กลายเป็นประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจหลังจากที่ "แนท อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์" นักแสดง นางแบบเจ้าของตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2558 ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราวชีวิตตนเอง
โดยช่วงหนึ่งเจ้าตัวได้เล่าทั้งน้ำตาว่าตอนนี้ตนจำเป็นจะต้องปล่อยบ้านในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นบ้านหลังแรกที่เธอหาซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงและหวังจะใช้อาศัยอยู่กับตายายให้โดนยึดไป เพราะต้องนำเงินมาโปะใช้หนี้ต่างๆ และตั้งใจว่าจะจากนี้ก็อาจจะกลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่ลำปางกับครอบครัว
ทั้งนี้เจ้าของตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2558 ยังระบุด้วยว่า "ตนเองเริ่มจากศูนย์ ต่อให้กลับไปอีกรอบก็ไม่กลัวอะไรแล้ว"
สำหรับ "แนท อนิพรณ์" นั้นเจ้าตัวอาศัยอยู่กับตา-ยายตั้งแต่อายุ 2-3 ขวบ หลังพ่อกับแม่หย่าร้างกันและแทบจะไม่ได้ติดต่อกันเลย โดยผู้เป็นมารดาเองนานๆ จะกลับมาหาเธอสักครั้ง
"แนท" กับพี่สาวได้อาศัยเงินของตาซึ่งเป็นข้าราชการเกษียนเป็นทุนเรียนหนังสือ แต่กระนั้นทั้งสองก็ต้องทำงานตั้งแต่เด็กๆ เพื่อหารายได้เพิ่ม ทั้งขายหมูปิ้ง เป็นเด็กเสิร์ฟ รับจ้างล้างจาน-ทำความสะอาด รวมถึงการตั้งใจเรียนหนังสือให้เก่งๆ เพื่อที่จะได้ทุนการศึกษา
ชีวิตของหญิงสาวเริ่มดีขึ้นหลังจากที่เธอได้เข้าสังกัดเป็นนางแบบ ตอนนั้นเองมารดาของแนทได้ติดต่อกลับมาเธอดีใจมากและหวังว่าจะกลับมาใช้ชีวิตเป็นครอบครัวร่วมกันอีคกรั้ง
ในเวลาต่อมาชื่อของ "แนท อนิพรณ์" ก็กลายเป็นที่รู้จักจากการคว้าตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2558 ทำให้เธอมีงาน มีเงินเข้ามา จนเธอซื้อบ้านในกรุงเทพให้ตายายมาอยู่ด้วยกัน
แต่แล้วก็มีข่าวซุบซิบถึงแม่นางเอกดังเบี้ยวหนี้ที่กู้มา ซึ่งหญิงสาวก็ออกมายอมรับว่าข่าวนั้นคือมารดาของตนเอง
ที่ผ่านมาแม้มารดาของเธอจะยืนยันผ่านรายการทีวีรายการหนึ่งว่าจะใช้หนี้ด้วยตนเองเพราะลูกสาวได้ให้เงินตนมามากแล้ว ทว่าสุดท้ายด้วยจำนวนเงินที่สูงมากก็เป็นทางด้านของสาว "แนท" เองที่ต้องหาเงินมาใช้หนี้ที่ว่ากระทั่งยอมตัดใจให้บ้านที่ซื้อมาถูกยึดโปะหนี้ต่างๆ
โดยเธอยังบอกด้วยว่าที่ผ่านมาชีวิตเธอก็เริ่มมาจากการไม่มีอะไรอยู่แล้ว ก็ไม่เห็นเป็นอะไรหากจะต้องกลับมาสู้ใหม่อีกครั้ง...