xs
xsm
sm
md
lg

“ชาคริต” ยังรับงานวงการบันเทิง ขอเต้นกินรำกินจนตัวตาย เมินคนเรียกเสี่ยสวนทุเรียน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ชาคริต” ไม่ขอน้อมรับคนเรียกเสี่ยสวนทุเรียน ลั่นยังร้บงานในวงการบันเทิง จะเต้นกินรำกินจนตัวตาย มีความสุขกับงานแสดง จะเล่นจนถึงบทที่ตนเป็นพ่อเป็นปู่

หลายคนไม่แน่ใจว่าตอนนี้พระเอกหนุ่ม “ชาคริต แย้มนาม” ห้นไปเอาดีเป็นเกษตรกรสวนทุเรียนอยู่จังหวัดจันทบุรีแล้ว งานในวงการบันเทิงจะยังรับอยู่รึเปล่า ซึ่ง ชาคริต ก็ออกมายืนยันว่าตนยังรับงานแสดงอยู่ ไม่มีทางเลิก

“ยังรับอยู่เหมือนเดิมครับ ผมเก่งครับ แบ่งเวลาได้ สวนทุเรียนเราก็ได้อย่างที่ตั้งใจไว้ ก็พัฒนาต่อไปเรื่อยๆ และหวังว่าจะดีขึ้นในทุกปี ทำไว้ให้ลูกแหละ มันเป็นความสุขด้วย มันเหมือนได้กลับบ้าน ได้ไปชาร์จพลัง ได้ทำอะไรทิ้งไว้ที่มันเป็นของเขาจริงๆ”

ไม่ขอน้อมรับ คนเรียก ชาคริต เสี่ยสวนทุเรียน
“ยังไม่เป็นเสี่ยครับ มันมีอะไรให้เรียนรู้ใหม่ทุกวัน มันก็เจอกับปัญหา เจอกับภัยธรรมชาติที่เราก็ต้องมาเรียนรู้กันใหม่ ว่าเพลี้ยมีกี่ชนิด รามีกี่ชนิด ดินฟ้าอากาศปีนี้ก็มาเจออะไรแปลกๆ ก็ต้องมาเรียนรู้กันใหม่อีกว่าจะต้องคอยกำจัดอะไรยังไง ให้ไปในทิศทางเดียวกันว่าเราจะเป็นอินทรีย์หรือเคมี ผมยังเรียกว่าเป็นมือใหม่อยู่ แต่ก็ทำเต็มที่ โชคดีที่มีครูที่ดีคือญาติๆ ฝั่งภรรยา เราก็มีส่งทั้งในประเทศ ประเทศจีน และประเทศอื่นๆ อีกด้วย

(สวนทุเรียนถือเป็นรายได้หลักของครอบครัว?) มันก็ไปด้วยกัน เขยจันท์ภรรยาเป็นคนดูแล รวมๆ ก็มีที่ดินอยู่ร้อยกว่าไร่ ผมก็ยังอยู่ในวงการบันเทิงตรงนี้ แล้วก็ยังมีธุรกิจร้านอาหาร ร้านขายแซลมอน ทุกอย่างเราก็ทำด้วยกัน”

โต้ซื้อคฤหาสน์ใหม่ แต่รับกำลังสร้างบ้านที่กรุงเทพฯ อุบตอบทุ่มงบ 50 ล้านสร้างบ้านหลังนี้
“ไม่ครับ ก็ไม่รู้เขาเอารูปที่ไหนมาแปะ บ้านเราก็ทำตรงที่เราอยู่นี่แหละ แต่ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าคฤหาสน์รึเปล่า เราเรียกว่าบ้าน แต่ในรูปไม่ใช่นะ ก็ยังงงว่าเอาที่ไหนมาแปะ เดี๋ยวเจ้าของบ้านเขาจะโกรธเอา บ้านก็ใกล้จะเสร็จแล้ว อีก 4-5 เดือน เป็นบ้านที่ กทม. มันเป็นบ้านในพื้นที่เราอยู่แล้ว มาเริ่มทำเพราะมีลูก ก็อยากจะขยับขยาย คือตอนนี้ทุกคนคิดว่าผมไปอยู่จันทบุรีกันหมดแล้ว แต่จริงๆ ผมอยู่กทม. เป็นหลักครับ ก็ไปๆ มาๆ


บ้านก็ทำไปเรื่อยๆ ตอนนี้ก็บานอยู่ แต่ก็ยังได้อยู่ (50 ล้าน?) ไม่รู้ เราอย่าไปตีตัวเลขให้เขาเลย ก็ทำเต็มที่เพราะเป็นคนชอบบ้าน ที่เราอยากมีพื้นที่ตรงนี้เพราะเราเป็นคนที่ใช้บ้านคุ้ม เราชอบความเขียว ความต้นไม้ ความปลูกผักในบ้าน”

ลั่นสามารถจัดสรรเวลาทำธุรกิจ การแสดง และเกษตรกรได้ เพราะมีหล้งบ้าน มีหุ้นส่วนที่ดี
“มันยังเป็นความรักของผมที่มีต่องานศิลปะการแสดง มันคือสิ่งที่เราชอบ ไม่ว่าจะเป็นพิธีกร ในเรื่องของอาหารที่เราชอบจนกลายเป็นธุรกิจ ผมว่ามันไม่จำเป็นต้องทิ้งอย่างใดอย่างหนึ่งหรือเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง มันไปด้วยกันได้อะไรก็ได้ที่เราแบ่งเวลาได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการจัดสรรเวลา เรามีน้องๆ ผู้ช่วย มีหุ้นส่วนที่ดี มันก็สามารถจัดสรรไปได้”

ยันจะเต้นกินรำกินไปจนตัวตาย
“คนอื่นอาจจะมองว่าการทำธุรกิจมันมีรายได้มากกว่าการเป็นนักแสดง สำหรับการแสดงมันเป็นความรัก มันเป็นแพชชั่น คนชอบมาถามว่าผมจะออกจากวงการแล้วเหรอ เพราะเห็นไปทำอะไรเยอะแยะ ไม่ออกครับ เต้นกินรำกินจนตายครับ เล่นจนเป็นพ่อเป็นปู่ครับ เพราะมันคือความสุข มันคือศิลปะที่เรารัก มันเป็นความสุขที่เราได้เติบโตมากับกองถ่าย ได้ขัดเกลาในเรื่องของศิลปะการแสดง มันคงจะอยู่กับเราไปตลอดตราบใดที่ยังมีคนให้งาน ยังจ้างอยู่ ยังเชื่อมั่นในตัวเราอยู่ ก็จะทำให้เต็มที่ครับ

เรามองว่าเราเป็นนักแสดง เราไม่ได้หนุ่มอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว มันน่าจะสนุกกว่าที่เราสามารถเล่นอะไรได้หลากหลาย มีบทเข้ามาหลากหลายที่เขามั่นใจว่าเราน่าจะเล่นได้ แล้วส่งมาให้เราพิจารณาดู”

บอกตอนนี้ “น้องโพธิ์” ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเริ่มชินกับการอยู่ต่อหน้ากล้องแล้ว

“ใช่ๆ ก็มีบ้าง เราก็ให้เขาเรียนตามปกติ แล้วแต่โอกาส แล้วแต่ว่าเขาชอบไหม วันก่อนก็ถามเขาเหมือนกันว่าโตขึ้นจะเป็นพระเอกหรือเป็นอะไร เขาบอกจะเป็นตลก เขารักลุงเจี๊ยบ ลุงอู๊ดมาก ทำตามทุกอย่าง ตามศักดิ์กริน ดาวร้ายหมด แต่ตอนนี้เริ่มมีลุงเต๋า สมชาย รักลุงเต๋ามาก ร้องเพลงบอดี้การ์ดทั้งวัน แม่เปิดให้ฟัง พอได้ไปเจอลุงเต๋าทีนี้ติดงอมแงม ร้องเพลงลุงเต๋า ไม่ว่าจะเข้าห้องน้ำ นั่งอึ ตื่นเช้ามาก็ร้อง นั่งรถไปก็ร้อง ร้องได้ทุกเพลงด้วย บางเพลงพ่อยังร้องไม่ได้เลย

เขาอยู่ติดกับเราตลอดอยู่แล้ว ยังไงเขาก็มองเราเป็นไอดอลของเขาอยู่แล้ว มันอาจจะเป็นโชคดีที่เขาได้เจอคนหลายๆ คน แล้วเขาก็จะปลื้มแต่ละคนในแต่ละแบบ เป็นเด็กที่ค่อนข้างมีความโต และรู้เรื่อง”













กำลังโหลดความคิดเห็น