“ภิกษุณีสุทัสสนา” หรือ “หมอปลาย” เผยคำเตือนท่านยม ระวังไฟ - น้ำท่วม เครื่องบินตก กลียุคเต็มรูปแบบ เห็นหน้าลุง-อาแล้วกลุ้ม คนในวงการจะเกิดการฆ่าตัวตาย เพราะซึมเศร้า หนี้สินรุมเร้า ไม่มีงาน อายุปานกลาง ไม่เกิน 40 ปี ย้ำเด็กรุ่นใหม่อย่าเกี่ยงงาน
กรณีที่ “หมอปลาย พรายกระซิบ”ได้ปลงผมบวชเป็นแม่ชี ก่อนบินตรงสู่ประเทศศรีลังกา เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ต่อมา แม่ชีปลาย ก็ได้บวชเป็นสามเณรี ได้นามใหม่ว่า “สุทัสสนา” และ ได้เข้าพิธีบวชเป็น “ภิกษุณีสุทัสสนา” ล่าสุดภิกษุณีสุทัสสนา ได้เดินทางกลับมาประเทศไทย พร้อมภิกษุณีเจ้าอาวาสจากศรีลังกา ภิกษุณีพระพี่เลี้ยงจากศรีลังกา โดยได้เปิดใจให้สัมภาษณ์ว่าการมาเมืองไทยในวันนี้ ต้องใช้เงินอย่างต่ำ 1-2 ล้านเพื่อซื้อข้าวของที่จำเป็นกลับประเทศศรีลังกา พร้อมเปิดดวงครึ่งปีหลังในปีนี้ถึงสิ่งที่ท่านยมมาเตือนว่า
“ตอนนี้เป็นภิกษุณี 1 เดือน แต่ว่าเบ็ดเสร็จรวมตั้งแต่ใส่จีวรก็คือ 2 เดือน การใช้ชีวิตอยู่ที่โน่น บอกตรงๆ ว่าลำบากมาก เพราะอย่างที่เราเห็น ด้วยเศรษฐกิจของประเทศที่โน่น แล้วก็มีการตัดน้ำตัดไฟ ก็จะเจอไฟดับ 3-4 รอบต่อวัน ทำให้การปฏิบัติภารกิจค่อนข้างยาก จะทำบุญสวดบุญ หรือบางทีทำวัดก็ท่ามกลางความมืด เราก็ต้องแยกย้ายกันเข้ากุฏิค่ะ ก็จะมีตั้งเรื่องของโรคที่มาจากยุง จากแมลง แล้วก็เรื่องเกี่ยวกับอาหารที่ตัวหลวงพี่เอง ก็ต้องเจอกับปัญหาตรงนี้
แล้วก็เรื่องของสภาพอาหาร ที่มันไม่เหมือนกับของไทยเลย เพราะที่วัดที่ไปอยู่ เหมือนเป็นวัดบ้านป่า แล้วอยู่กันแบบครอบครัว เพราะฉะนั้นจะต้องทำอาหารทานกันเอง ไม่มีโยมมาถวาย แล้วก็บิณฑบาตไม่ได้ เพราะที่ประเทศศรีลังกาไม่ได้มีการบิณฑบาต
ฟังดูลำบากมาก ก็ไม่ถึงขนาดรันทด เราก็พยายามอยู่ให้ได้ แต่ก็คือจะมีอะไรเซอร์ไพรส์ทุกวัน อย่างเช่นอาหาร ก็จะเจอมะม่วงใส่ผงกะหรี่แล้วก็คลุกข้าว มันก็แปลกๆ ใช่ไหมคะ แล้วก็จะเจอสัปปะรดใส่พริกไทยกับผงกะหรี่ แต่เวลาออกไปฉันข้างนอก อย่างบ้านเราก็จะมีรถมารับอย่างดี แต่ของที่นี่จะเป็นรถสามล้อ ไปถึงก็จะนั่ง บรรยากาศก็จะแปลกๆ เพราะเขาไม่ได้มีอาหารมาตั้งไว้ที่โต๊ะ แล้วพระจะฉันอะไรก็ตัก เป็นเหมือนที่นั่งแล้วถือบาตร แล้วโยนก็จะเวียนกันมาตักใส่บาตร ถ้าไม่เอาก็เอามือปิด แล้วก็ใช้มือเปิบ ใช้ชีวิตแบบนี้
ไปช่วงแรกๆ ก็ต้องปรับตัวแบบที่สุดค่ะ จะพูดเลยว่าทานไม่ได้เลย เราไม่เคยใช้มือทานข้าวนอกสถานที่ แล้วเขาดื่มน้ำจากก๊อกที่เป็นแป๊บ แล้วก็มีจีวรพันไว้ที่หัวก๊อก แล้วก็ให้ดื่มเลย น้ำล้างมือกับน้ำดื่มถ้วยเดียวกัน ก็เลยแบบว่าไม่ค่อยกล้า ก็จะมีท้องเสีย แต่โชคดีที่ฉีดวัคซีนไป ก็พอสมควร แต่ก็ต้องปรับตัวให้เร็วที่สุดค่ะ เพราะมันอยู่ทุกวัน ณ เวลานี้ก็ยังต้องปรับอยู่ ก็เลยมีเรื่องของการที่จะต้องสร้างโรงทาน เพราะตอนนี้ฉันกันอยู่ในห้องครัว แล้วแมลงวันเยอะมาก อันนี้เล่าขำๆ อย่าดรามานะ บางทีเราโกนผม มันก็ต้องมีแผล แล้วพอเข้าไปในห้องครัวที่ต้องทำกับข้าว แมลงวันมันเยอะชนิดที่ว่า เราอาจจะติดโรคจากแมลงวันหรือเปล่า ก็มีกลัวเหมือนกัน”
ขนลุกเจอสิ่งลี้ลับระหว่างบวช
“หลายๆ คนอาจจะรู้สึกว่าทำไมท่านยมถึงไม่ช่วย แต่คือตอนที่ไปก็บอกท่านยมว่า หนูจะไปบวช ก็คือขอดูแลตัวเอง แล้วก็เกรงใจเจ้าที่ที่วัด เพราะที่วัดมีต้นโพธิ์ใหญ่ แล้วเจ้าที่ก็แรงมาก ท่านก็เลยจัดเต็มมาตอนดึก เพราะทั้งวัดท่านจะอยู่เป็นกุฏิรอบๆ เหมือนเป็นบังกะโล แล้วหลวงพี่จะอยู่คนเดียวเป็นตึก 2 ชั้น แล้วไฟก็ดับ ท่านก็เลยมาทั้งเคาะประตู ทั้งมาหา พูดแล้วยังขนลุกอยู่เลย คือเหมือนแบบว่าต้องกรวดน้ำให้ทุกวัน แล้วก็มาบอกว่าอยากได้อะไร ก็คือมาขอแบบโต้งๆ เลย ซึ่งปกติตอนที่เป็นโยม จะใส่ท่านยมตลอด จะไหว้ จะทำอะไร พอเราเป็นพระเราก็รู้สึกว่าเราพยายามจะไม่เรียกเทพ ไม่ขอความช่วยเหลือจากเทพ แต่ถึงเวลาก็ต้องช่วยหนูด้วย (หัวเราะ)
แต่ตอนนี้แฮปปี้เลยค่ะ ก็สรุปต้องไปจุดธูป 2 ดอกบอกท่านยม แล้วก็ 36 ดอกบอกเทพ บอกท่านว่าเจ้าที่ขา หนูขอมาอยู่แบบสบาย แล้วหนูจะสร้างความเจริญให้วัด แล้วก็จะมอบบุญให้ท่าน เพราะฉะนั้นอย่ามากวนหนูนะ เดี๋ยวหนูนอนไม่ได้ พอบอกแบบนี้ หลังจากนั้นเวลาท่านมาก็จะเป็นแสงเหมือนหิ่งห้อยค่ะ นอนอยู่ในห้องเวลาจำวัด หิ่งห้อยเข้ามาในห้อง คือธรรมชาติขนาดนั้นเลย แล้วลิงก็กระโดดกันอยู่หน้ากุฏิ”
พละกำลัง กลับมาดีขึ้น
“ก็ดีขึ้นเยอะค่ะ เพราะว่าจิตนิ่ง ได้ปฏิบัติ ได้ไปกวาดลานวัดมันเหมือนวิถีชีวิตมันเปลี่ยน จิตก็นิ่งขึ้นเยอะ เรื่องขโมยก็ต้องระวังเหมือนกัน ด้วยเศรษฐกิจ ด้วยน้ำมัน ด้วยเงินด้วยอะไรทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วเขาเห็นว่าเรามีโยมมาตอนวัดบวช ก็เลยแบบว่าเอ๊ะ มีคนต่างชาติ น่าจะมีของหรือเปล่า มีวันหนึ่งที่น้องหมาเห่าแบบหลอนมาก ก็คือเห่ายันเช้า ภิกษุณีทุกรูปก็ต้องตื่นขึ้นมา เพื่อมาดูว่ามีใครเข้ามาหรือเปล่า
เรื่องความปลอดภัยก็น่ากลัวเหมือนกัน รอบนี้มาก็คือมาซื้อพวกไฟที่เป็นโซลาร์เซลล์ เพื่อกลับไปแล้วส่องให้มันสว่างขึ้น เพราะไฟไม่พอ ปลั๊กในวัด 1 ห้องจะมีแค่เต้าเดียวเสียบทุกอย่าง แล้วมันไม่พอทั้งวัด ก็เลยไม่รู้จะทำยังไง ก็ต้องอาศัยไฟเป็นหลัก อยู่กันเองผู้หญิงล้วน 6 รูป รวมหลวงพี่ด้วย แต่คือที่โน่นเขาจะไม่ได้มีถวายปัจจัยเหมือนบ้านเรา เขามาทีก็คือหิ้วผักมา หรือไม่ก็มาขออาหารจากครัว ซึ่งพวกเรานี่แหละคือคนทำอาหารแจกชาวบ้าน แล้วเราก็เห็นว่าแล้วท่านจะหาเงินจากไหน เงินไม่มี รถไม่มี มีวันหนึ่งแก๊สหมด เติมแก๊สไม่ได้ ต้องสุมฟืน มันธรรมชาติมากๆ”
เผยกลับมาเมืองไทยหาหมอ และซื้อโซ่ ซื้อไฟ ของใช้ที่จำเป็น
“มาหาหมอค่ะ แล้วก็พาท่านเจ้าอาวาสมาซื้อของ เพื่อที่จะไปทำที่วัด เพราะเราต้องมีโซ่ใหม่ เพื่อไปล็อกวัด แล้วก็ซื้อไฟ แล้วก็จะมีพวกของใช้ พวกเตาอิเล็กทรอนิกส์ เผื่อไฟดับอีกซื้อจากไทยไป เพราะที่โน่นแพง แล้วคนก็แย่งกันซื้อหมด หายากค่ะ”
สถานการณ์บ้านเขามันช่วงที่แย่ชนิดที่ว่า 5 วัน เพื่อรอรถสามล้อออกไปซื้อข้าว มาม่าที่ขนไปวันบวชต้องแบ่งกัน บางวันก็คือข้าวกับน้ำแล้วก็ผสมแกงกะหรี่แล้วก็ผักในวัด มีผักแค่ไหนก็ฉันไปตามนั้น บางทีก็มีโยมเอามาให้ แล้วในวัดก็จะปลูกเอา ปลูกมัน”
รับไขมันขึ้นเพราะกินแกงกะหรี่
“ไขมันขึ้นเพราะว่าเรากลัวแกงกะหรี่ คือทุกอย่างในชีวิตเขามีแต่แกงกะหรี่ ต้องใส่แค่ผงกะหรี่ แล้วมันหนักๆ เข้าเราก็ระคายเคือง แพ้ เราก็เลยตัดสินใจกินมันนี่แหละ ง่ายสุด พอมาถึงหมอบอกไปทำอะไรมา ไขมันขึ้นขนาดนี้เดี๋ยวช็อกนะ”
รับน้อยใจท่านยมทำให้ลำบาก แต่เชื่อแค่อยากลองใจตน
“ก็มีแอบน้อยใจ ก็ถามเหมือนกัน แต่ว่าก็ได้คำตอบมาประมาณว่า หนึ่งอยากให้คนได้รู้ว่าพระพุทธศาสนาเรา มีภิกษุณีนะ สองคือท่านอยากลองใจหนู สามคือท่านเจ้าอาวาสอายุ 78 แล้ว แล้วในวัดก็เป็นผู้หญิงหมดแต่ละรูปที่พามานี่คือพาเด็กมาเลยนะ เพิ่งเคยขึ้นบันไดเลื่อนครั้งแรก ท่านไม่เคยเห็นอะไร พอเราได้ไปเห็นตรงนั้น เราเข้าใจเลยว่าท่านอยากให้ไปบูรณะวัด ถ้าใครอยากจะไปปฏิบัติธรรม หรืออยากจะไปเป็นภิกษุณีในอนาคต จะได้มีที่แล้วก็ได้ทำบุญกันแบบเต็มๆ ถามว่าท่านเคร่งไหม ท่านเคร่งมาก
แล้วคนจะเข้าใจผิดในเรื่องของการเป็นสามเณรีกับภิกษุณี ว่าแตกต่างกัน คือเป็นสามเณรีปกติจะบวชถึงอายุ 20 แล้วรออีก 2 ปีเพื่อฝึกแล้วก็จะได้เป็นภิกษุณี ศีลก็แตกต่างกัน ถ้าเป็นเณรคือศีล 10 ข้อ แต่ภิกษุณี 311 ข้อ แต่ไม่ได้เคร่งขนาดที่ว่าทำอะไรไม่ได้ ก็คือใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพราะเราไม่ได้ทำบาป เพียงแค่พรหมจรรย์ มีเวลาปฏิบัติกิจสงฆ์มากขึ้น”
ยังไม่ได้บอกใครเรื่องกลับมาเมืองไทย
“กลับมาครั้งนี้ยังไม่ได้แจ้งใครค่ะ คือที่บอกโยมพี่เอก เพราะว่าเขาไปงานบวชที่โน่น ท่านเห็นสภาพของวัด ก็เลยน่าจะเข้าใจ เราอยากจะบอกบุญใครด้วยการที่เราเป็นโยมมาก่อน เราก็เกรงใจอะ ว่าทำไมต้องขอๆ กลับมารอบนี้ก็คือมาบอกบุญด้วย ใครที่สนใจอยากจะทำบุญบูรณะวัด และให้การศึกษากับภิกษุณี ก็สามารถร่วมทำบุญได้ ติดต่อเข้ามาในไลน์หรือทางเพจก็ได้ค่ะ
ถามว่าตั้งใจทำอะไรบ้าง ตอนนี้ต้องมีโรงครัวโรงทาน แล้วก็ต้องเดินไฟใหม่ในวัด เพราะก่อนกลับมานี่คือเสียบน้ำเพื่อจะซักผ้า ก็ไฟดับทั้งวัด (หัวเราะ) แล้วก็ระบบน้ำ ทำให้ทุกรูปท้องเสียกันอยู่ตลอด เลยต้องไปเดินท่อใหม่ แล้วอีกอย่างที่วัดนี้มีสอนภาษาอังกฤษ ก็จะมีเด็กเล็กๆ ตอนนี้หลวงพี่ก็ต้องไปช่วยสอนด้วย แต่ด้วยไฟไม่มี พอไฟดับเด็กก็อยู่ในความมืด หลวงพี่ก็ต้องเอาโทรศัพท์ เอาไฟฉายมาส่องให้ ก็จะเป็นสภาพนี้ เราก็เลยอยากไปทำให้มันดี ให้เด็กตรงนั้นได้มีการศึกษาที่ดีค่ะ ชื่อวัดสุสิลาราสะ เมืองโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา อยู่นอกเมือง แพลนกลับจริงๆ ช่วงเข้าพรรษาเราจะออกมาได้แค่ 6 คืน เดี๋ยวก็ต้องกลับวันที่ 20 นี้ หลักเลยคือมาหาหมอ แล้วก็พาท่านมาซื้อของ”
ใช้งบ 1-2 ล้าน ต้องเอาเงินมาขายเพื่อทำบุญ
“ตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 1-2 ล้านบาทเป็นขั้นต่ำค่ะ แต่ก็ต้องบอกเลยว่าหลวงพี่ก็ต้องเอาของขลังของหลวงพี่มาขาย เพื่อที่จะเอาเงินมาทำบุญทั้งหมด เพราะว่ามันก็พอสมควร เราก็ไม่ได้อยากจะขออะไร สัญญากับท่านยมไว้ ว่าจะทำที่บูชาท่านยม สรุปก็ไปทำวัดที่อื่นหมด ที่พม่าก็ยังขออยู่ เพราะทำพระประธานเสร็จแล้ว เวลาหลวงพี่ทำบุญจะไม่ชอบทำวัดที่ง่ายๆ ชอบไปแบบที่ทรมาน ก็เลยจะเจอวัดที่เขาไม่มีรถขนส่งพระประธาน ก็เลยต้องแบกหามเข้าไป แต่ค่าขนส่งตรงนี้ทุกอย่างเคลียร์หมดแล้ว เหลือแต่หลังคาโบสถ์ยังไม่เสร็จ เลยมีหลายวัดที่พยายามว่าโยมบวชแล้ว โยมช่วยหน่อย ก็ทักเข้ามา แล้วทางศรีลังกาแต่ละวัด ท่านก็รู้จักเรา ก็ทักมาบอกโยมช่วยขอข้าวสารหน่อย ขอผักส่งไปตามวัดต่าง ก็เยอะอยู่ (หัวเราะ) สรุปคือไปช่วยอย่างเดียวเลย
ตอนแรกภาพก่อนบวชไปถึงจะไปนั่งสมาธิ สวดมนต์ จะนั่งเข้าฌานอย่างเดียว จะสงบวาจา จะไม่พูดอะไรทั้งสิ้น แต่พอถึงเวลาด้วยที่ท่านขอมา เราหยุดไม่ได้ จะทำบุญให้ท่านยม จะทำทุกอย่างให้ท่านยม เราทำให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุดดีกว่าเราเอาประโยชน์แค่ส่วนตัวเรา แค่ดูดวงแม่นแต่ว่าประโยชน์ส่วนรวมไม่ได้ มันคงไม่ค่อยเหมาะ ก็เลยตัดสินใจว่าทำทุกอย่างให้ดีที่สุดในช่วงเวลาที่นุ่งจีวร ห่มจีวร ก็ช่วยศาสนาให้มากที่สุด และจะช่วยคนให้ได้มากที่สุดดีกว่า ส่วนกำหนดสึกตอนนี้ยัง 1 ปีอยู่ แต่ยังรอฤกษ์อยู่ว่าจะประมาณเดือนไหน”
เผยคนแห่แชร์คำทำนายก่อนบวช เกี่ยวกับเรื่องไฟไหม้ แต่ให้รอดูเรื่องน้ำอีกรอบ
“ต้องถามทุกคนว่าไฟมันเยอะกว่าปีก่อนไหม เดี๋ยวรอดูเรื่องน้ำอีกรอบ”
ท่านยมยังเตือนเรื่องไฟ - น้ำป่า มาแบบไม่ตั้งตัว
“ครึ่งปีที่เหลือขอไม่ใช้คำว่าทำนาย สิ่งที่ท่านยมยังบอกยังเตือนอยู่ยังเป็นเรื่องไฟที่เกี่ยวกับไฟปะทุ คำว่าไฟปะทุ ขอใช้เลยว่า ระเบิด ยังมีอีก น้ำจะไม่ใช้แบบน้ำทะเล แต่จะเป็นน้ำสีเข้ม น้ำป่า น้ำเน่า น้ำนอง มาแบบตั้งตัวไม่ทัน เพราะฉะนั้นคนไทยเตรียมตัวไว้เลย สถานการณ์รอบโลกจะเป็นเรื่องภูเขาไฟระเบิด ประเทศที่น้ำไม่เคยท่วมจะท่วม ประเทศที่เป็นท่องเที่ยวจะเที่ยวไม่ได้”
ช่วงปีหลังถูกธรรมชาติลงโทษ
“ปีนี้ช่วงปีหลังเป็นปีที่เรียกว่าธรรมชาติลงโทษ เพราะว่ามนุษย์เริ่มไปก้าวก่ายในสิ่งที่ไม่ควรทำ แล้วเป็นช่วงกลียุคแบบเต็มรูปแบบ เพราะฉะนั้นเราจะเห็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงที่น่าเกลียด ต้องใช้คำนี้เลย หลายคนเจอแล้วได้ยินข่าวจะรู้สึกผิดหวังก็ต้องทำใจ ช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุด”
จะเกิดโรคใหม่เหนือฝีดาษลิง
“ส่วนเรื่องโรคภัยยังมีอีก พูดข้ามช็อตไปเหนือกว่าฝีดาษลิง เพราะว่าตอนนั้นเคยพูดว่ามันจะมี 2 โรคที่มาใหม่ ตอนนี้เหนือฝีดาษลิงแล้ว มีโรคที่เกิดใหม่น่าจะมาจากของที่ละลายน้ำ น่าจะมาจากพวกน้ำแข็ง เย็น แล้วทำให้เกิดเชื้อตัวใหม่ที่มันจะเข้ามา ถามว่าป้องกันได้ไหม วัคซีนไข้หวัดใหญ่กันได้ ความรุนแรงยังไม่เสียชีวิตเท่าโควิด จะเสียโควิดเท่าโควิดน่าจะประมาณ 2-3 ปี อันนั้นคือหนัก แต่ว่าที่จะเห็นช่วงไทม์มิ่งนี้จะมีคนที่เสียหายจากน้ำเยอะแล้วก็โรคภัยที่ติดตัวแล้วฝังเอาไว้ในระยะยาวมาจากสัตว์ น้องหมา น้องแมว พาไปฉีดวัคซีนให้ครบแล้วจะปลอดภัย”
เกิดความสูญเสียจากเหตุเครื่องบินตก
“ความสูญเสียถ้าสิ้นปีนี้น่าจะมาจากเครื่องบิน แต่น่าจะเป็นของต่างประเทศ เหตุการณ์ใหญ่ๆ เหมือนหลายปีที่แล้ว แต่ไม่ได้หาย น่าจะตกหรือมีเหตุอะไรกลางอากาศ”
เศรษฐกิจแย่ เห้นหน้าลุง-อาแล้วกลุ้ม
“มันแย่ลง ทุกทีมันจะดีขึ้น แต่ตอนนี้เห็นน้าคุณลุงคุณอาขึ้นมาก็กลุ้มใจพอสมควร ใช้คำว่ากลุ้มใจเลย มันอาจจะเป็นการรวมตัวกันทำอีกขึ้นหนึ่งที่เห็นความเปลี่ยนแปลงทุกอย่างมันจะดีขึ้น แต่มันกลายเป็นดูดทุกอย่างออกไปจากประชาชน”
17 ส.ค. จะมีข่าวใหญ่หลุดออกมา
“ท่านยมบอกว่า 17 นี้ ลองตามข่าวดูว่ายังไง น่าจะมีข่าววงในหลุดออกมา เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่ายังไงบ้าง แต่ว่า 17 นี้น่าจะมีข่าวชัดๆ แต่น่าจะช่วงประมาณเลข 20 เป็นต้นไป ก็จะได้รับรู้เรื่องของการตัดสินใจว่าเขาจะยังไม่ไป เราอุตส่าห์หนีมาบวชแล้วนะ(หัวเราะ) การเมืองคือวังวนเดิม ถึงแม้จะเปลี่ยนคนแต่ก็รูปแบบเดิม
ถามว่าท่านยมได้บอกอะไรที่น่าดีใจไหม ไปอยู่ศรีลังกามา ทุกคนจะเห็นว่าเขาสู้กันสุดชีวิต แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้คืออายมากที่บอกว่าเป็นคนไทยแล้วอยู่ในศรีลังกา เพราะว่าเขาถามว่าทำไมประเทศยูทำแบบนี้ ไม่มีใครรับแล้ว เอาเขามาทำไม เกิดอะไรขึ้น อันนี้คือหนึ่งข้อที่อาย หน้าชามาตั้งแต่รู้ข่าวว่าเขาอนุญาตให้มา อันนี้มันก็คือการตัดสินใจที่แปลกๆ แล้วหนึ่งอย่าง เพราะฉะนั้นการตัดสินใจหลังจากนี้ เราก็เตรียมตัวไว้เลยว่าพื้นฐานความคิดเขาคิดอะไรอยู่ แต่คนใหม่ๆ ที่อยู่ในกลุ่มเดิมก็จะขึ้นมาเพื่อสร้างความหวัง ถามว่าหวังได้ไหม ภาพดีมากเลยช่วงแรก หลังจากนั้นก็จะเห็นว่ามันอยู่ในลูปเดิมเหมือนเดิม”
คริปโต พ.ย. เป็นต้นไปดีขึ้น
“คริปโตใช่ไหม ยังบอกว่าช่วงปลายปีตอนนี้น่าจะเป็น พฤศจิกายน เป็นต้นไป ดีขึ้น แต่ว่าสิ่งที่เห็นนะ ไม่ได้รู้อะไร ใครที่เก็บเงินจีน เงินสดเก็บไม่ได้แล้ว ภาษาจีน สัญชาติจีนสำคัญมาก สกุลเงินเขาน่าจะเปลี่ยนเป็นดิจิทัลทั้งหมดหรืออะไรสักอย่าง เพราะว่าเขาปิดประเทศรอบนี้ เพราะปกติหลวงพี่จะต้องอยู่ที่จีนตลอดอยู่ที่จีนเป็นหลัก แล้วพยายามเปิดดวงเพราะอยากจะกลับไปแก้บนว่าเมื่อไหร่จะได้เข้า เขาปิดประเทศเพื่อที่เขาจะพัฒนาทุกอย่างแล้วเปลี่ยนแปลงจนคนไทยตามไม่ทัน ใครที่ลงทุนหรือทำอะไรกับจีน ลองหาข้อมูลดูว่าสกุลเงินเขาจะขนาดไหน แล้วอีกอย่างที่เคยพูดไว้เรื่องของสหรัฐกับจีนเริ่มแล้ว แต่จะบอกเลยว่าฝั่งผมสีดำแข็งกว่าผมสีทอง เพราะฉะนั้นสกุลเงิน นักลงทุนทั้งหลายเตรียมตัวย้ายฝั่ง”
เผยวงการบันเทิงจะเกิดการฆ่าตัวตาย อายุปานกลาง ไม่เกิน 40 ปี
“ทุกครั้งพยายามพูดให้ซอฟต์ลง เพราะว่าก็โดนเยอะ ยังมีเรื่องตื่นเต้นอีกในเรื่องของการเสียชีวิต โดยเฉพาะการที่คิดว่าใช้ชีวิตอยู่ไม่ได้แล้ว (ฆ่าตัวตายเหรอ?) ใช่ อายุปานกลาง น่าจะไม่เกิน 40 ด้วยปัญหาที่เขาเจอโดยส่วนตัว เพราะว่าครั้งที่แล้วจำได้ว่าก่อนที่จะไปบวชพูดถึงเรื่องของคนที่อายุเยอะ โรคประจำตัว ก็ไปเกือบครบเทอมแหละ แต่รอบนี้หลังจากนี้จะเป็นเรื่องการที่ไม่มีงานทำ หรือมีปัญหาทางการเงิน หนี้สิน ใช้เงินเกินตัว ซึมเศร้า แก้ปัญหาไม่ได้ ก็เลยทำให้คิดสั้น เพราะฉะนั้นให้กำลังใจกันเยอะๆ คู่รักเลิกกันยังมีอีกประมาณหลายคู่ แต่งก็เยอะค่ะ”
เตือนสติคนรุ่นใหม่อย่าเกี่ยงงาน ห่วงแม่ค้าออนไลน์ จะเจ๊งกันอีกเยอะ
“เตือนสติเนาะ อยากจะบอกว่าด้วยเศรษฐกิจแบบนี้ แต่ละคนพยายามหาที่พึ่ง แต่ที่พึ่งที่สำคัญที่สุดคือตัวเอง อยากเตือนเด็กรุ่นใหม่ว่าอย่าเกี่ยงงาน ทำงานเถอะ อย่าคิดว่าการเป็นเจ้าของธุรกิจมันจะเพอร์เฟกต์ไปหมด มันจะประสบความสำเร็จทุกอย่าง อยากให้หยุดความคิดแบบนั้น แล้วก็ดึงสติกลับมาว่าทุกอย่างเงินที่มันเป็นเงินประจำสำคัญที่สุด อยากรวยหางานเสริม ยังไงต้องมีแบบนี้ไว้ก่อนเพราะว่าโลกมันจะหมุนกลับมาสู่ยุคที่เจริญสุดขั้วแล้วก็กลับมาสู่ยุคที่มันต้องกลับมาใช้แมนนวลเหมือนเดิม มันก็ใช้ชีวิตลำบากเหมือนกันสำหรับเด็กยุคใหม่ อยากจะเตือนสติแบบนี้สำหรับคนที่สูงอายุแล้ว เราตามโลกไม่ทันค่อยๆ พัฒนา ยังไม่สาย ยังห่วงเรื่องแม่ค้าออนไลน์ เพราะว่าเดี๋ยวจะเจ๊งกันอีกเยอะ”
แนะคนที่อยากบวชเป็นภิกษุณีที่ตปท. ต้องใช้เงินเยอะ
“ก็ติดต่อได้จะช่วยทำให้ แต่ว่าอยากจะให้เข้าใจว่า การบวชต่างประเทศใช้เงินเยอะ เพราะว่าเขาต้องการความหวังจากเรา เขาคิดว่าเราเป็นประเทศที่เจริญแล้ว ซึ่งเราเจริญกว่าเขาเยอะ แล้วศรีลังกาเป็นประเทศเดียวที่ภิกษุณียังปฏิบัติดี และยังไปได้ทั่วโลกที่ยอมรับ ซึ่งเจ้าอาวาสที่พามา แม่ใหญ่ท่านต้องเดินทางไปบวชให้ภิกษุณีแต่ละประเทศ ก็ถือว่าเป็นรูปที่สำคัญ แล้วอายุท่านไม่รู้ว่าจะอยู่อีกแค่ไหน เพราะฉะนั้นถ้าใครอยากบวชก็ติดต่อมาได้ แต่ต้องทำใจเลยว่าการใช้ชีวิตพระไม่ได้ง่ายเหมือนการที่เป็นพระอยู่ที่เมืองไทย ไม่ง่ายเลย บางครั้งอาจจะมีการผิดหวัง
อันนี้ขอพูดตรงๆ บางคนอาจจะคิดว่าพระฉันข้าวต้องตามเวลาเป๊ะๆ แต่ที่นั่นเราต้องอยู่ตามสภาพ เพราะเราไม่มีใครมาเสิร์ฟให้ถึงที่ เราบิณฑบาตไม่ได้ คนเขายากจนเขาไม่มีอันจะกินแล้ว เราต้องทำเอง เราต้องเป็นผู้ให้ คือพระเป็นผู้ให้จริงๆ เพราะฉะนั้นจะต้องเข้าใจวัฒนธรรม อย่างหลวงพี่มาก็โดนเรื่องคิ้วแล้ว ต้องเรียนรู้ว่าคิ้วมีแค่พระไทยเท่านั้นที่โกนคิ้ว แต่ไปที่อื่นเขาไม่โกนคิ้วเพราะว่าประเทศเคยมีเหตุการณ์น่าจะสมัยอยุธยา ที่มีเรื่องอลัชชีเข้ามาเป็นโจรปล้นแล้วใส่ชุดพระ ก็เลยแยกกันว่าถ้าโกนคิ้วคือพระจริง ไม่โกนคิ้วคือพระปลอม แต่ว่าประเทศอื่นเขาไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เขาเลยยังมีคิ้วได้ ต้องศึกษาต้องเข้าใจวัฒนธรรม เพราะว่าเคยปรึกษากับท่านเหมือนกัน ท่านบอกว่าเคยมีคนไทยไปบวช แต่พอไปบวชแล้วรับวัฒนธรรมไม่ได้ กลายเป็นมีอคติ ศีลก็เลยลดๆ แล้วยิ่งบวชยิ่งผิดศีล มันยิ่งบาปกว่าเดิม
ข้อกำหนดข้อปฏิบัติ ภิกษุ 227 ข้อ แต่ภิกษุณี คือ 311 ข้อ ก็จะเยอะกว่า มันจะเป็นเรื่องของผู้หญิงล้วนๆ ผู้ชายไม่มีประจำเดือนก็จะไม่มีข้อห้ามเรื่องของผู้หญิง ข้อห้ามที่ถูกเพิ่มขึ้นมา เป็นเรื่องความปลอดภัยของภิกษุณีว่าอย่าเดินทางรูปเดียว ให้ระวังเรื่องของการโดนข่มขืน เรื่องการใช้ชีวิต เรื่องการแต่งตัวจะมากมายกว่าภิกษุพอสมควร แต่ถามว่ายากไหม ไม่ได้ยากถ้าตั้งใจก็ไม่ยาก”
