“ปุ้ย ปิยาภรณ์” ตื้นตันชีวิต “แอนนา เสือ” บอกใช้ชีวิตมีความสุขตามอัตภาพ ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นแบบนี้ ได้ดั่งใจทุกอย่าง ฝึกหนักก็ไม่มีท้อ พร้อมเตรียมเป็นมิสสน. เล็งฟ้องเกรียนคีย์บอร์ดล็อตแรก 10 คน บอกพวกนี้คือขยะสังคม ไม่ควรให้มีที่ยืนในสังคมไทยอีกต่อไป ยืนยันพานางงาม 5 คนไปเดินแบบงานนิวยอร์กแฟชั่นวีก ตนออกค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่าง ยกเว้นถ้าจะไปดีลงานกับเอเจนซี่กันเองแบบส่วนตัวเท่านั้น
ถือว่าเป็นช่วงที่เจอดรามาต่อเนื่องเลยทีเดียว สำหรับเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ที่วันนี้นอกจาก "ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิก" ผู้อำนวยการกองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ จะนำทีมพา “แอนนา เสืองามเอี่ยม”มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2565 มาหาคุณแม่และมาเยี่ยมดูห้องเช่าเดิมที่เคยอยู่แล้ว ก็ยังมาเคลียร์ประเด็นดรามาว่าลำเอียง พานางงามไปเดินแบบในงานนิวยอร์ก แฟชั่นวีกแค่ 5 คน แถมยังโดนเมาท์เรื่องค่าใช้จ่ายที่ให้นางงามออกเองอีก
“วันนี้ที่มาเพราะเราอยากจะมาถ่ายทำคลิป เพราะจะต้องมีการส่งคลิปไปที่กองแม่นะคะ และถามน้องว่าน้องอยากทำเกี่ยวกับเรื่องอะไร เพราะสิ่งที่เราจะทำคือเราจะรณรงค์เรื่องความเท่าเทียม หรือการให้โอกาสทางการศึกษา กับเรื่องของการจัดการขยะ น้องก็บอกว่าอยากมาเยี่ยมบ้านตัวเองสักครั้งนึง เพราะไม่ได้มานานแล้วตั้งแต่เก็บตัวประกวด ก็เลยได้มา
ถามว่าวัตถุประสงค์ในการมาครั้งนี้แอนนามาเพื่ออะไร เขาก็บอกเลยว่าเขาไม่ได้มาเพื่อบอกว่าเขาชีวิตยากจน อยู่ลำบาก เพราะเขาบอกหนูอยู่สบายตามอัตภาพ คือคนเราต่อให้อยู่ปราสาทราชวัง อยู่ในคฤหาสน์พันล้านถ้ามันไม่มีความสุขตามอัตภาพมันก็ไม่ใช่เขาก็เป็นคนจุดประกายตรงนี้ว่าเขามีความสุขตามอัตภาพ และเขาก็บอกว่าวัดช่างเหล็กนี่แหละเป็นที่ที่หล่อหลอมให้หนูมีชีวิตเหมือนเทพนิยายมากเลยที่ทำให้มีชีวิตในวันนี้ พอถามว่าแอนนาได้เจอแม่บ้างหรือยัง เขาก็บอกว่าไม่ได้เจอคุณแม่เลย เพราะคุณแม่ก็เพิ่งหายจากการติดโควิด ก็เลยบอกว่างั้นมากราบคุณแม่วันนี้เลย เพราะเจอคุณพ่อไปแล้ว วันนี้ก็มาเจอคุณแม่ค่ะ”
บอก 2 สัปดาห์ที่ทำงานร่วมกันมาทำให้ตื้นตันใจมาก
“บอกตรงๆ ตอนแรกไม่ได้รู้จักสนิทกับเขาหรอก แต่พอได้อยู่ใช้ชีวิตกับน้องก็ตื้นตันนะ คือเราก็เป็นแม่คน เรายังไปสอนลูกเลยว่านี่คือชีวิตที่น่าเรียนรู้และน่าเอาเป็นแบบอย่างมาก ไม่มีเงื่อนไข มีอย่างเดียวว่าทำตัวเองให้ดี และทุกอย่างมันจะดีตามมา จริงๆ เรามีส่งทีมงานแอบมาพูดคุยกันก่อนครั้งนึงตอนช่วงประกวด ลูกน้องก็กลับไปบอกว่าอินมาก วันนี้เราก็เลยอยากมาดูเอง มาเจอคุณยายแม่ชีหลายๆ ท่าน คุณยายก็เดินมากอด ดีใจ ก็ซาบซึ้ง ก็เดี๋ยวจะไปดูบ้านเขา ไปดูห้องที่เขานอน ไปดูสถานที่ที่เขาสวดมนต์ทำวัดเย็นกับคุณยายๆ แม่ชี มันตอกย้ำว่าธรรมะก็หล่อหลอมคนได้จริงๆ
ได้ดั่งใจค่ะ คือเขามีความคิดเป็นของตัวเองนะ แต่สิ่งที่เราชอบเขามากคือเขาไม่ท้อเลยในการที่จะฝึก คือเป็นคนที่มีทัศนคติที่ว่าโลกนี้จะยังไงก็ได้ เขาอยู่ได้หมด เขาเก่งมากในการที่จะฝึกอดทน และบางทีเราอ่านคอมเมนต์แย่ๆ ที่ดูถูกดูแคลนน้องเราก็บอกว่าแอนนาเธอต้องทำเหมือนแอนชิลี สก๊อต-เคมมิสนะ แอนชิลีก็น่ารักมากคอยบอกว่ายูไม่ต้องคิดมากเลยนะ ไอโดนมาขนาดไหน เขาก็ซัปพอร์ตซึ่งกันและกัน น้องเขาก็บอกว่าไม่สน เขาสนอย่างเดียวคือเดินหน้า ในเมื่อชีวิตมันดีมากขนาดนี้แล้ว เขาก็จะเดินหน้าให้ดีกว่านี้”
ประกาศจะเป็นมิสสน.แล้วหลังจากนี้
“เมื่อคืนประกาศไป ก็มีหลายคนที่เมื่อวานแคปส่งไม่หมดนะคะ จริงๆ เป็นคนที่ไม่ชอบเรื่องฟ้องร้อง เพราะมันไร้สาระ คนพวกนี้ปุ้ยเปรียบเสมือนขยะในวงการ ขยะของสังคม คุณไม่เคยสร้างสรรสิ่งดีๆ ให้เกิดประโยชน์ ให้กำลังใจผู้คน คุณคอยด่า คอยแซะ คอยดูถูกดูหมิ่นคนอื่นตลอดเวลา และที่สำคัญคุณไม่แน่จริง เพราะคุณใช้ร่างอวตารตลอดเวลา ก็อยากจะรู้เหมือนกันนะคะ ก็ขอฝากไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นปอท.หรือว่ากระทรวงดิจิทัล ปุ้ยคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญนะคะ เดี่ยวจะไปเรียนพบผู้ใหญ่ทุกท่านค่ะ ถ้าเกิดเรายังปล่อยสังคมไทยให้มีขยะออนไลน์ ขยะสังคมอยู่แบบนี้คงจะไม่ดีค่ะ เพราะคิดว่าน่าจะเริ่มมาสร้างมาตรฐานกันใหม่ได้แล้ว เดี๋ยวจะทำเรื่องค่ะ
คือบางทีไปเขียนเต้าแล้วใช้คำหยาบคาย แล้วบางทีไปด่านางงาม จริงๆ ไม่ได้ทนนะคะ ก็เก็บมาตลอด อย่างแอนนา อแมนด้า (อแมนด้า ออบดัม) ก็มีการดำเนินการไปบ้างแล้ว แต่บอกตรงๆ ว่านี่ก็ไม่ชอบเหมือนกัน บางทีคนพวกนี้เวลาเราเห็นตัวจริงมันเด็กมากเลย และบางคนทำการงานมีอาชีพที่ดีด้วยนะ แต่พอเราเอาเขามาเปิดหน้ามันก็เหมือนฆ่าเขาทั้งชีวิต มันใช่เหรอ ล่าสุดเมื่อเช้าลูกน้องแคปส่งมาให้ บอกเวทีจะหาเงินจากการฟ้องร้อง ไม่ใช่นะคะ บอกไว้ตรงนี้นะคะ 50% ดิฉันจะยกให้กับทนายความที่ต้องมาทำเรื่องแบบนี้ อีก 50% เข้าการกุศลทั้งหมดค่ะ ก็มีเป็น 10 คนเลยค่ะ แล้วคนชื่อแบมบี้นี่ได้ข่าวว่าเป็นขยะตัวดีเลยนะคะ แต่วันนี้แบมบี้ลบเพจไปแล้ว แต่ไม่เป็นไรค่ะ เราตามคุณได้ค่ะ”
แจงต้นเหตุดรามาที่จะพานางงามไปแค่ 5 คน
“ก็สืบเนื่องมาจากที่จะเด็กๆ ไปนิวยอร์กแฟชั่นวีก ก็บอกอีกครั้งไว้ตรงนี้นะคะ เดิมทีปุ้ยได้ดีลไว้ว่าจะเอาไป 2 ตำแหน่ง ก็คือมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์และนางสาวไทย สาเหตุที่จะเอาไปเพราะอยากให้เขาได้มีโอกาสไปชิมลาง ไปทำงานในระดับอินเตอร์เนชั่นแนล ไปทำงานกับฝรั่งจริงๆ เราก็ติดต่อมาหลายเดือนมากก่อนที่จะประกวดอีก
แต่เมื่ออาทิตย์ก่อนนั่งประชุมกันเรื่องนี้ สาวๆ ทั้งหลายที่เหลืออยู่เขาก็บอกว่าขอไปด้วยสักครั้งเถอะ เราก็โอเคไปก็ไป แต่บางเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับการทำงานฉันจะให้เธอออกค่าใช้จ่ายเองนะ แต่ส่วนใหญ่อยู่กับเรา กินกับเรา เราจ่ายให้หมด การไปนิวยอร์กครั้งนี้หัวนึงไม่มีต่ำกว่า 2.5-2.8 แสน เพราะเราไปเกือบ 15 วัน แล้วอยู่กลางแมนฮัตตัน ไหนจะค่าโน่นนี่นั่นทุกอย่าง ทุกคนก็บอกว่าไม่มีปัญหา ขอไปซื้อโปรไฟล์ตัวเอง เพราะทุกคนรู้ว่าไปกับแม่ปุ้ยจ่ายน้อยอยู่แล้ว
เราก็บอกว่าเพื่อความยุติธรรม เพราะจริงๆ คนที่เกี่ยวข้องที่จะต้องไปทำงานครั้งนี้มีแค่ 2 คนคือ แอนนา เสืองามเอี่ยม และ มานิตา ดวงคำ ฟาร์เมอร์ ส่วนถ้าพวกเราอยากไปเดี๋ยวฉันพาไป แต่ก็ต้องไปในเงื่อนไขว่าเธอต้องรับผิดชอบตัวเองบางส่วน เพราะนี่ไม่ใช่การไปทำงานของกอง แต่เป็นการที่พวกเธอขอไป เพื่อจะไปทำโปรไฟล์กัน เราก็มองว่าหลายๆ คนไปงานนี้เกิดนะ มันก็เป็นโอกาสของเขา”
บอกเป็นประเด็นอาจจะเพราะแฟนๆ บางส่วนไม่พอใจที่ต้องให้นางงามออกค่าใช้จ่ายส่วนตัวเอง
“เราก็ยังไม่ได้พูดอะไรเลย เราก็พูดวันที่นั่งรถไปด้วยกันว่าเดี๋ยวจะพาพวกนี้ไปนิวยอร์ก เหมือนซื้อทัวร์ คนก็จะคิดว่าได้ไปฟรี ตรรกะอันนี้ก็แปลกๆ นะคะ แต่จะบอกว่าลูกๆ ทุกคนของดิฉันก็เหมือนไปฟรี ดิฉันนี่ไม่ได้หลับได้นอนมา 3-4 วัน โทร.วิ่งวุ่นเพื่อจะขอตั๋วเครื่องบินสปอนเซอร์ให้น้อง แน่นอนเจ้าที่เป็นคู่บุญกับเราเลยคือเตอร์กิซแอร์ไลน์ ช่วงที่เราจะไปนิวยอร์กกันเป็นช่วงไฮซีซั่น ตั๋วเครื่องบินเต็มหมด และราคาแพงมากค่ะ ดิฉันนั่งบิสิเนสคลาสก็ไม่รู้กี่แสนแล้ว และการที่เราจะขอตั๋วให้น้องๆ เราพูดไม่ได้หรอกค่ะในเมื่อการประสานงานมันยังไม่จบ ก็อย่าดราม่าเลย
บางคนก็ดรามาอีกว่านิโคลีน (พิชาภา ลิมศนุกาญจน์) ไม่ได้ไปได้ยังไง คุณรู้ไหมคะว่านิโคลีนเขาติดอะไร ช่วงที่เขาประกวดเขาลงเรียนปริญญาโทไว้ และลาเรียนในบริบทที่เขาขอลาไปหมดแล้ว ถ้าเขาจะต้องไปงานนี้อีกครึ่งเดือน บางคนเขาก็มีภารกิจ บางคนก็ไม่สามารถไปได้ บางทีมันน้ำผึ้งหยดเดียว มันไม่มีอะไรเลยก็ไปทำให้มันมี ส่วนที่มีเราไม่พูด ไม่ได้หมายถึงนิโคลีนนะคะ บางทีก็อย่าพูดดีกว่า เพราะฉะนั้นสังคมเองต้องรู้ตรงนี้ด้วย บางทีไปปั่นซะจนเรื่องไม่เป็นเรื่องไปปั่นให้ชีวิตคนดีๆ เขาเสียหาย”
ยืนยันจ่ายให้หมด ยกเว้นถ้าจะไปติดต่อเอเจนซี่หางานกันเอง
“ก็ไปทั้งหมด 12 ชีวิตนะคะ นางงาม 5 ชีวิต ก็จะมีแอนนาเสือ, มานิตา (ดวงคำ ฟาร์เมอร์, โอปอล (สุชาตา ช่วงศรี), เรเน่ (เวโรนิก้า ปากาโน่) แล้วก็ อาย (กัญญาลักษณ์ หนูแก้ว) ค่ะ ก็ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ ใครขอไปก็จะได้ มันก็ไม่ยุติธรรมกับคนที่นั่งประชุมอยู่กับเราตรงนั้น ซึ่งคนที่ไปเราก็ซัปพอร์ตหมดค่ะ ทั้งที่กิน ที่พัก ตอนแรกดิฉันก็บอกว่าเธอเตรียมใจไว้นะว่าถ้าฉันขอตั๋วเครื่องบินให้เธอไม่ได้ เธอต้องจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินเอง และสมมติเธอจะไปแคสติ้งตรงไหนยังไงก็ตาม มันก็ต้องจ่ายให้เอเจนซี่
ไอ้พวกที่มาคอนเมนต์ว่าน่าจะออกให้หมดน่ะ เคยทำงานหรือเปล่าคะ ออกให้หมดมันไม่กี่สตางค์ค่ะ แต่คนที่เขาก็อยากไป ลูกๆ ดิฉันที่เหลือเนี่ย อะไรที่เราซัปพอร์ตได้ก็ซัปพอร์ต สรุปก็คือถ้ามีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเอเจนซี่ เราจะให้น้องออกเอง แต่คนอื่นที่อยากไปอีกมันไม่ทันแล้วจริงๆ ส่วนด้อมของน้องอายที่เขาซัปพอร์ตพ็อกเก็ตมันนี่ให้น้อง อันนี้ก็ต้องขอบคุณด้อมน้องอาย เขาก็ให้ค่าขนมน้อง มันก็ไม่ผิดนี่คะ ด้อมไหนๆ ก็ให้คนในด้อมตัวเอง อย่างน้องอายก็มีพ็อกเก็ตมันนี่สุดฤทธิ์ไป ก็ไม่แปลก จริงๆ ด้อมอื่นเขาก็ให้กัน แต่ก็ไม่ได้เป็นประเด็นออกมา ไปโทษด้อมเขาก็ไม่ได้”
แต่ไปครั้งนี้น้องๆ จะได้ประสบการณ์ในการทำงานกับระบบโปรเฟสชั่นแนลจริงๆ คุณจะได้ไปดูงานที่ใหญ่ที่สุดของโลกงานนึงอย่างนิวยอร์กแฟชั่นวีก กระบวนการหลังบ้านเขาทำงานยังไง โดยเฉพาะแอนนาจะได้รู้ว่าความวุ่นวายหลังสเตจมันเป็นยังไง คุณจะต้องทำยังไงให้สื่อต่างชาติมาประกบคุณให้มากที่สุด”
