ไม่อายที่จะบอกใครว่าเติบโตมาจากพ่อแม่ที่ทีอาชีพเก็บขยะ และเป็นเด็กวัดกินข้าวก้นบาตร แต่จบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ เกียรตินิยมเหรียญทองสำหรับ “แอน แอนนา เสืองามเอี่ยม” หรือ “แอนนา เสือ” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2022 ที่ใครๆ ต่างตั้งฉายาให้เธอว่า นางงามกองขยะ
วันนี้เราไปย้อนดูคำสัมภาษณ์ชีวิตแอนนา เสือ ในรายการ บ้าน-พลัง-ใจ ที่แอนนาเล่าชีวิตของตัวเองตั้งแต่วัยเด็กจนวันนี้ ก่อนที่เธอจะได้เข้าประกวดจนคว้าตำแหน่ง มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2022
“ที่จำความได้อยู่กับพ่อกับแม่มาก่อน พ่อกับแม่ทำงานเป็นพนักงานเก็บขยะตั้งแต่ตี 3 ถึง 10 โมง จากนั้นแม่ก็ไปทำงานแม่บ้านอีก 2 ที่ต่อวัน ก็หนักมากค่ะ เขาก็อดหลับอดนอนเพื่อทำงาน ตอนนั้นเราก็อยากจะเรียนให้จบ เพื่อจะได้มีงานทำช่วยพ่อกับแม่ ไม่อยากให้เขาลำบากมาก เรารู้ว่าต้นทุนเรามันไม่ดี ถ้าเราเรียนจบ มีเงินมีงานมันจะทำให้เรามีต้นทุนที่ดีขึ้น พ่อกับแม่จะได้ไม่ต้องมาเหนื่อยขนาดนี้เพื่อเรา
ตอนเด็กๆ การไปเที่ยว คือการนั่งรถขยะสีเขียวๆ ไปเก็บขยะกับพ่อ เราไม่ได้มองว่ามันคือรถขยะนะ แต่เรามองว่าเราได้ไปเที่ยวกับพ่อ ก็สนุกสนานค่ะ ไม่ได้คิดอะไร ตอนนั้นเราไม่ได้มีโอกาสไปเที่ยวเหมือนเด็กคนอื่นๆ พอพ่อชวนเราก็คิดว่าอย่างน้อยก็ได้ออกจากบ้านบ้าง ตอนนี้นคือไปโรงเรียนแล้วก็อยู่ห้อง ของเล่นของเราในวัยเด็กก็มาจากขยะ พ่อจะเป็นคนเก็บมาให้ บางอันก็เป็นรีไซเคิล พังแล้วพ่อก็เอามาซ่อมให้”
ไม่น้อยเนื้อต่ำใจตัวเอง ฐานะยากจน พ่อแม่แยกกันอยู่ เลยได้ไปอยู่วัดกับทวดที่เป็นแม่ชี
“แอนไม่เคยมีความคิดน้อยเนื้อต่ำใจว่าบ้านเราก็จนแล้ว พ่อแม่มาแยกกันอีก ตอนนั้นเราอยู่แค่อนุบาล เราไม่รู้ว่าที่แม่บอกว่าจะย้ายไปอยู่ที่อื่นมันคือการหย่า เราใช้ชีวิตประจำวันไปเรื่อยๆ จนเกิดความเคยชินเลยไม่ได้มองว่าเราขาดอะไร
ตอนม.5 แม่จะย้ายไปมีครอบครัวใหม่ ก็ร้องไห้เสียใจอยู่ แต่ก็คิดได้ว่าเขาก็ต้องมีคนที่ช่วยดูแลกันตอนแก่ เรายอมรับได้ ก็เลยอยู่กับทวด 2 คนตั้งแต่นั้นมา เรารับรู้ว่าทวดตั้งใจที่จะเลี้ยงดูเราจริงๆ ทุกคำสอนของเขาไม่ว่าจะเป็นเรื่องนักนวลสงวนตัว การเป็นผู้หญิง การตั้งใจทำอะไรก็ตาม เขาแสดงออกให้เราเห็นจริงๆ และเราก็รับรู้ สัมผัสได้ มันเลยทำให้เราเป็นคนที่ตั้งใจ และประสบความสำเร็จในทุกวันนี้ การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี มันส่งเสริมให้เราไปในทางที่ดีขึ้นด้วยส่วนนึง รวมไปถึงตัวเราเอง ต่อให้เราอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบต่อ แต่เราเชื่อมั่น มั่นใจในตัวเอง มันก็ไปสู้เส้นทางประสบความสำเร็จได้
แอนเชื่อในคำนี้เสมอ และมากๆ ว่าเราทำอะไรก็จะได้อย่างนั้น มันเลยไม่ทำให้เราไม่ออกนอกลู่นอกทางไปไหน เราตั้งใจ ตั้งเป้าหมายเพื่อให้เราไปสู่เส้นทางที่เราฝันไว้จริงๆ”
ยอมรับได้แม้จะโดนเพื่อนล้อเป็นเด็กวัด ลั่นอย่าแคร์คำคน ถ้าเราเป็นคนดี มันก็ดีหมด
“เคยโดนตอนอยู่มัธยมต้น เราทำอะไรไม่ได้เพราะมันคือความจริง เราก็ปล่อยเบลอ เฉยๆ ไป อย่างที่คนเรียกเราว่านางงามกองขยะ หนูก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรเลย ตอนประกวดเราเอาเรื่องขยะเข้าไปเพราะต้องการจะให้เป็นแรงบันดาลใจกับผู้คนอยู่แล้ว เราไม่ได้ซีเรียสเลย แม้ต้นทุนชีวิตเราจะไม่เหมือนคนอื่น เราไม่อยากไปคิดในสิ่งที่เป็นโชคชะตาที่เราลิขิตไม่ได้ เราจะโฟกัสกับสิ่งที่เรากำหนดเองได้ เราได้เกิดมาแล้ว เราต้องทำตัวเองให้ดีที่สุด ไม่ต้องอายว่าเรามาจากตรงไหน ตั้งเป้าหมาย และทำสิ่งที่เราหวังไว้ให้ดีที่สุดก็พอ อย่าไปแคร์คำคน เรารู้อยู่แล้วว่าเราเป็นยังไง ไม่ว่าเราจะไปอยู่ที่ไหน ถ้าเราเป็นคนดี มันก็ดีหมด”
คุณแม่ส่งไปเดินแบบ อยู่เรื่อยๆ เพื่อเป็นค่าขนม มีความฝันอยากจะยืนอยู่บนเวทีนางงามและทำงานวงการบันเทิง
“แอนนาถือว่ามันเป็นโอกาส เป็นประสบการณ์ที่เราสนุกไปกับมัน เราไม่เคยได้ไปเที่ยวเยอะขนาดนั้น แต่พอมาอยู่ในกองประกวด หนูเคยประกวดมาแล้ว 3 เวทีก็ได้รู้จักเพื่อนมากขึ้น การได้มาเป็นนางงาม การได้ทำงานในเส้นทางบันเทิงมันเป็นหนึ่งฝันของเราตั้งแต่วัยเด็ก เราอยากทำงานหาเงิน อยากเลี้ยงดูพ่อแม่ให้เขาได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่อยากให้เขาตื่นขึ้นมาแล้วคิดว่าพรุ่งนี้ฉันจะเอาอะไรกิน”
