่ำไปจนถึงการติดเชื้อในช่องคลอดหรือภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
อย่างไรก็ตามผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถมีปัญหาทางเพศเพราะเส้นประสาทและหลอดเลือดฝอยได้รับความเสียหายซึ่งมันจะทำให้เลือดไหลเวียนไปยังอวัยวะเพศน้อยลงและนั่นก็จะทำให้เกิดปัญหาได้ในที่สุดนอกจากนี้โรคเบาหวานและการรักษาระดับของน้ำตาลกลูโคส (Glucoregulation)ยังส่งผลกระทบต่อฮอร์โมนเพศการเกิดภาวะดื้ออินซูลินสามารถส่งผลต่อการผลิตฮอร์โมนในร่างกายส่งผลให้คุณมีความต้องการทางเพศลดลงทั้งนี้ผู้ชายและผู้หญิงที่ร่างกายควบคุมระดับของน้ำตาลได้ไม่ดีมีแนวโน้มที่จะประสบปัญหาที่เกี่ยวกับการควบคุมฮอร์โมนและสุขภาพทางเพศ
จากข้อมูลของ The Canadian Diabetes Associationมีการระบุว่า 50 - 70%ของผู้ชายที่เป็นโรคเบาหวานประสบกับภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศณช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิตผู้ชายที่เป็นโรคเบาหวานประเภท 1มีแนวโน้มที่จะตกอยู่ในภาวะดังกล่าวในช่วงแรกๆของชีวิตมากกว่าคนทั่วไปในขณะที่ผู้ชายที่เป็นโรคเบาหวานประเภท 2ประสบปัญหานี้ภายหลังเพียงเล็กน้อยสำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะหย่อนสมรรถภาพมีดังนี้
การไร้สมรรถภาพทางเพศทำให้เจ้าโลกของคุณผู้ชายไม่สามารถแข็งตัวหรือแข็งตัวได้ไม่นานในบางกรณีอาจเป็นสัญญาณเตือนแรกของผู้ป่วยโรคเบาหวานเพราะผู้ชายที่เป็นโรคนี้มีแนวโน้มที่จะประสบปัญหาไร้สมรรถภาพทางเพศ 2 - 3เท่า
รู้อย่างนี้แล้วหนุ่มๆที่อยากเป็นคุณพ่อต้องควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและที่สำคัญต้องดูแลเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษทานอาหารที่มีโภชนาการสูงเน้นโปรตีนเพราะโปรตีนช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อเมื่อมีกล้ามเนื้อมากขึ้นส่งผลให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้นช่วยเบิร์นไขมันได้เร็วขึ้นเน้นผักผลไม้เสริมสารต้านอนุมูลอิสระงดหวานงดของมันของทอดเจ้าน้องอ๊อดจะได้แข็งแรงและสามารถเสริมด้วยวิตามินและทานอาหารเสริมมีส่วนผสมของสารสกัดหรือวิตามินที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพของสเปิร์มได้แก่เอล-อาร์จินีน (L-Arginine) , Hardigen (Natural Nano Zinc L- Methionine) , Sodium ascorbate,โคเอนไซม์คิว10 (CO Q10 ),ไนอะซิน (Niacinamide)หรือวิตามินบี3 (Vitamin B3) ,วิตามินอี (Vitamin E) ,ซีลีเนียมอะมิโนแอซิดคีเลต (Selenium Amino Acid Chelate),วิตามินบี 6 (Vitamin B6),วิตามินบี 12 (Vitamin B12),วิตามินบี1 (Vitamin B1),ไรโบฟลาวิน (RIBOFLAVIN)หรือ Vitamin B2และกรดโฟลิก (FOLIC ACID)โดยควรเลือกทานอาหารเสริมที่ได้คุณภาพมารตรฐานการผลิตและได้รับการรับรองความปลอดภัยจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)ซึ่งสามารถศึกษาความรู้สำหรับผู้มีบุตรยากของฝ่ายชายและรวมถึงโภชนาการเสริมภาวะเจริญพันธุ์ตามหลักวิทยาศาสตร์สำหรับผู้มีบุตรยากได้ที่เว็บไซต์หรือเฟซบุ๊กเพจภายใต้ชื่อเดียวกันBabyAndMom.co.thครูก้อยนัชชากล่าว.











กำลังโหลดความคิดเห็น