ออกมาไลฟ์สดชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว สำหรับยูทูบเบอร์หนุ่ม “แดนนี่ ดานิเอล เบล็สซิ่ง” หลังจากที่ แม่ยาย หรือคุณแม่ของสาว “มิ้วกี้ ไปรยา ผดุงสุข” อดีตภรรยาออกมาไลฟ์สดร้องไห้ว่าหวาดกลัวกับการกระทำของตน ที่ปีนรั้วเข้ามาในบ้าน และมาใช้คำต่อว่าไม่สุภาพ
ซึ่ง แดนนี่ เริ่มต้นไลฟ์พร้อมติดแฮชแท็กว่า #saveครอบครัว เผยว่า ปกติเป็นคนไม่ชอบพูดเรื่องส่วนตัว ไม่ชอบพูดเรื่องในครอบครัว เข้าใจว่าเป็นบุคคลสาธารณะ แต่ลูกเพิ่ง 5 ขวบครึ่ง ไม่ใช่ว่ามีอะไรมากระทบกระเทือนจิตใจแล้วเขาจะรับไหว นี่คือสิ่งที่ตนไม่ค่อยพูดอะไร คำว่าครอบครัว คือคนที่อยู่ด้วยกันมาหลายๆ ปี มีลูกด้วยกัน มีความรักที่เกิดด้วยกัน พอสถานะเปลี่ยนไป มันไม่ใช่ว่าต้องฆ่ากัน ห้ำหั่นกัน อย่างน้อยก็ในฐานะพ่อแม่ที่วันนึงลูกจะไม่มาเห็นว่าพ่อแม่ฉันห้ำหั่นกันจะเอาให้ตายกันไปข้างนึง
ที่คนถามว่าทำไมหลังๆ ไม่ค่อยลงสตอรี่กับลูก เพราะช่วง 2 เดือนหลัง ลูกคือทุกสิ่งทุกอย่าง คือดวงใจ แต่ตนกลับไม่ได้เจอดวงใจของตน เพราะตรงกับช่วงที่ลูกปิดเทอม และหน้าที่ที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรกคือตนจะเป็นคนไปส่งลูกที่โรงเรียน หน้าที่ตรงนี้เลยหายไป ตนก็บอกว่าขอเฟสไทม์คุยกับลูก หรือไม่ก็ส่งข้อความเสียงไปหา ก็มีการโต้ตอบกันช่วงแรกๆ
หลังๆ ทักไปไม่มีใครตอบกลับ โทร.ไปก็ไม่รับ ไปหาที่บ้านก็ไม่อยู่ เนื่องจากบางทีมิ้วกี้ไปทำงานต่างจังหวัด ตนจึงโทร.หาแม่ยายซึ่งยังเป็นสถานะในตอนนี้ แต่ก็ไม่รับสาย ตนก็อัดอัดในใจ จนมีฮีโร่คนหนึ่งมาช่วยเป็นทนายคนกลาง ที่ต้องมีเพราะหลายคนคงเคยได้ฟังที่อดีตภรรยาบอกว่าต้องการหย่า แต่ตนไม่ยอมหย่า เขาหาทนายเตรียมไว้แล้ว แต่ตนบ่ายเบี่ยง จริงๆ ที่ตนไม่อยากให้ไปถึงตรงนั้น เพราะถ้าต้องฟ้องกันมันก็ต้องสู้กัน แต่ตนโชคดีที่มีทนายคนกลางที่จะมาช่วยไกล่เกลี่ยเราทั้งคู่ โดยที่ไม่ต้องสู้กัน ในที่สุดทุกอย่างเคลียร์ว่าตนสามารถเจอลูกได้ สามารถพาลูกไปกินข้าวได้บ้าง
ตนยอมทิ้งบัตรดูฟุตบอลคู่แดงเดือด แมนยูฯ-ลิเวอร์พูล ไปเพราะเป็นวันที่จะได้เจอลูก เพราะตนนับวันรอที่จะเจอลูกมาตลอด แม้จะเป็นแฟนพันธุ์แท้แมนยูฯ ขนาดไหน ซื้อบัตรแพงแค่ไหนตนก็ยอมทิ้งเพื่อจะได้เจอลูก วันนั้นแฮปปี้มาก ได้ใช้เวลากับลูกทั้งวัน
เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้วได้เจอลูก เพราะมีประชุมผู้ปกครอง จนเมื่อพุธ-พฤหัสบดีที่ผ่านมาได้ไปส่งลูกที่โรงเรียน การไปส่งลูกในช่วงเวลาแค่ 30 นาทีก็มีความสุขมากแล้ว เมื่อวันที่ 1-2 ไปหาลูกที่บ้าน แต่ไม่อยู่ จนวันพุธก็โดนห้ามไม่ให้ไปส่งลูกที่โรงเรียน กว่าจะได้ส่งคือวันพฤหัสบดี แต่นี่มันคือหน้าที่เรา ยอมไม่แฮงค์เอาต์เพื่อที่จะไปส่งลูกตอนเช้า
พอเมื่อเช้าพยายามติดต่อมาตลอดตั้งแต่เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา มิ้วกี้ไม่อยู่อาจจะไปมีความสุขอยู่ที่ต่างประเทศ แต่ความสุขของตนคืออยู่กับลูก แต่พอผมติดต่อไปก็ติดต่อใครไม่ได้เลย จนต้องติดต่อไปถึงอดีตภรรยาว่าช่วยติดต่อลูกให้หน่อย โทร.ไป ไลน์ไปคุณแม่ก็ไม่ตอบ และเพื่อจะได้รู้ว่าวันนี้ตนจะได้ไปส่งลูกไหม จนในที่สุดก็ได้คุยกับคุณแม่ในเวลาไม่เกิน 3 นาที และได้พูดคุยกับลูกด้วยว่าตนจะไปส่ง
พอเช้าตนก็ไปถึงหน้าบ้าน 7 โมงตรง คนในบ้านน่าจะรู้ว่าตนมาแล้ว แต่ก็เงียบ ก็เลยกดออด 1 ครั้ง ผ่านไป 2 นาทียังเงียบ ก็เลยโทร.เข้าไป แม่ก็ไม่รับสาย ก็กดกริ่งอีก 1 ครั้ง ลองโทร.อีกครั้งก็เงียบ ผ่านไปจน 07.08 น. เพราะถ้าถึง 07.10 น. แล้วลูกไม่ออกมาคือสายแน่ ตนจึงตะโกนหาลูกว่าถึงเวลาไปโรงเรียนแล้ว และครั้งสุดท้ายที่กดกริ่งและโทร.หาแม่ก็ยังไม่มีใครตอบ จนลูกใส่ชุดนอนเดินออกมา ลูกบอกว่าวันนี้ไม่ได้ไปโรงเรียน เพราะว่าไม่สบาย เราก็ตกใจเพราะเมื่อวานตอนเย็นก็ยังคุยกันอยู่ปกติ ตนก็ถามลูกว่าไม่สบายเป็นอะไร แต่สิ่งที่ลูกตอบกลับมาคือไม่รู้เหมือนกัน
แต่ทีนี้พอเขาบอกว่าไม่รู้ว่าไม่สบายเพราะอะไร แต่สีหน้าเขาก็เริ่มไม่ค่อยดี และด้วยความเป็นพ่อ มีแค่รั้วบ้านกั้นอยู่ และบ้านก็คือบ้านของตนที่ให้ลูกอยู่ และปกติเวลาที่ลืมกุญแจบ้าน ตนก็ปีนประจำ เพราะเล่นกีฬา การกระโดดข้ามรั้วมันง่ายมาก เป็นเรื่องปกติมากที่ตนปีนรั้ว แต่ตอนนี้กุญแจถูกเปลี่ยนใหม่หมด แต่ประเด็นคือลูกยืนร้องไห้อยู่ คนเป็นพ่อจะไม่อยากไปกอดเขาเหรอ คนเป็นพ่อเป็นแม่น่าจะเข้าใจ ก็เลยไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมีปัญหากับการปีนรั้วของตน
มีคนขอให้ตนเปิดคลิปให้ดู แต่คงต้องผิดหวัง เพราะจะไม่เปิดให้สาธารณะดูแน่นอน เพราะไม่ใช่เรื่องที่น่าดู คลิปนี้จะไม่มีใครได้เห็น แต่ถ้าวันนึงอาจจะมีประโยชน์เกิดขึ้นบ้าง แต่ตอนนี้ตนไม่ขอเปิด เพราะอยากจะเซฟครอบครัว จะไม่มีการทำร้ายด้วยกายวาจาก็ตาม แต่ที่แม่ออกมาบอกว่าตนเสียงดัง ทำให้เขากลัว ทั้งๆ ที่ผ่านมาเวลาไปไหนก็ไปด้วยกันตลอด เวลาไปต่างจังหวัด ตนมีหน้าที่ขับรถ แล้วก็จะมีลูกชายและแม่ยายไปด้วย เพราะเป็นห่วงหลาน และมีหลานอีกคนที่ชื่อไปด้วย ก็ไปกันได้ 4 คน อดีตภรรยาไม่อยู่เราก็ไปกัน ก็ยังเคยคุยกันว่าแม้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม แต่เราก็ยังแฮปปี้กันได้นะ
ทำอะไรขอให้คิดถึงลูกเป็นหลัก การที่เอาสิ่งเครียดๆ หรือสิ่งที่เด็กไม่ควรอยู่ในสถานะตรงนั้น อย่าทำเลย เอาเด็กมาเป็นเครื่องมือกับตนก็พอแล้ว แต่อย่าเอามานั่ง ยอมรับว่าเห็นแล้วโกรธ เอาลูกตนมาทำแบบนี้เลยเหรอ
ไม่ต้องกลัวว่าคลิปจะหลุดไปไหน เพราะตนไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายใคร และไม่ว่าครอบครัวจะอยู่ในสถานะไหน ตนยังถือว่าเป็นหัวหน้าครอบครัว จะไม่มีทางทำร้ายใคร หวังว่าต่อไปจะมีจุดลงเอยที่ดีสำหรับทุกคน อยากให้ทุกอย่างแฮปปี้ที่สุด การเจอลูกเดือนละครั้ง หรือ 2 เดือน 2-3 ครั้ง ใครไม่เจอคงไม่เข้าใจ
