xs
xsm
sm
md
lg

“ปุ้ย” ชี้วุ่นวายแน่ สาวมีผัว-ท้อง ประกวดมิสยูนิเวิร์สได้ (ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วุ่นวายแน่ “ปุ้ย ปิยาภรณ์” เตรียมรับมือกฏใหม่มิสยูนิเวิร์ส ให้สาวมีสามี , ท้อง ประกวดได้ แต่สุดท้ายแล้วกติกาจะคัดกรองว่าใครที่คู่ควร เผยปีหน้าการประกวดจะเข้มกว่าเดิม เพื่อป้องกันคนจะที่จะมาสละสิทธิ์กลางทาง



น่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของวงการนางงามอีกครั้ง หลังจากที่เวทีมิสยูนิเวิร์สออกมาประกาศว่าจะเปลี่ยนกฎในปี 2023 ว่าผู้หญิงที่แต่งงานแล้วหรือมีลูกก็สามารถเข้าประกวดได้ ซึ่งทาง "ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิก" ผู้อำนวยการกองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ก็เผยว่าตนก็ต้องปรับกฎตามเวทีใหญ่เช่นกัน แต่ก็คงต้องคุยอีกทีว่าจะเปลี่ยนถาวรมั้ย เพราะเชื่อว่าเวทีนางงามต้องวุ่นวายแน่นอน

"เราพูดกันมาตลอดว่าในยุคสมัยนี้ความเหลื่อมล้ำหรือความไม่เสมอภาคมันควรจะหมดไป เพราะฉะนั้นทางมิสยูนิเวิร์สใหญ่ ก็ได้ส่งหาทุก ND ว่าคนที่หย่าร้าง แต่งงาน หรือตั้งครรภ์ หรือมีบุตรแล้วเขาสามารถมาประกวดมิสยูนิเวิร์สได้เหมือนกัน ก็ยังคงใช้ชื่อว่า มิสยูนิเวิร์ส เพราะว่ามันเป็นเอกลักษณ์และเป็นลักษณะที่ชี้เฉพาะ เพราะเรากำลังพูดถึงเรื่อง Empower ส่งพลังให้กับผู้หญิงหรือผู้ชายหรือใครก็ตามว่าถ้าเราสามารถเป็นกำลังใจหรือส่งพลังของเราออกไปได้มันก็เป็นเรื่องที่มีประโยชน์ค่ะ"

"ในความคิดเห็นส่วนตัวของเราเองก็มีทั้งเห็นด้วยในแง่ของอย่างน้อยมันไม่ปิดกั้น ให้ทุกคนได้มีโอกาส มีความเสมอภาค มีการที่จะตามความฝันร่วมกันไปได้ แต่ถ้าเรามาดูในเรื่องของความเป็นจริง เราไม่ต้องไปตื่นเต้นค่ะ เพราะบริบทมันจะเป็นตัวจำกัด ยกตัวอย่าง กองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนนะคะว่าจะไม่มีการเก็บตัวทำกิจกรรม ทุกอย่างทำเหมือนเดิมหมด"

"ลองคิดดูนะว่าถ้าน้องตั้งครรภ์อยู่ น้องจะกล้ามาเหรอ หรือน้องมีลูกอายุ 2-3 ขวบ หรือยังไม่ถึง 10 ขวบ ใครจะกล้ามา เพราะการเก็บตัวทำกิจกรรม เราเก็บเท่ากันหมดไม่ว่าคุณจะโสด จะไม่โสด คุณจะหย่าหรือคุณจะไม่หย่า มันจะต้องเซ็ตมาตรฐานเดียวกันหมด เพราะฉะนั้นมันจะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมนะคะถ้าเรายังมีภาระผูกพัน ต้องกระเตงเลี้ยงลูก ให้นมลูกอยู่แล้วคุณมาประกวด เราจะบอกเลยว่าถ้าคุณยังทำหน้าที่ในบริบทของคุณได้ไม่เต็มที่ คุณมาประกวดตุ๊บแน่นอน เพราะคุณยัง Empower คนในครอบครัวคุณไม่ได้เลย คุณจะมาประกวดเพื่อ"

บอกกอง มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ก็พร้อมเปลี่ยนกฎตามด้วย
"ก็เปลี่ยนกฎตามด้วยนะคะ เพราะว่าในเมื่อเขาแจ้งมาแบบนั้น แต่เราคิดว่าท้ายที่สุดบริบทของแต่ละคนมันจะเป็นตัวจำกัดในแต่ละคนไปเอง สมมติเรามีลูกอ่อนเราคงจะไม่สะดวกมา หรือว่าเราแต่งงานต้องดูแลครอบครัว ดูแลสามี เช้าไปส่งลูก มันมีองค์ประกอบหลายอย่างนะคะ ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะลุกขึ้นมาประกวด คนที่เขามีสามีถามครอบครัวเขาหรือยัง ถามสามี ถามแม่สามีหรือยัง ถามแม่ตัวเองหรือยังว่าพร้อมมั้ยที่จะเอาตัวเองมาประกวด และพร้อมมั้ยที่จะรับฟังคำวิจารณ์ติติงต่างๆ นานา อันนี้ต้องจิตแข็งมากๆ นะคะ"

"ปี 2023 สามารถเข้าร่วมประกวดได้ตามที่เวทีองค์กรแม่เขาได้ระบุมา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็บอกเลยค่ะว่า สำหรับเราแล้วกฎใหม่ไม่ได้สร้างความตื่นเต้นอะไร เพราะอย่างที่บอกว่าเราเซ็ตเท่ากันหมด เพราะฉะนั้นคนที่มีภาระ มีความรับผิดชอบมันก็จะต่างกัน คนที่เขาโสดที่ตามความฝันของเขาเขาก็มีอีกบริบทนึง เขาไม่มีภาระไม่มีอะไรเขาก็ทำได้เต็มที่ เพราะฉะนั้นคนที่มีภาระไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการตั้งครรภ์ มีครอบครัวหรืออะไรก็ตามก็ต้องมาดูล่ะว่าคุณพร้อมจริงหรือเปล่า และพร้อมได้แค่ไหน"

เผยวางกฎใหม่ให้เข้มขึ้น ป้องกันคนที่จะมาสละสิทธิ์กลางทาง
"ปีหน้าเราจะต้องวางแผนให้รัดกุมขึ้น เพราะในความคิดของเรามันเป็นการไปริดรอนสิทธิ์ของคนที่เขาพร้อม แล้วทำให้เขาเข้ามายืนใน 30 คนสุดท้ายไม่ได้ เพราะฉะนั้นก่อนที่จะเข้ามาประกวดคุณจะต้องถามตัวตนคุณในแน่ใจว่า คุณพร้อมหรือไม่ คุณรักในการประกวดจริงมั้ย คุณพร้อมที่จะมายืนอยู่เป็นผู้หญิงแถวหน้าเพื่อส่งเสียงของคุณให้มันดังขึ้น ให้มีประโยชน์ขึ้น และทุกคนได้ยินมากขึ้นเพราะฉะนั้นคุณจะต้องถามตัวคุณให้ดีค่ะ เพราะว่ามันไปละเมิดสิทธิ์คนอื่น"

"ปีหน้าอาจจะต้องเพิ่มกฎ จริงๆ กฎมันก็มีอยู่แล้ว มันก็มีการปรับมีอะไรสารพัด แต่ว่าที่ผ่านมาเราว่ามันไม่ใช่สาระสำคัญแค่เราคุยกันแล้วเรายอมรับกันได้ แต่ปีหน้าก็อย่างที่บอกว่ามันก็ไม่แฟร์กับคนที่เขาน้ำหูน้ำตาเล็ดที่เขาจะเข้ามายืนตรงนี้ มันไปตัดสิทธิ์เขา แล้วถ้าเกิดคุณมาเปลี่ยนใจก่อนรอบพรีลิมมินารีไม่กี่วันมันทำอะไรไม่ทันแล้ว"

"ถามว่าในใบสมัครจำเป็นต้องให้ระบุนางสาวหรือนางไปเลยหรือเปล่า ไม่เป็นไรค่ะ แต่บอกสถานะภาพตัวเองอยู่ในสถานะภาพไหน ไม่ว่าจะเป็น นางสาว เป็น นาง แต่จริงๆ แล้วคุณก็คือ Empower Women เหมือนกัน วางสัดส่วนยังไงระหว่างคนโสดกับคนที่แต่งงานแล้วเหรอคะ อันนี้เรายังไม่ได้คิดสัดส่วน แต่เราเชื่อมั่นเลยว่าความรับผิดชอบในหน้าที่ที่ตัวเองยืนอยู่มันจะเป็นตัวจัดการอะไรหลายอย่างค่ะโดยเฉพาะในสังคมไทย”

เชื่อวงการนางงามคงวุ่นวายขึ้น
“คิดว่าวงการนางงามคงจะวุ่นวายกว่าเดิมนะ สมมติว่าคนมาประกวดกำลังเดินอยู่แล้วลูกมาร้องไห้ มันก็คงจะไม่ได้ แต่อย่างที่บอกว่าคนที่จะมาประกวดเขาต้องจัดการในบทบาทของตัวเองให้ดีพอจะเข้ามาได้ อันนี้มองจากคนที่เป็นแม่และมีครอบครัวคิดว่ามันยากเหมือนกันนะ ถ้าเป็นหย่าร้างก็เป็นอีกประเด็นนึง เพราะผู้หญิงหย่าร้างก็ไม่ควรมีอะไรมาจำกัดสิทธิ์ของเขาเหมือนกัน เขาต้องพิสูจน์ตัวเอง ไม่ใช่แค่ให้เราเห็นคนเดียว แต่ต้องให้สังคมเห็น ให้คณะกรรมการเห็นว่าฉันนี่แหละพร้อมแล้วที่จะเป็นโรลโมเดลให้กับผู้คนได้ คิดว่าจะยากกว่าสาวโสดอีกนะ"

"ถามว่ากฎนี้จะเปลี่ยนถาวรเลยไหม ก็ยังไม่รู้เหมือนกันนะคะ เดี๋ยวเราจะไปนิวยอร์ก จะไปคุยกับเขาซะหน่อยว่ามันเป็นยังไงกันแน่ แต่คิดว่าถ้าเขาเปลี่ยน เขาคงไม่เปลี่ยนปีเว้นปี เขาคงเปลี่ยนตลอดนั่นแหละ เพราะว่าบริบทของมิสยูนิเวิร์สเขาไม่ได้เน้นเรื่องของความสวยงามอย่างเดียว เขาเน้นในเรื่องของการสร้างความเท่าเทียมในสังคม คอนเซ็ปต์มันมากกว่าเรื่องของการประกวดนางงามไปแล้ว แต่แน่นอนคนก็คงอยากดูนางงามในบริบทที่เป็นนางงาม"

"เรากลับมองว่านางงามในเวทีมิสยูนิเวิร์สมันจะเป็นบริบทที่ท้าทาย มันยากขึ้นกว่าเดิม คู่แข่งมากขึ้น แล้วสิ่งที่ท้าทายในการดำเนินให้มันราบรื่นหรือให้คุณเป็นผู้ชนะจริงๆ มันก็ยากขึ้นด้วย อันนี้ยากแน่นอน"

ยืนยันทุกคนมีสิทธิเท่ากันหมด
"เดี๋ยวต้องมาดู เราก็อยากรอดูเหมือนกัน เราอาจจะค้นพบ คือตอนนี้คนอาจจะบอกว่า ไม่เห็นจะชอบเลยเลอะเทอะ แต่ไม่แน่นะคะ พอมันมีปรากฎการณ์เกิดขึ้นจริงคุณอาจจะรู้สึก เฮ้ย...เจ๋ง ซิงเกิลมัมคนนึงออกมาชูให้โลกเห็นว่า going on มองในอีกแง่นึงก็ชอบนะ การท้าทายมากขึ้น การจัดการตัวเองมีมากขึ้น มันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าดูชมเลยทีเดียว"

"บรรทัดฐานก็ต้องเท่ากันสิคะ คุณจะบอกว่าสตอรี่ของคุณหย่าร้าง มีลูก หรือสามีทิ้งอะไรก็ตาม เท่ากันหมดค่ะ คุณต้องมาพิสูจน์ให้เห็นว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เหมือน แอนนา มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์เราปีนี้ เขาก็บอกเลยว่าเขาก็เท่าคนอื่นๆ ไม่ได้เอาอดีตมาเป็นจุดอะไรที่ว่าฉันต้องได้สิทธิพิเศษ เท่ากันหมด ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่ได้ค่ะ"







กำลังโหลดความคิดเห็น