“ราโมน่า” นางเอกยุค 90 หอบลูกกลับไทย เยี่ยมครอบครัว พร้อมเปิดตัวลูกสาว ที่กว่าจะมีคนนี้ได้ก็เพราะความมหัศจรรย์ พร้อมเคลียร์ข่าวรวยจริงไม่ติงนัง ขายอพาร์ตเมนต์กลางย่านหรูแมนฮัตตัน และซื้อที่ดิน 9 ไร่ปลูกบ้านแถวๆ นิวยอร์ก พร้อมโชว์บัตร Black Card ที่ไม่รวยจริง มีไม่ได้นะจ๊ะ
“ราโมน่า ซาโนลารี่” หรือ “โม้นา” นักแสดงสาวตาน้ำข้าวยุค 90 ที่หากใครจำได้เธอคือหนึ่งในพิธีกรรายการดังในความทรงจำอย่าง “ฮิวโก้เกมส์” และเจ้าตัวก็ได้หันหลังให้กับวงการบันเทิง ด้วยการย้ายไปใช้ชีวิตกับสามีที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้เคลียร์ประเด็นเกี่ยวกับได้สามีเป็นถึงมหาเศรษฐีไปแล้ว ล่าสุดกลับเมืองไทยอีกครั้ง เพราะด้วยสถานการณ์โควิดเริ่มเบาบาง ก็ได้หอบลูกชาย 2 คนและลูกสาวคนล่าสุดบินกลับมาเยี่ยมครอบครัว พร้อมมาออกรายการ “คุยแซ่บโชว์” ขอเคลียร์กันอีกครั้งว่ารวยจริง ไม่ติงนังเพราะถึงขั้นควักบัตร Black Card ที่เขาว่ากันว่าบัตรนี้คนที่จะมีต้องรวยจริง และสมัครเองก็ไม่ได้ต้องถูกเชิญให้ไปใช้ถึงจะมีติดตัวได้
“คือตอนที่แต่งงานใหม่ๆ อยู่นิวยอร์ก คุยกับสามีเรื่องชื่อลูก แต่ก็ไม่เคยได้ลูกสาวสักที พอปีที่แล้วย้ายบ้านจากนิวยอร์กออกมานอกนิวยอร์กนิดหนึ่ง ตอนแรกเริ่มจากหมาก่อน คุยกับสามีว่าเลี้ยงหมากันไหม สามีบอกว่าเดี๋ยวว่ากันอีกที แต่สุดท้ายเราบอกว่าอย่าหมาเลย ลองมีลูกเลยไหม ตอนแรกสามีบอกว่าหยุดที่ 2 คน คงไม่เอาแล้ว
แต่เราก็อ้อนไป อ้อนมา เขาก็บอกว่าได้ (เห็นว่าตอนที่โนลิเกิดมีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นด้วย?) และคือคุณพ่อนาเสียไปเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว เราเสียใจมากบินกลับมาดูคุณพ่อ 10 วันสุดท้ายของชีวิตเขา เรานั่งข้างๆ ร้องไห้ตลอดเวลา เขาจากไปต่อหน้าเรา เราก็บอกว่าช่วยแสดงปฏิหาริย์ให้เราได้ไหมว่ายังอยู่ อยู่ๆ ก็มีไฟแปร๊บๆ เหมือนไฟช็อต เราก็แบบว่าพ่อแน่ๆ แล้วเราก็เชื่อมาเรื่อยๆ มีอยู่ครั้งหนึ่งเราอ่านหนังสือเขาบอกว่าให้ลองเลือกสัตว์แล้วให้เขามาหาสิ เราก็บอกว่ามาเป็นเต๋าทองให้เห็นได้ไหม อยู่ๆ ก็มีเต๋าทองบินมาเกาะหนังสือ ซึ่งวันนั้นเราเห็นเต๋าทองเกาะที่หน้าต่างบ้าน เราคิดว่าวันนี้ต้องเป็นวันพิเศษแน่ๆ เลย เราน่าจะพร้อม เราเลยเอาเครื่องตรวจมาตรวจดูว่าไข่ตกไหม สรุปไข่ตก เลยถ่ายรูปหาสามีบอกว่าขึ้นมาเดี๋ยวนี้ แล้วก็ได้ลูกสาว เหมือนคุณพ่อพามาให้”
รวยจริง รวยแบบไม่มีอะไรมากั้น! ซื้อที่ 9 ไร่ย่านนิวยอร์ก สร้างบ้านด้วยไม้เก่าอายุ 200 ปี พร้อมโชว์บัตร VVIP “Black Card”
“คือตอนที่แต่งงานกันเขาไม่ได้เป็นมหาเศรษฐี เขามีงานดี มีเงิน แต่ไม่ใช่มหาเศรษฐีตอนคบกันเมื่อ ปี 2001 เขาทำงาน มีเงิน อยู่ฮ่องกง แต่ทุกวันนี้เขาเป็นตำแหน่งใหญ่ ทำงานเก่ง หาเงินเป็น เขาใช้เงินเป็น ไม่ได้ใช้สุรุ่ยสุร่าย ให้ลูกให้เมีย ซึ่งขายอพาร์ตเมนต์ที่อยู่ใจกลางแมนฮัตตัน คือขายไปตอนโควิดเลย พอโควิดปุ๊บ เราไม่อยากอยู่แล้วนิวยอร์ก เพราะมันแออัด คนเยอะ ลูกเราโตแล้ว เราย้ายดีกว่า และลองไปซื้อที่อื่นดู เราลองขายดู
ไม่คิดว่าจะขายได้ในช่วงโควิด ขายได้ภายในเดือนเดียว ก็ขายเลย คงไม่กลับไปอยู่ในนิวยอร์กซิตี้แล้ว ไม่อยากอยู่ในแมนฮัตตันแล้ว บ้านใหม่มันอยู่นอกนิวยอร์ก ครึ่งชั่วโมงถึงในเมือง แต่ก็ยังอยู่ในเขตนิวยอร์ก เพื่อลูกๆ จะได้มีพื้นที่ได้เจริญการเติบโต และการขายครั้งนี้เรากับสามีก็คุยกันมานานแล้ว แต่ไม่รู้จะย้ายไปตรงไหน พอดีเจอเพื่อนที่เขาอยู่เมืองนั้น เขาก็ชวนมาดูที่ พอเราเห็นปุ๊บเราก็ชอบเลย ก็เลยซื้อที่ตรงนั้นปลูกบ้านเลย
บ้านหลังใหม่ที่กำลังสร้างอยู่ก็มีเนื้อที่ 9 ไร่ และบ้านทั้งหลังก็ใช้ไม้เก่า อายุกว่า 200 ปี ซึ่งหนึ่งในนั้นก็กำลังสร้างบ้านญี่ปุ่นเอาไว้ชงชา เพราะเราเป็นคนชอบดื่มชา และสวนผึ้งก็มี เพราะโมนาชอบ อยากเป็นชาวนา อยากทำสวน อยากเลี้ยงไก่ และสนามหญ้าก็จะปลูกดอกไม้ทั้งสวน จะไม่มีแต่แค่สนามหญ้าเกรียนๆ
ส่วนที่มาของ AMERICAN EXPRESS Black Card มันก็ได้สนุกดี ได้ลองใช้อะไรใหม่ๆ ดูก็สนุกดี นะ” (พิธีกรถามต่อว่าก่อนหน้านี้เจ้าของรายการ คุยแซ่บโชว์ ได้ไปเจอโมน่าที่นิวยอร์คก คือใครๆ ก็มีบัตรเครดิตอยู่แล้ว แต่บัตรที่กำลังพูดถึงอย่าง Black Card คือถ้าไม่มีเงินมหาศาล ก็คือถือบัตรใบนี้ไม่ได้) คือเขาต้องเชิญเราไปใช้ เพราะเราไม่สามารถไปสมัครเองก็ไม่ได้ และคนอาจจะไม่ค่อยได้มี เพราะประเทศไทยอาจจะไม่ค่อยได้รับก็เป็นได้”
และบัตร AMERICAN EXPRESS Black Card หรือเรียกสั้นๆ ว่า Amex Black หรือ Black Card ซึ่งถ้าแค่เอ่ยชื่อนี้ขึ้นมา หลายคนคงเริ่มคุ้นหู เพราะเริ่มจากไอดอลคนดังเกาหลีที่มักจะใช้บัตรนี้ในการจับจ่าย ใช้สอย และก็มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถมีบัตรนี้ได้ เพราะแม้จะมีเงินมากแค่ไหน แต่ก็มีไม่ได้ เพราะต้องมีการ “เรียนเชิญ” ให้ไปสมัครเท่านั้น ถึงได้เรียกบัตรนี้ว่า VVIP โดยวงเงินในบัตรคือไม่จำกัดวงเงิน
ซึ่ง Amex Black ตามที่ได้ค้นหาข้อมูลในโซเซียลจาก masii.co.th ได้อธิบายให้ฟังว่า บุคคลที่จะได้รับสิทธิพิเศษนี้ คือต้องใช้จ่ายผ่านบัตรต่อปี ต้องเกิน 250,000 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือตีเป็นเงินไทยประมาณ 8,100,000 บาท ส่วนค่าธรรมเนียมแรกเข้าอยู่ที่ 5,000$ และค่าธรรมเนียมรายปีอยู่ที่ 2,500$ และใช้จ่ายอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีรายได้ขั้นต่ำต่อปีอยู่ที่ 1.3 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ รวมทั้งหมดแล้วก็ตกอยู่ที่ 16 ล้านดอลล่าร์เป็นอย่างต่ำ
