“อ๊อฟ พงษ์พัฒน์” เรียนรู้ที่จะอยู่กับโรคที่เป็น ช่วยตัวเองยังไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ลั่นฝึกพูดทุกวันจนดีขึ้น ทุกวันนี้ใช้แค่ข้างซ้ายทำงาน บอกต้องอยู่กับมันให้ได้ ทำได้แค่ไหนก็แค่นั้นจะได้ไม่ทุกข์ ย้ำกำลังใจจากตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ
หลังจากชีวิตพลิกผัน ล้มป่วยด้วยโรคเส้นเลือดในสมองตีบ อาการค่อนข้างหนัก ต้องใช้เวลารักษาตัวนานพอสมควร ล่าสุดผ่านมา 4 ปี วันนี้ “อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง”ก็ได้มาอัปเดตอาการให้ฟัง ในกิจกรรม Music for Brain Health ตลอดจนการจำหน่ายเสื้อที่ระลึกเพื่อระดมทุนเข้ากองทุน ดนตรี กีฬา และศิลปะ เพื่อสุขภาพสมองของคนไทย ในศิริราชมูลนิธิ ณ Quartier Gallery ชั้นM ศูนย์การค้าดิ เอ็มควอเทียร์ โดยผู้กำกับมือรางวัลเผยว่าตอนนี้ทุกอย่างดีขึ้น แต่ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้
“ก็ทำงานแล้ว ทำงานมาสามปีแล้ว พอป่วยปุ๊บ หนึ่งปีทำงานเลย มีแค่ข้างซ้ายก็ใช้แค่ข้างซ้าย เดินก็เหมือนกัน พูดไม่ชัดก็พยายามพูดฝึกไปทุกวันๆ มันก็ดีขึ้น ข้างขวาตอนนี้วิธีการรักษาก็ทำกายภาพอยู่ครับ ที่มือก็ใส่ค้ำมันไว้แค่นั้นเอง เป็นหนึ่งในกระบวนการทำกายภาพ”
ถามว่ามีโอกาสหายขาดไหม อย่างที่บอกว่าแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน บางคนเป็นสองเดือนสามเดือน บางคนเดือนเดียวก็หายบางคน 2 ปี 4-5 ปี 10 ปี บางคนเป็นตลอดชีวิต เราก็ไม่รู้ว่าเราอยู่ในระดับไหน ทางที่เราทำได้ก็คือใช้ชีวิตอยู่กับมันให้ได้ ความกังวลใจตอนนี้ไม่มีครับ”
ช่วยตัวเองไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ กำลังใจจากตัวเองสำคัญที่สุด
“ผมว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือตัวเราเอง คือได้รับกำลังใจจากตัวเรานี่แหละดีที่สุด นอกนั้นก็ครอบครัวและคนรอบข้าง ตอนนี้ช่วยเหลือตัวเองยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกครับ บางสิ่งบางอย่างมันก็ทำไม่ได้ เราก็ทำเท่าที่ทำได้แล้วก็ขอความช่วยเหลือจากครอบครัว อย่างเช่นการขับรถ ผมขับไม่ได้แน่นอน ถึงผมขับได้ก็ไม่มีคนนั่งด้วย
ถามว่าชินแล้วไหม ก็ดีครับ ดีกว่าแน่นอน เพราะว่าเมื่อก่อนผมเร็วมากนะเวลาจะไปไหน เดี๋ยวนี้ช้าหน่อยแต่ก็สนุกเหมือนกัน ตอนนี้ก็พยายามกลับมาทำงาน ที่หนักก็ซีกขวาทั้งหมด ขาขวาก็ยังไม่ค่อยดีมันยังเดินเป๋อยู่ แขนข้างขวาก็ยกได้แค่นี้ (ทำท่ายก) กางมือยังไม่ได้ แล้วประสาทข้างขวาทำให้การพูดของเรามันไม่ชัด ลิ้นมันแข็งเพราะว่าข้างขวามันแข็งแต่ก็ฝึกไป”
สมัครวิ่ง แต่เน้นเดิน ลั่นทำได้แค่ไหนก็พอใจแค่นั้น ไม่ทุกข์
"ที่ไหนมีให้สมัครก็สมัคร แต่ช่วงนี้ก็มีเดิน 10 กิโลเมตร เพราะกายภาพมันต้องเดินอยู่แล้ว หมอไม่ห้ามเลย แต่เผื่อรักษาคุณภาพ เขาจะห้ามทานอาหารที่มันมัน อะไรที่มันทำลายสุขภาพ บางอย่างก็ต้องตัดใจ อาหารที่ชอบก็กินมาเยอะแล้ว เพราะเราเป็นสโตรก หลายสิ่งหลายอย่างที่มันเป็นความต้องการของเรามันจะลดลงไปอยู่ตามสภาพของเรา อย่างตัวผมเองผมทำได้แค่ไหนผมก็พอใจแค่นั้น ไม่งั้นมันจะทุกข์ เพราะว่าที่ผ่านมาเราสุดโต่งในการทำทุกอย่าง นอนน้อยทำงานเยอะ งานก็ทำทั้งคอนเสิร์ตหนังละครทั้งแสดงทั้งกำกับ คือเราคือมนุษย์มันเกินไป”
อยากกลับไปร้องเพลง
“อยากสิก็พยายาม แต่มันก็ได้เท่าที่ได้ อยู่บ้านก็ฝึกร้องเพลงบ้างบางครั้งแต่ว่ามันก็ยังไม่ค่อยชัดแรงมันยังไม่ค่อยมีเท่าไหร่ ก่อนป่วยก็จะมีคอนเสิร์ต จะเล่น 18 ล้มวันที่16 ซึ่ง 17 ต้องไปซาวด์เช็ก ก็เรียบร้อยก่อน ถ้าได้หายแล้ว รอก่อน ได้ฟังแน่นอนครับ”
