xs
xsm
sm
md
lg

"แหม่ม คัทลียา" ตรอมใจเสียแม่ นน.ฮวบ 6 กิโล ถึงลูกชายหล่อแต่ไม่ดันเข้าวงการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"แหม่ม คัทลียา" ตรอมใจเสียแม่ นน.ลด 6 กิโล ทุกวันนี้ยังแอบหนีไปร้องไห้ ลูกชายยิ่งโตยิ่งหล่อได้แม่ แต่หล่ออย่างเดียวไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต ไม่ดันเข้าวงการอยากให้เรียน สาวๆ ของลูกไม่ห่วง ให้จัดลำดับความสำคัญ

หลังจากที่สูญเสียคุณแม่กะทันหัน ระหว่างเดินทางไปเที่ยวที่อังกฤษ ล่าสุด "แหม่ม คัทลียา แมคอินทอช" เผยว่าได้นำอัฐิคุณแม่มาประกอบพิธีทางศาสนาเรียบร้อยแล้ว ไม่อยากบอกใครเพราะเกรงใจ

“เรียบร้อยแล้วค่ะ บ้านเราขี้เกรงใจ เราไม่แจ้งอะไร ด้วยช่วงโควิด-19 ทุกคนต้องทำงานเลยไม่ได้ลงไอจี แล้วสภาพจิตใจมันก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้วด้วย แต่ก็ขอบคุณทุกคนที่ส่งกำลังใจมาให้ด้วยค่ะ

ในครอบครัวไม่มีคำพูดค่ะ หันหน้ามองพี่วิลลี่ (วิลลี่ แมคอินทอช)ก็พยายามจะเอ็นเตอร์เทนกันไป แบบเราต้องคิดว่าแม่ไปสบาย คุณแม่มีความสุข คุณแม่มีบุญมาก เจอเพื่อนๆ ก็บอกถ้าเลือกได้ก็อยากไปเหมือนคุณแม่ เพราะแม่เขาไปสบายจริงๆ ก็คนมีบุญ แล้วเขาก็มีความสุขมากจากล่าสุดที่ไปรวมญาติกันที่อังกฤษ ทุกคนมาหมด แล้วชีก็เอาเงินไปแจกหลานๆ แบบสุขขั้นพีกแล้วก็ไป แม่ก็แฮปปี้แต่เราช็อกไง เพราะว่ากะทันหัน”

ร้องไห้อยู่ 2 วันแล้วก็พยายามไม่เศร้า เพราะไม่อยากให้แม่เป็นห่วง
“ใช่ เราสองคนพี่น้องก็สนิทกับคุณแม่ที่สุด ก็รักแม่ที่สุดนะ ร้องจนไม่รู้จะร้องยังไง ทุกวันนี้ก็ยังร้องอยู่นะคะ พอเราอยู่เงียบๆ คนเดียว แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป ผู้ใหญ่ๆ หลายๆ ท่านก็บอกว่าอย่าร้อง หรือถ้าอยากร้องก็ร้องให้เสร็จ แล้วก็ต้องคิดว่าแม่ไปสบาย เพราะถ้าเกิดเรายังร้องยังโหยหาเรียกแม่ เดี๋ยวแม่จะเป็นห่วง เหมือนเราไปส่งใครที่สนามบินอ่ะ เราก็จะบอกว่าไปเที่ยวให้สนุกนะ ส่งรูปมาให้ดูด้วย หรือจะบอกว่าเธออย่าไปเลย อย่าทิ้งฉันไป ก็คิดแล้วคนไปเขาจะรู้สึกยังไง แต่มันช็อกไง เพราะว่าแม่ไม่ได้ป่วย ไม่ได้มีอาการอะไรเลย แล้วก็กำลังจะขึ้นเครื่องกลับประเทศไทย เขาก็ยังนัดกับเพื่อนๆ เขา ว่าจะไปเขาใหญ่ เพราะโควิด-19 ก็เริ่มซา เอาเวลาของคนแก่ไป 3 ปีแล้ว แล้วแม่เราชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว”

นำอัฐิไปฝังแทนลอยอังคาร
“ไม่ค่ะ ก็เอาไปฝังค่ะ ฮวงซุ้ยก็เป็นพิธีจีน ไปฝังที่ปากช่องค่ะ เรียบร้อยแล้วเมื่อวันพุธที่ผ่านมา”

ตรอมใจกินอะไรไม่ได้ ผอมลง 6 กิโล
“ใช่ค่ะ ถ้ารวมที่เป็นโควิด-19 เป็นลองโควิด-19 ก็ลงไป 2 กก. พอมีเรื่องคุณแม่อีกก็ลงไปอีก 4 กก. เป็น 6 กก. ค่ะ เอาจริงๆ ไม่ได้สนใจตัวเองว่าหุ่นบางยังไงนะ รู้แต่ว่าทานไม่ได้ ตรอมใจ เข้าใจเลยคำว่าเสียหลัก มันทานไม่ลงเป็นยังไง

มีคนทักเราเยอะ แล้วทุกคนก็บอกเราว่าก็ไม่ต้องกลับไปอ้วนแล้วนะ(หัวเราะ) ให้อยู่อย่างนี้ สต๊าฟไว้ แต่จริงๆ ก็ต้องให้เครดิตสามีนะ เพราะช่วงที่คุณแม่เสียก็อยู่ที่โน่นกันหมด ทุกคนกำลังจะแยกกลับ แต่เราจะอยู่ต่อ ก็ทำธุระเรื่องโรงเรียนลูก แล้วเขาก็อยู่กับเรา พาไปเดิน พาไปออกกำลังกาย คลายเครียดแบบเดินป่า จะได้เหนื่อย จะได้หิวและอยากทาน เขาก็ทำกับข้าวให้ทานทุกมื้อ เราก็เหมือนคนจะตาย มันไม่มีชีวิตจิตใจ ไม่อยากทำอะไรเลย แล้วเขาก็ดูแลอย่างดี เราทิ้งตัวใส่เขาเลย เขาก็บอกจะให้ช่วยอะไรไหม”

ตอนนี้น้ำหนักไม่ขึ้นแล้วก็ได้
“ไม่ขึ้นก็ได้ ก็โอเค แต่คิดว่ามันไม่ใช่ผอมแข็งแรง มันผอมแบบซูบก็คงต้องออกกำลังกาย แต่ก่อนหน้านี้จะออกก็มีอาการลองโควิด-19 อีก ก่อนหน้านี้ชั้นเดินเขาได้ ไม่เคยเหนื่อย แต่นี้เดินแค่นี้เหนื่อย ปีนี้เป็นปีที่หฤโหดกับเรามาก แต่เดี๋ยวจะพยายามฟิต พอเราเห็นว่าแม่ไม่อยู่ แหม่มกับพี่วิลลี่ก็พังมาก เรารู้สึกว่ามันไม่แล้ว เราจะต้องแข็งแรง เพื่อให้เราได้อยู่กับลูกได้นานที่สุด

พี่วิลลี่ไม่แน่ใจว่าผอมลงหรือเปล่า แต่เขาก็ต้องรีบกลับมา งานเขาเยอะมาก แล้วทุกคนก็ต้องทำงาน ทุกกองก็ต้องออก ไม่ใช่ว่าต้องหยุดเพราะเราหมด แล้วเขาก็ต้องสนุกสนาน เอ็นเตอร์เทรน หัวเราะ ก็น่าสงสาร เขาก็เศร้า เพราะเขาสนิทกับแม่มาก แต่เวลาก็คงจะช่วย”

ลูกชายยิ่งโตยิ่งหล่อได้แม่ แต่หล่ออย่างเดียวไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต
“ได้แม่เนอะ(ยิ้ม) ขอบคุณค่ะ นี่ว่าเด็กสมัยนี้หน้าตาดีหมดแหละทุกบ้านแหละ ถามว่าลูกเราหล่อไหม ก็พอใช้ได้ อย่าไปชมเยอะ เดี๋ยวนางเหลิงด้วยความที่เด็กกำลังโต ใจเขาอาจจะยังไม่แข็งแรง อาจจะยังไม่ได้เจออะไรมากมาย สมมติว่าถ้าได้รับอะไรมากมายเกินไป นางอาจจะยังควบคุมตัวเองไม่ได้ ต้องพยายาม เหมือนกับที่คุณแม่เลี้ยงเรามา เขาก็จะไม่เคยชมเราเลย ซึ่งถ้าเกิดชมมากๆ อาจจะกร่าง อาจจะแอ็กก็ได้นะ”

อย่างเวลาไปเจอญาติๆ เขาชมลูกเราหล่อจังเลย ก๋ขอบคุณค่ะ แต่ว่ามันไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต มันไม่ใช่ที่สุดในชีวิต คือหล่ออย่างเดียวไม่พอ เราต้องเป็นคนดีด้วย เรียนหนังสือด้วย มีใจโอบอ้อมอารีด้วย มันเยอะมาก”

มีคนมาบอกว่าหล่อจังเลยแต่อาจจะไม่ค่อยได้เห็น เพราะนี่เป็นงานคุณของคุณแม่งานแรกที่เขาต้องออกมาเจอ ไม่งั้นปกติเขาก็ชอบอยู่บ้าน”

ไม่ดันเข้าวงการ อยากให้เรียน สมบัติเดียวที่ติดตัวไปตลอด ไม่มีใครเอาไปได้
แม่ไม่ดัน แม่บอกเรียนหนังสือก่อน ไม่หรอก เขาก็อายุ 16 ปี เราก็สอนตลอดว่าหน้าที่หลักคืออะไร ทุกคนต้องรู้หน้าที่ก่อนว่าต้องเรียนหนังสือ เพราะมันจะเป็นสมบัติเดียวที่ติดตัวไปได้ตลอดชีวิต ไม่มีใครเอาไปจากเราได้ สมมติที่ดิน มรดก เงินทอง หรือใดใด มันมีคนเอามาเอาไปได้ แต่ความรู้มันจะอยู่ที่สมองไม่ไปไหน

ถามว่ามีคนติดต่องานเยอะไหม ไม่เชิงติดต่อ แต่ก็จะมีแบบทำไหม ชอบเปล่า อยากเข้าวงการหรือเปล่า แม่ไม่เชิงเบรก แต่ว่าให้เรียนก่อน แล้วก็ยังไม่ได้มีว่าขอมาทำงานนี้หน่อยสิมาแค่ถามว่าเขาทำได้ไหม เขาสนใจหรือเปล่า ถามว่ามีแววไหม ถ้าพูดถึงนางก็ยังดูเด็กอยู่ จริงๆ นะ ท่านางอาจจะยังดูโต แต่อยู่บ้านยังแกล้งน้อง ยังเล่นกับน้อง ยังบ้าๆ บอๆ

เราก็เคยถาม เขาบอกชอบร้องเพลง แต่ว่าเสียงไม่ได้เลยนะ ร้องที่บ้านทีไร พ่อจะบอกว่าแม็คหยุดๆ หยุดก่อน หยุดร้อง ก็ถามแต่เขาก็ไม่เชิงว่าจะทำ เพราะว่าเรียนหนัก หน้าที่นางยังเรียนหนัก แล้วเดี๋ยวแป๊บหนึ่งก็ต้องกลับไปแล้ว แล้วสอบกันเป็นเดือน

ถามว่าเขาชินกับชีวิตเมืองนอกไหม เขาก็ได้ทั้งสองนะคะ คืออยู่ที่โน่นเขาก็ได้ใช้ชีวิต เวลาไปไหนก็ได้นั่งรถเมล์ไปเจอเพื่อน นั่งรถไฟใต้ดิน คือเราก็พยายามอยากจะให้เขาได้ใช้ชีวิตด้วยตัวเอง”

ห่วงลูกเป็นวัยรุ่นพูดจนปากเปียกปากแฉะ
“พูดตลอด พูดปากเปียกปากแฉะ เข้าใจเลย จนเราก็คิดว่าอันนี้เราฟังมาเป็นร้อยหนแล้ว แม่พูดหนเดียวพอ แม่ก็บอกไม่ได้ เดี๋ยวลืม ตอนนี้เราก็ห่วงลูกเรื่องยาเสพติด ห่วงเรื่องไปทำอะไรไม่ถูกไม่ควร คือเรื่องเบสิกที่พ่อแม่ทุกคนห่วง แต่มันเป็นเรื่องสำคัญใหญ่ๆ แต่เขาก็เป็นเด็กดี เราก็พูดอยู่เสมอแล้วก็ให้เห็นว่าอะไรดี อะไรไม่ดี คือเราได้ใส่ทุกอย่างที่รควรจะต้องใส่ให้เขาหมดแล้ว สุดท้ายอยู่ที่ตัวเขาว่า เขาจะนำไปปฏิบัติแค่ไหน

เราก็โทร.เช็กค่ะ ก่อนหน้านี้เขาจะโทร.หาตลอด แต่อย่างแมคพอโตแล้วเขาก็จะยุ่ง ตอนแรกเราก็งงๆ ตอนเริ่มเข้าโรงเรียนมัธยม ก็งงว่าเอ๊ะทำไมไม่โทร.แล้ว ส่งแต่ข้อความ เขาก็บอกว่ายุ่งมาก แล้วโรงเรียนเขาไม่ได้ให้ถือมือถือ เขาให้ใช้แค่ตนเช้า สมมุติจะคุยงานคุยธุระก็รีบเช็กแล้วก็คืนครู แล้ววันนั้นทั้งวันก็เรียนหนังสือ ไม่ใช่เดี๋ยวหยิบมือถือดู ไม่มี ตกเย็นค่ำมาก็ได้ดูอีกครึ่งชั่วโมง ซึ่งเราก็ว่ามันเป็นระบบที่ดี แต่ แม่ไม่จิก แม่ไม่ได้เป็นคนจิกนะ แต่ก็จะส่งข้อความว่าเป็นยังไง โอเคไหม โตแล้ว เราต้องให้เกียรติให้สเปซเขาด้วย ก็จะคายตะขาบมาให้คนที่สอง บางทีเขาก็จะโทร.หาแม่วันละ 4 รอบ”

สามีอยู่กับลูกแทนบินไปหา
“ตอนนี้พอมันเป็นโควิด-19 ก็เลยกลายเป็นสามีไปอยู่แทน เพราะว่าตอนนั้นเราไม่ทราบว่าโควิด-19 มันจะอยู่ หรือเราต้องกลับประเทศหรือจะปิดประเทศ ลูกก็ยังเล็ก เขาก็เลยบินไปสแตนบาย”

เรื่องสาวๆ ของลูกเลี้ยงตามสมัย ต้องจัดลำดับความสำคัญ
“สาวๆ เราก็ให้ข้อมูลไปหมดแล้วนะ หมายถึงว่าเราต้องเลี้ยงลูกให้ไปตามยุคสมัย แต่ถามว่าเป็นเพื่อนกับลูกร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ไหม ไม่ได้หรอก มันเป็นไปไม่ได้เพราะว่าเราก็ต้องมีความเป็นแม่ เขาก็ต้องมีความเกรงใจ สมัยนี้จะไปบอกว่าอย่าเพิ่งมีแฟน ไม่ได้ แต่ก็บอกว่าหน้าที่คืออะไร ยูต้องจัดลำดับหน้าที่ความสำคัญ เรียนหนังสือก่อน แต่ถ้าจะมีแฟนจะมีเพื่อนคุย เขาก็มีหมด ทั้งเพื่อนผู้หญิงและผู้ชาย แต่ตอนนี้อายุ 16 จะเอาอะไร

ถามว่าเขามีคนคุยหรือยัง ยังไม่มี น้องถาม ดี๊ดีเลยแหละคนเล็ก เนสซี่บอกว่ายังไม่มี เขากำลังยุ่งๆ อยู่ แต่ถ้าเขาจะมีแฟนเราต้องเป็นคนเลือกให้เขานะ เนสซี่บอกแม่ชะตาขาด

ก็ไปตามธรรมชาติค่ะ เราไม่ได้ไปตึงเปรี๊ยะอะไร ไม่ได้ห่วงขนาดนั้น ก็โอเคแหละ เลือกผู้หญิงก็เลือกให้ดี เลือกให้อยู่ (แต่เขาก็บอกเราทุกเรื่อง?) ใช่ค่ะ ณ ตอนนี้นะ เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องที่รู้นี่หมดหรือยัง ตอบไม่ได้เหมือนกัน”



กำลังโหลดความคิดเห็น